นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสเรียกร้องให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งรวมตัวเป็นแนวร่วมกันเพื่อสกัดกั้นฝ่ายขวาจัดในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติรอบสอง พร้อมสะกิดว่าพรรคของมารีน เลอ เปน อาจชนะขาดและต้งรัฐบาลแบบพรรคเดียวได้
ที่นั่งสมาชิกสภานิติบัญญัติของอาคารรัฐสภาในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส (Photo by Bertrand GUAY / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันพุธที่ 3 กรกฎาคม 2567 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีกาเบรียล แอตทาล ของฝรั่งเศสจากพรรคสาธารณรัฐเดินหน้า (La République en Marche!) ออกมาวิงวอนต่อผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสภานิติบัญญัติรอบสอง ให้จัดตั้งแนวร่วมเพื่อสกัดชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของพรรครณรงค์แห่งชาติ (National Rally หรือ Rassemblement National) ฝั่งขวาจัด ที่กวาดคะแนนรอบแรกทิ้งห่างพรรคฝ่ายซ้ายเสรีนิยมและพรรคสายกลางของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ไปได้
เหลือเวลาอีกเพียง 4 วันก่อนถึงการเลือกตั้งรอบที่สอง ทว่าอนาคตทางการเมืองของฝรั่งเศสยังคงไม่แน่นอน ในขณะที่พรรคขวาจัดเตรียมเข้าครอบครองอำนาจบริหารแบบเต็มตัวเป็นครั้งแรก
พรรครณรงค์แห่งชาติได้เสียงข้างมากไปในการเลือกตั้งรอบแรก ทำให้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลและผลักดันจอร์แดน บาร์เดลลาวัย 28 ปี ให้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภายใต้การทำงานกับประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ซึ่งอยู่ขั้วตรงข้ามกัน
ความหวาดกลัวต่อชัยชนะของฝั่งขวาจัดทำให้ฝ่ายซ้ายและฝ่ายกลางต้องจับมือกัน เพื่อดึงคะแนนเสียงออกมา รวมถึงการถอนตัวผู้สมัครมากกว่า 200 คนจากทั้งสองฝั่งในสัปดาห์นี้ โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ฝั่งขวาจัดกวาดที่นั่งไปได้
แม้การจัดตั้งแนวร่วมที่เรียกว่า "แนวหน้ารีพับลิกัน" นี้ดูเหมือนจะประสบความสำเร็จสำหรับรัฐบาล แต่คำถามสำคัญก็คือ ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของพวกเขาหรือเปล่า
นายกฯแอตทาลกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุฟรานซ์ อินเตอร์ไว้ว่า "มีอยู่กลุ่มหนึ่งที่สามารถถือครองเสียงข้างมากได้ในรัฐสภา และเป็นกลุ่มที่มีแนวคิดสุดโต่ง"
"ในเย็นวันอาทิตย์ สิ่งที่เป็นเดิมพันในรอบที่สองคือการทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้กลุ่มขวาสุดโต่งได้รับเสียงข้างมากโดยเด็ดขาด" เขากล่าว พร้อมเสริมว่ามันอาจเป็นการฝืนใจที่ถูกขอให้ไม่เลือกพรรครณรงค์แห่งชาติ แต่มันเป็นความรับผิดชอบและสิ่งที่ควรทำ
การจับมือของพันธมิตรนั้นคือการถอนผู้สมัครของพรรคใดพรรคหนึ่งออก เพื่อให้เหลือผู้สมัครคนเดียวในการแข่งกับพรรคขวาจัดในเขตเลือกตั้งหนึ่ง จากนั้นระดมการสนับสนุนจากผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งที่ไม่เลือกฝั่งขวา ให้เทคะแนนเสียงเลือกฝั่งพันธมิตรให้มากที่สุด เป็นการรุมกินโต๊ะเพื่อทำให้ผู้สมัครของฝั่งขวาจัดพ่ายแพ้ในเขตนั้นๆ และจะส่งผลต่อภาพรวมทั่วประเทศไม่ให้พรรครณรงค์แห่งชาติได้ที่นั่งในรัฐสภามากเกินไปจนกลายเป็นรัฐบาลพรรคเดียว
ทั้งนี้ หากต้องการจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว พรรคนั้นๆต้องได้ที่นั่งในรัฐสภา 289 ที่นั่งเป็นอย่างน้อย จากที่นั่งในรัฐสภาแห่งชาติทั้งหมด 577 ที่นั่ง
แต่มารีน เลอ เปนกล่าวว่า พรรครณรงค์แห่งชาติจะพยายามให้ได้ที่นั่งเกิน 270 ที่นั่งเป็นอย่างน้อย จากนั้นก็จะดึงสมาชิกสภานิติบัญญัติจากพรรคเล็กๆเข้ามาร่วมด้วย ซึ่งไม่น่าจะกระทบต่อแนวทางในการทำงานของรัฐบาลใหม่แต่อย่างใด
มีการคาดการณ์อีกฉากทัศน์หนึ่งที่สื่อมองว่าเป็นไปได้อยู่เหมือนกันคือ การรวมเสียงของกลุ่มพันธมิตรที่สนับสนุนมาครง ทั้งฝ่ายขวาเดิม, พรรคสังคมนิยม และพรรคอื่นๆ เพื่อเป็นรัฐบาลผสมแทนที่จะยอมให้ฝ่ายขวาจัดได้เป็นรัฐบาล
ยังไม่รวมแนวคิดของอดีตนักการเมืองในรัฐบาลชุดก่อนๆ ที่เรียกร้องให้จัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลที่มุ่งเน้นการสร้างประเทศขึ้นใหม่ ดีกว่ายึดติดแนวคิดประชาธิปไตยแบบเดิมแล้วนำพาประเทศไปสู่ความแตกแยกหรือสงครามกลางเมือง เพราะเชื่อเสมอว่าฝรั่งเศสมีทางเลือกอื่นนอกเหนือไปจากฝ่ายซ้าย, ฝ่าย ขวา, สายกลาง หรือแนวร่วมพันธมิตร
มารีน เลอ เปนประณามการเคลื่อนไหวทางยุทธวิธีพันธมิตรดังกล่าวว่า ชนชั้นทางการเมืองกำลังสร้างภาพลักษณ์ที่แปลกประหลาดให้กับการเมืองของฝรั่งเศส
ขณะที่เอมมานูเอล มาครง กลับวางตัวเงียบเชียบและไม่ได้พูดในที่สาธารณะอีกเลยนับตั้งแต่การประชุมสุดยอดสหภาพยุโรปเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาเลือกสงวนท่าทีเพื่อไม่ให้เกิดภาพลบต่อพรรคสายกลางของเขาที่อาจเป็นการเทคะแนนให้ฝั่งขวาจัดได้.