ผู้นำกลุ่ม จี7 เดินทางถึงประเทศญี่ปุ่นแล้ว เตรียมถกประเด็นหลักประเด็นคว่ำบาตรรัสเซียให้เข้มงวดขึ้นและปกป้องการบีบบังคับทางเศรษฐกิจของจีน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ (ซ้าย) ได้รับการต้อนรับจากนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ระหว่างการประชุมทวิภาคีที่เมืองฮิโรชิมา เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม จี7 (Photo by Kiyoshi Ota / POOL / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2566 กล่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐอเมริกา เดินทางถึงเมืองฮิโรชิมา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมการประชุมสุดยอดกลุ่มจี7
นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำจากอีก 6 ประเทศในฮิโรชิมา ซึ่งเป็นเมืองที่ในอดีตถูกทำลายล้างด้วยอาวุธนิวเคลียร์ และปัจจุบันเต็มไปด้วยอนุสาวรีย์สันติภาพ
บรรดาผู้นำรวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ จะร่วมหารือกันเป็นเวลา 3 วันเพื่อสร้างแนวร่วมต่อต้านรัสเซียและจีน
ก่อนออกเดินทางจากสหรัฐอเมริกา ไบเดนต้องเผชิญสถานการณ์ความขัดแย้งด้านงบประมาณในประเทศ ซึ่งบีบให้เขาต้องยกเลิกการกำหนดการเยือนปาปัวนิวกินีและออสเตรเลีย
ไบเดนเดินทางถึงฮิโรชิมาเมื่อวันพฤหัสบดี กลายเป็นประธานาธิบดีคนที่ 2 ต่อจากบารัค โอบามา ที่ได้มาเยือนเมืองที่ถูกถล่มโดยระเบิดปรมาณูของสหรัฐฯ
การรุกรานยูเครนที่ดำเนินมาเป็นเวลา 15 เดือนของรัสเซียจะเป็นวาระสำคัญเมื่อการประชุมสุดยอด จี7 เริ่มขึ้นในวันศุกร์ หลังจากการโจมตีทางอากาศรอบใหม่ในกรุงเคียฟและฤดูหนาวอันยาวนานของการทำสงครามอย่างดุเดือดในบัคมุต และเมืองแนวหน้าอื่นๆ
"เรายืนหยัดเพื่อค่านิยมที่มีร่วมกัน รวมถึงการสนับสนุนประชาชนของยูเครนในขณะที่พวกเขาปกป้องดินแดนอธิปไตยของตน และรัสเซียต้องรับผิดชอบต่อการรุกรานที่โหดร้าย" ไบเดนกล่าวขณะพบกับคิชิดะเมื่อวันพฤหัสบดี
สหรัฐอเมริกาและพันธมิตรได้ส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังยูเครนเพื่อขัดขวางการรุกคืบของรัสเซีย แต่แผนโต้กลับในช่วงฤดูใบไม้ผลิของยูเครนก็ยังไม่เกิดขึ้นจริง ซึ่งในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ คาดว่าประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน จะได้ร่วมประชุมผ่านระบบวีดีโอทางไกลด้วย
เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวว่า บรรดาผู้นำจะหารือเกี่ยวกับการพัฒนารูปแบบการสู้รบและการเข้มงวดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียมากขึ้น ซึ่งเห็นได้จากตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสก่อนของรัสเซียที่หดตัวลง 1.9%
กลุ่มประเทศ จี7 ได้นำมาตรการคว่ำบาตรมาใช้กับธนาคารและบริษัททางการทหารของรัสเซีย และกำหนดเพดานภาษีสูงสุดสำหรับน้ำมันดิบของรัสเซีย
คาดว่าจะมีการหารือเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดขึ้น และเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อสินค้าอีกหลายประเภท รวมถึงการค้าเพชรมูลค่าประมาณ 5 พันล้านดอลลาร์ต่อปีของรัฐบาลมอสโก
ขณะที่การหารือในการประชุมสุดยอดเกี่ยวกับจีนคาดว่าจะมุ่งเน้นไปที่ความพยายามในการป้องกันประเทศกลุ่ม จี7 โดยการกระจายห่วงโซ่อุปทานและตลาด ให้รอดพ้นจากการขู่กรรโชกทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น
ในข้อพิพาทกับประเทศต่าง ๆ ตั้งแต่ออสเตรเลียไปจนถึงแคนาดา คณะบริหารของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงได้แสดงเจตนาที่จะปิดกั้น, เก็บภาษี หรือขัดขวางการค้าด้วยข้ออ้างต่างๆที่ไม่ชัดเจน
เจค ซัลลิแวนระบุว่า บรรดาผู้นำควรประณาม "การบีบบังคับทางเศรษฐกิจ" นี้ และพยายามเชื่อมความเห็นที่แตกต่างระหว่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพื่อความเป็นเอกภาพในการดำเนินการกับจีน
สหรัฐอเมริกาใช้แนวทางที่ก้าวร้าวในการขัดขวางไม่ให้จีนเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดในการพัฒนาเทคโนโลยี และกดดันให้ญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์ต้องปฏิบัติตาม
แต่ผู้กำหนดนโยบายของยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนีและฝรั่งเศส มีความกระตือรือร้นที่จะทำให้แน่ใจว่าการ "ลดความเสี่ยง" ไม่ได้หมายถึงการทำลายความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
"จี7 นี้ไม่ใช่ จี7 ที่ต่อต้านจีน" ที่ปรึกษาประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส กล่าวกับนักข่าวก่อนการประชุมสุดยอด
"เรามีข้อความเชิงบวกสำหรับจีน ซึ่งก็คือเราพร้อมที่จะร่วมมือโดยมีเงื่อนไขว่าเราต้องเจรจาร่วมกัน" ที่ปรึกษาของผู้นำฝรั่งเศสกล่าวเสริม
ในการประชุมครั้งนี้ เจ้าภาพญี่ปุ่นยังกระตือรือร้นที่จะพูดคุยกับชาติกำลังพัฒนาที่ถูกดึงดูดโดยการลงทุนของจีน โดยมีผู้นำจากอินเดีย, บราซิล และอินโดนีเซีย อยู่ในกลุ่มที่ได้รับเชิญจากคิชิดะให้มายังฮิโรชิมา
หลักฐานของอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการทูตที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลปักกิ่งถูกจัดแสดงที่ซีอาน เมืองหลวงเก่าของจักรพรรดิจีน และปัจจุบันประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังเป็นเจ้าภาพต้อนรับผู้นำจาก 5 ประเทศเอเชียกลาง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าแข็งแกร่งภายใต้ปีกของรัสเซีย แต่กำลังเปลี่ยนทิศทางเข้าหาจีนมากขึ้นเรื่อยๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นายกรัฐมนตรีเยอรมนีทำเซอร์ไพรส์ ไปเยือนยูเครนแบบฉุกละหุก
นี่เป็นการเยือนครั้งที่สองของนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ นับตั้งแต่รัสเซียเริ่มสงครามในยูเครน และเป็นการเดินทางเยือนที่ทำให้เกิดคำถาม