'ทรัมป์' กับข้อกล่าวหาข่มขืนในห้องลองเสื้อผ้า

AFP

การพิจารณาคดีแพ่งเริ่มต้นแล้ว โจทก์คือ อี. จีน แคร์รอลล์ กล่าวหาว่าในช่วงทศวรรษ 1990 โดนัลด์ ทรัมป์เคยข่มขืนเธอในห้องลองเสื้อผ้าของห้างหรูในนิวยอร์ก

เมื่อปี 2019 อดีตคอลัมนิสต์ของนิตยสาร Elle เขียนเล่าในหนังสือของเธอ ชื่อเล่ม ‘What Do We Need Men For? : A Modest Proposal’ บรรยายภาพขณะทรัมป์ล่วงละเมิดทางเพศเธอภายในห้องลองเสื้อผ้าของห้าง Bergdorf Goodman ในปี 1995 หรือ 1996 “เมื่อประตูถูกปิด เขาก็พุ่งเข้ามาหาฉันและกดตัวฉันไว้กับผนังห้อง” ทรัมป์ใช้ปากของเขาประกบริมฝีปากของเธอ จากนั้นกระชากถุงน่องและกางเกงในของเธอฉีกขาด ปลดซิปกางเกงของเขา แล้วเบียดแทรกมันเข้าที่หว่างขาของเธอ แต่ในที่สุดเธอผลักตัวเขาออกและสามารถวิ่งหนีออกจากห้องมาได้

ความจริงแล้ว การล่วงละเมิดทางเพศที่เธอกล่าวถึงในปี 2019 นั้นหมดอายุความไปนานแล้ว แต่ผลจากการเคลื่อนไหว MeToo ทำให้รัฐนิวยอร์กมีมติผ่านกฎหมายใหม่ในปี 2022 อนุญาตให้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงทางเพศสามารถฟ้องร้องได้ แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นในหลายทศวรรษก่อน แคร์รอลล์จึงยื่นฟ้องทรัมป์ในคดีหมิ่นประมาทและทำร้ายร่างกาย

อดีตนักข่าวปัจจุบันวัย 79 ปีไม่เคยยื่นฟ้องทรัมป์มาก่อน ในสำนวนฟ้อง ทนายของแคร์รอลล์บอกเหตุผลว่าทำไมเธอจึงปิดปากเงียบเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้มานานหลายทศวรรษ นั่นเพราะความกลัวว่าทรัมป์อาจหลุดคดี กลัวถูกเขาและพรรคพวกไล่ล่าหรือทำให้อับอาย อีกทั้งลังเลว่าหากเธอพูดออกมาแล้วมันจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นหรือไม่ จนกระทั่งหลังจากเขาได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี และจากการพิจารณาคดีของ ฮาร์วีย์ ไวน์สไตน์ เธอจึงรวบรวมความกล้าที่จะออกมาเปิดเผยความผิดที่เขาเคยกระทำนั้น

โดนัลด์ ทรัมป์ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และอ้างว่าเขาไม่เคยรู้จักนักข่าวชื่อแคร์รอลล์ ทรัมป์โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้ลงในเครือข่ายโซเชียล Truth Social ของเขา “มันเป็นเรื่องโกหก หลอกลวง เช่นเดียวกับการหลอกลวงอื่นๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับผมในช่วงเจ็ดปีที่ผ่านมา และแม้ว่าผมไม่ควรพูด…ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่สเป๊กของผมอยู่แล้ว”

ในกรณีคดีความทางแพ่ง คณะลูกขุนไม่จำเป็นต้องตัดสิน “โดยปราศจากข้อสงสัยที่สมเหตุสมผล” ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงที่ทรัมป์อาจจะถูกตัดสินว่ามีความผิด แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายเกี่ยวกับคดีทางเพศหลายคนมองว่า มันเป็นเรื่องท้าทายอยู่เหมือนกัน ทนายความของอดีตประธานาธิบดีสามารถถามค้านคำถามเกี่ยวกับช่วงเวลาของข้อกล่าวหา บ่งชี้ความไม่สอดคล้องกัน ซึ่งอาจทำให้ความน่าเชื่อถือของแคร์รอลล์สั่นคลอนได้

แต่ข้อได้เปรียบอีกอย่างสำหรับแคร์รอลล์คือ ผู้พิพากษาอนุญาตให้เปิดไฟล์เสียงที่อื้อฉาวจากปี 2005 ได้ มันเป็นคลิปเสียงที่สถานี NBC เคยบันทึกไว้ระหว่างที่เธอสัมภาษณ์ทรัมป์ในรายการ โดยที่เขาไม่รู้ตัวว่าไมโครโฟนเปิดอยู่ “ผมมักรู้สึกหวั่นไหวกับคนสวย (เวลาเจอทีไร) ผมเริ่มอยากจะจูบพวกเธอ” ทรัมป์หลุดปากพูดกับเธอ ในบทสนทนานั้นลามปามไปถึงเครื่องเพศ

แต่ผู้พิพากษาเขต ลูอิส เอ. แคปแลน ไม่อนุญาตให้นำร่องรอยดีเอ็นเอที่เป็นไปได้บนเสื้อผ้าจากเหตุการณ์ในห้องลองเสื้อผ้าที่แคร์รอลล์สวมในวันที่เธอกล่าวหาว่าทรัมป์ข่มขืนเมื่อเกือบ 30 ปีก่อนมาใช้เป็นหลักฐาน ซึ่งแคร์รอลล์ได้ส่งไปพิสูจน์กับทางนิติวิทยาแล้ว แต่ทรัมป์ปฏิเสธที่จะให้ตัวอย่างดีเอ็นเอของเขา และเรื่องการแต่งกายจะไม่ถูกกล่าวถึงในระหว่างการพิจารณาคดี

จนถึงตอนนี้ยังเป็นสงสัยอยู่ว่า ทรัมป์จะเข้าร่วมในการพิจารณาคดีด้วยตนเองหรือไม่ เพราะในฐานะจำเลยในคดีแพ่ง เขาอาจให้ทนายความเป็นตัวแทน และแม้ว่าทรัมป์จะถูกตัดสินว่ามีความผิด เขาก็ไม่ต้องถูกจำคุกในคดีนี้ แต่กระบวนการนี้ไม่เพียงแต่ทำให้เขาต้องสูญเสียเงินเท่านั้น หากยังเป็นเรื่องคอขาดบาดตายทางการเมืองของเขาด้วย.  

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง