รัฐประหารในกาบอง ประธานาธิบดีถูกกักบริเวณในบ้าน

กลุ่มทหารก่อกบฏโค่นล้มรัฐบาลในกาบอง หลังการเลือกตั้งที่ประธานาธิบดีอาลี บองโก ออนดิมบาซึ่งอยู่ในอำนาจมาตั้งแต่ปี 2552 ได้รับการประกาศให้เป็นผู้ชนะ

ภาพถ่ายจากวีดีโอแสดงให้เห็นประธานาธิบดีอาลี บองโก ออนดิมบา ของกาบอง กำลังเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากพันธมิตรทั่วโลก หลังรัฐบาลที่เพิ่งได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง ถูกโค่นล้มโดยการรัฐประหารของกลุ่มทหาร และตัวเขาถูกจับกุมและกักบริเวณในบ้านพัก เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม (Photo by UNKNOWN SOURCE / AFP)

เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 30 สิงหาคม 2566 กล่าวว่า เกิดสถานการณ์การเมืองที่วุ่นวายในกาบอง ประเทศที่อุดมไปด้วยน้ำมันในแอฟริกากลาง เมื่อกลุ่มทหารทำการรัฐประหารรัฐบาลที่เพิ่งได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งล่าสุด และจับกุมตัวประธานาธิบดีอาลี บองโก ออนดิมบา

บองโก วัย 64 ปี ซึ่งครอบครัวปกครองกาบองมานานกว่า 55 ปี ถูกกักบริเวณไว้ในบ้านพักของตนเอง และลูกชายคนหนึ่งของเขาถูกจับในข้อหาขายชาติ ตามคำชี้แจงของผู้นำคณะรัฐประหาร

ในการปราศรัยก่อนรุ่งสาง คณะรัฐประหารประกาศว่า "สถาบันทั้งหมดของสาธารณรัฐ" ถูกยุบ รวมทั้งผลการเลือกตั้งถูกยกเลิก และสั่งปิดพรมแดน

คำแถลงที่อ่านผ่านการถ่ายทอดของสถานีโทรทัศน์ในประเทศ มีใจความว่า "วันนี้ ประเทศกำลังเผชิญกับวิกฤตที่ร้ายแรงทางสถาบัน, การเมือง, เศรษฐกิจ และสังคม"

"การเลือกตั้งล่าสุดไม่เป็นไปตามเงื่อนไขสำหรับการลงคะแนนเสียงที่โปร่งใส, น่าเชื่อถือ และครอบคลุมตามที่ประชาชนชาวกาบองคาดหวังไว้ รัฐบาลขาดธรรมาภิบาลท, ขาดความรับผิดชอบ และคาดเดาไม่ได้ ส่งผลให้ความสามัคคีทางสังคมเสื่อมถอยอย่างต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงที่จะนำประเทศไปสู่ความสับสนวุ่นวาย"

"พวกเรา คณะกรรมการเพื่อการเปลี่ยนผ่านและฟื้นฟูสถาบัน ในนามของประชาชนกาบอง และในฐานะผู้ค้ำประกันการคุ้มครองสถาบันต่างๆ ได้ตัดสินใจปกป้องสันติภาพด้วยการยุติระบอบการปกครองในปัจจุบัน" คำแถลงฯระบุ

นอกจากลูกชายของประธานาธิบดีแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐบาล, พันธมิตร และองคาพยพทั้งหลายของบองโก ต่างถูกคณะรัฐประหารจับไว้ได้ทั้งหมดแล้ว จากข้อกล่าวหาว่าเป็นกบฏขายชาติ, ยักยอกทรัพย์, ทุจริต และปลอมแปลงลายเซ็นของประธานาธิบดี

อาลี บองโก ออนดิมบาได้รับการเลือกตั้งครั้งแรกในปี 2552 หลังการเสียชีวิตของโอมาร์ พ่อของเขา ซึ่งปกครองประเทศมาเป็นเวลา 41 ปี

การก่อรัฐประหารเกิดขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่หน่วยงานการเลือกตั้งระดับชาติประกาศว่า ออนดิมบาชนะการเลือกตั้งเมื่อวันเสาร์ ด้วยคะแนนเสียง 64.27% และดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 3 ท่ามกลางเสียงประท้วงจากฝ่ายตรงข้ามว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่โปร่งใสและมีการฉ้อโกง

กาบองมีประชากรเพียง 2.3 ล้านคน และถูกปกครองโดยตระกูลออนดิมบามานานกว่า 55 ปี จากทั้งหมด 63 ปีนับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในปี 2503

โอมาร์ บองโกเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดที่สุดของฝรั่งเศสในยุคหลังอาณานิคม และลูกชายของเขาได้ประจำการอยู่ในปารีสมาเป็นเวลานาน ซึ่งครอบครัวของเขาเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากและกำลังถูกสอบสวนโดยผู้พิพากษาต่อต้านการทุจริต

ฝรั่งเศสยังคงแสดงตนทางทหารในหลายดินแดนของอดีตอาณานิคม รวมถึงกาบองซึ่งมีทหารประจำการถาวร 370 นาย โดยมีบางส่วนอยู่ในเมืองหลวงลีเบรอวิล ตามการระบุของเว็บไซต์กระทรวงกลาโหมฝรั่งเศส

นายกรัฐมนตรีเอลิซาเบธ บอร์น ของฝรั่งเศส กล่าวว่ารัฐบาลของเธอกำลังติดตามเหตุการณ์ในกาบองอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับรัสเซียและจีน ที่ออกมาแสดงความกังวลกับสถานการณ์ และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายในกาบองรับประกันความปลอดภัยของประธานาบดีบองโก, แก้ไขความขัดแย้งด้วยการเจรจา และฟื้นฟูความสงบเรียบร้อยโดยเร็วที่สุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อดีตบิ๊กข่าวกรอง ชี้ 'บิ๊กทิน' กินยาผิด! ยันทหารไม่อยากยึดอำนาจถ้านักการเมืองไม่โกง

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nantiwat Samart หัวข้อ

'ก้าวไกล' หนุนแก้กฎหมายสกัดรัฐประหาร ลั่นกองทัพต้องอยู่ใต้รัฐบาลพลเรือน

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม มีข้อเสนอให้สภากลาโหมเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่…)

‘วิโรจน์’ หนุน ‘สุทิน’ แก้กฎหมายกลาโหม สกัดรัฐประหาร ลั่นต้องทำให้ถึงแก่น

‘วิโรจน์’ เห็นด้วยในหลักการ หลัง ‘สุทิน‘ เสนอแก้ ’กฎหมายกลาโหม‘ สกัดรัฐประหาร แต่ต้องแก้ให้ถึงแก่น ไม่ใช่แค่ผิว ชี้ เป้าหมายสูงสุด คือทำให้กองทัพไม่อยู่ในฐานะรัฐอิสระ แนะ ควรปรับสัดส่วน ‘สภากลาโหม’ ให้เหลือแค่ 11 คน-มีทหารไม่เกินกึ่งหนึ่ง