คณะผู้แทนระดับสูงของแอฟริกาเตรียมเดินทางไปเข้าพบกับผู้นำรัสเซีย หลังจากเดินทางมายูเครนเพื่อประสานข้อขัดแย้งคู่สงคราม แต่เซเลนสกีปฏิเสธข้อเรียกร้องให้ร่วมเจรจากับปูติน
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี (ซ้าย) และประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ ร่วมปราศรัยกับสื่อหลังคณะเจรจาสันติภาพจากแอฟริกาเดินทางมาเยือนกรุงเคียฟและได้หารือกับผู้นำยูเครน เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน (Photo by Sergei SUPINSKY / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน 2566 กล่าวว่า กลุ่มผู้นำ 7 ประเทศจากแอฟริกาเดินทางไปเยือนกรุงเคียฟเมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจที่มุ่งสร้างสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน และได้เข้าพบหารือกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี
คณะเจรจาสันติภาพจากแอฟริกาแสดงความกังวลต่อทวีปของตนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการสู้รบของยูเครนและรัสเซีย โดยเฉพาะราคาธัญพืชในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งประธานาธิบดีไซริล รามาโฟซา ของแอฟริกาใต้ยืนยันว่า "สงครามครั้งนี้ต้องยุติลง และควรมีการเจรจาสันติภาพระหว่างสองคู่ขัดแย้ง"
แต่ผู้นำยูเครนปฏิเสธการเจรจากับรัสเซียระหว่างแถลงข่าวร่วมกับคณะผู้แทนจากแอฟริกา โดยกล่าวว่า "ผมพูดอย่างชัดเจนหลายครั้งในที่ประชุมทุกครั้งว่า การเจรจาเดียวกับรัสเซียในขณะที่ยังคงยึดครองดินแดนเราอยู่ คือต้องยุติสงคราม และหยุดสร้างความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานให้กับเราเสียก่อน"
เสียงไซเรนของการโจมตีทางอากาศดังขึ้นทั่วประเทศหลังจากบรรดาผู้นำแอฟริกามาถึงกรุงเคียฟได้ไม่นาน ทำให้คณะเจรจาต้องลงไปหลบภัย ซึ่งกองทัพอากาศยูเครนกล่าวว่าได้ยิงสกัดขีปนาวุธของรัสเซียได้ 12 ลูก
ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้อ้างอิงการโจมตีดังกล่าวเป็นหลักฐานว่าทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องหยุดการต่อสู้
"ขณะที่เราอยู่ที่นี่ เราได้ยินข่าวการโจมตีด้วยขีปนาวุธและการสู้รบแบบนั้นไม่ดีต่อการส่งเสริมสันติภาพ ดังนั้นเรายืนยันว่าต้องมีการลดระดับความรุนแรงลงทั้งสองฝ่าย" รามาโฟซากล่าว
ในถ้อยแถลง เซเลนสกีกล่าวว่าเขาได้เรียกร้องให้คณะเจรจาสันติภาพฯกำหนดมุมมองของพวกเขาเกี่ยวกับวิธีหยุดอาชญากรรมที่ก่อโดยรัสเซีย และวิธีดำเนินการเพื่อความมั่นคงทางอาหาร
"แต่ก่อนอื่น เราต้องฟื้นฟูกฎบัตรสหประชาชาติอย่างเต็มกำลัง เพื่อหยุดการรุกรานอันโหดร้ายของรัสเซียและปลดปล่อยดินแดนของเราให้เป็นอิสระ" ผู้นำยูเครนกล่าวเสริม
บรรดาผู้นำจากแอฟริกาเตรียมเดินทางออกจากยูเครนเพื่อไปเข้าพบกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียที่กรุงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ในวันเสาร์นี้
"ในมุมมองของเรา สิ่งสำคัญคือต้องตั้งใจฟังคำพูดของทั้งสองฝ่าย วันนี้คือยูเครน และต่อไปคือรัสเซีย" ประธานาธิบดีแอฟริกาใต้กล่าว พร้อมเสริมว่า "จากนั้นพวกเราทั้ง 7 ประเทศจะสรุปผลร่วมกัน และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะมีส่วนร่วมในขั้นตอนต่อไป"
นักวิเคราะห์ระบุว่า ความพยายามในการไกล่เกลี่ยของคณะเจรจาสันติภาพจากแอฟริกาอาจมีการคาดหวังว่าจะได้รับสัมปทานจากรัฐบาลมอสโกก่อนการประชุมสุดยอดรัสเซีย-แอฟริกาในเดือนหน้า
ทั้งนี้ ทวีปแอฟริกาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาธัญพืชและปุ๋ยที่สูงขึ้น รวมถึงผลกระทบในวงกว้างต่อการค้าโลก นับตั้งแต่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อปีที่แล้ว
"ความขัดแย้งนี้ยังส่งผลกระทบในทางลบต่อประเทศในแอฟริกา และส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชน 1.2 หรือ 1.3 พันล้านคนในทวีปแห่งนี้" รามาโฟซากล่าว
ประเทศในแอฟริกาถูกแบ่งแยกเนื่องจากความเห็นไม่ลงรอยต่อสงครามครั้งนี้ โดยบางส่วนเข้าข้างยูเครน และบางประเทศยังคงเป็นกลางหรือโน้มเอียงไปทางรัสเซีย.