'มูชาร์ราฟ'ถึงแก่อสัญกรรมวัย79ปี

เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ อดีตผู้บัญชาการกองทัพและอดีตประธานาธิบดีปากีสถานที่อยู่ระหว่างลี้ภัย ถึงแก่อสัญกรรมขณะมีอายุ 79 ปี ที่โรงพยาบาลในนครดูไบเมื่อวันอาทิตย์หลังจากล้มป่วยมานาน

            สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พล.อ.เปอร์เวซ มูชาร์ราฟ อดีตผู้บัญชาการกองทัพและอดีตประธานาธิบดีปากีสถานที่ดำรงตำแหน่งหลังการทำรัฐประหาร ถึงแก่อสัญกรรมขณะมีอายุ 79 ปี ที่โรงพยาบาลในนครดูไบเมื่อวันอาทิตย์หลังจากล้มป่วยมานาน

            มูชาร์ราฟเป็นผู้นำก่อรัฐประหารยึดอำนาจโดยไม่มีการนองเลือดในปี 2542 ขณะสหรัฐอเมริกาเกิดเหตุก่อการร้าย 9/11 เขาควบตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพและประธานาธิบดีปากีสถาน

            นายพลปากีสถานผู้นี้เป็นผู้ระงับรัฐธรรมนูญถึง 2 ครั้ง และถูกกล่าวหาว่าบิดเบือนการลงประชามติเพื่อสืบทอดอำนาจ และมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างมาก รวมถึงการจับกุมผู้ต่อต้านเขา

            อย่างไรก็ตาม มูชาร์ราฟกลายเป็นพันธมิตรภูมิภาคที่สำคัญของสหรัฐอเมริกา ระหว่างทหารสหรัฐบุกอัฟกานิสถาน ประเทศเพื่อนบ้านของปากีสถาน ทำให้หลังจากนั้นกลุ่มก่อการร้ายอิสลามิสต์พยายามสังหารเขาหลายครั้ง แต่ทำให้ปากีสถานได้รับเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

            มูชาร์ราฟป่วยเป็นโรคอะไมลอยโดสิส ซึ่งเป็นโรคที่พบผู้ป่วยโรคนี้น้อยมาก เมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว ครอบครัวของเขาเผยว่าเขาไม่มีโอกาสหายป่วยจากโรคนี้

            จากรายงานของสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงระบุว่า มูชาร์ราฟถึงแก่อสัญกรรมที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในนครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) เมื่อเช้าวันอาทิตย์นี้

            แหล่งข่าวทหารอากาศปากีสถานนายหนึ่งเผยว่า จะนำศพของมูชาร์ราฟบินกลับปากีสถานในวันจันทร์

            มูชาร์ราฟดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีปากีสถานเกือบ 9 ปี เริ่มจากนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถานในขณะนั้น ที่พยายามปลดเขาจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพ

            หลังการลอบสังหารเบนาซีร์ บุตโต ผู้นำฝ่ายค้านปากีสถานเมื่อเดือนธันวาคม 2550 ทำให้คนในชาติเกิดความโกรธแค้น และในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2551 มูชาร์ราฟสูญเสียพรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรของเขาอย่างย่อยยับ ทำให้เขาโดดเดี่ยวและลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีในปีเดียวกัน และถูกบังคับให้ลี้ภัยออกนอกประเทศ

            แผนการของมูชาร์ราฟที่ต้องการกลับมามีอำนาจอีกครั้งในปี 2556 ล้มเหลว เนื่องจากถูกตัดสินว่าเขาขาดคุณสมบัติในการลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนั้น ซึ่งผู้ชนะเลือกตั้งคือ นาวาซ ชารีฟ

            หลังจากนั้นมูชาร์ราฟโดนตั้งข้อหาเป็นผู้บงการลอบสังหารบุตโตและถูกกักบริเวณให้อยู่ในบ้านพัก เนื่องจากโดนดำเนินคดีหลายข้อหา

            กลุ่มฮิวแมนไรต์วอตช์เรียกร้องต่อรัฐบาลปากีสถานเมื่อปี 2556 ให้ดำเนินคดีเขาฐานละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวางและร้ายแรงระหว่างที่เขาปกครองประเทศ

            ในปี 2559 ศาลยกเลิกคำสั่งห้ามมูชาร์ราฟเดินทางออกนอกประเทศ จากนั้นเขาบินไปรักษาอาการป่วยที่นครดูไบ.           

เพิ่มเพื่อน