ความกังวลเพิ่มขึ้นต่อความหวังที่จะบรรลุข้อตกลงสงบศึกในกาซา หลังนายกรัฐมนตรีอิสราเอลปฏิเสธที่จะประนีประนอมใดๆ ในการเจรจาที่หยุดชะงักเกี่ยวกับข้อตกลงปล่อยตัวตัวประกัน
เด็กปาเลสไตน์รอรับอาหารปรุงสุกในค่ายผู้พลัดถิ่นชั่วคราวในเมืองข่าน ยูนิสของฉนวนกาซาที่ถูกปิดล้อม เมื่อวันที่ 3 กันยายน ท่ามกลางสงครามที่ยังคงดำเนินต่อไประหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส (Photo by Bashar TALEB / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 3 กันยายน 2567 กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอลกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หลังประชาชนลุกฮือต่อต้านจากเหตุตัวประกันเสียชีวิตเพิ่มในฉนวนกาซาเพราะความไม่จริงจังกับการนำตัวตัวประกันที่เหลือกลับบ้าน และการเจรจาข้อตกลงที่ยืดเยื้อกับกลุ่มฮามาส
เนทันยาฮูกล่าวในการแถลงข่าวทางโทรทัศน์ในตอนท้ายของวันแห่งการประท้วงทั่วประเทศว่า เขาจะไม่ยอมจำนนต่อแรงกดดันที่ขอให้ยอมอ่อนข้อในการเจรจากับกลุ่มฮามาสเพื่อยุติสงคราม ซึ่งขณะนี้ใกล้เข้าสู่เดือนที่ 12 แล้ว
คำพูดดังกล่าวถือเป็นการยืนยันของผู้นำอิสราเอลว่าเขาจะไม่หยุดสงครามจนกว่ากลุ่มฮามาสจะยอมแพ้ และอาจหมายความว่าจะไม่มีข้อตกลงปล่อยตัวตัวประกันเกิดขึ้นตามที่หลายฝ่ายคาดหวัง
ชาวอิสราเอลโศกเศร้าและโกรธแค้นหลังกองทัพกู้ศพตัวประกันที่เสียชีวิต 6 รายได้จากฉนวนกาซา จึงออกมาเดินขบวนบนท้องถนนในวันอาทิตย์และวันจันทร์เพื่อกดดันรัฐบาลให้ทำทุกวิถีทางที่นำไปสู่การปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมที่เหลือทั้งหมด
กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า ผู้ถูกจับกุมทั้ง 6 รายยังมีชีวิตอยู่และถูกผู้จับกุมยิงเสียชีวิตไม่นานก่อนที่ทหารจะพบตัวพวกเขา
เนทันยาฮูเผชิญข้อกล่าวหาจากนักการเมืองในอิสราเอล, เจ้าหน้าที่ฮามาส และนักวิเคราะห์การเมืองระหว่างประเทศว่า ยื้อเวลาการทำสงครามเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง
แม้แต่พันธมิตรอย่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐเองยังกล่าวว่า เนทันยาฮูทำได้ไม่ดีพอในเรื่องตัวประกัน
ผู้นำอิสราเอลซึ่งรัฐบาลผสมของเขาต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากรัฐมนตรีฝ่ายขวาที่ต่อต้านการสงบศึก ยืนกรานว่า "เราตอบรับข้อตกลงไปแล้ว แต่ฮามาสต่างหากที่ปฏิเสธการประนีประนอม"
"ผมจะไม่ยอมแพ้ต่อแรงกดดันใดๆ" เนทันยาฮูกล่าวในการแถลงข่าว โดยอ้างว่าอิสราเอลต้องควบคุมชายแดนระหว่างกาซากับอียิปต์ เพื่อหยุดไม่ให้ฮามาสกลับมาติดอาวุธอีกครั้ง และยังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกดดันฮามาสให้มากที่สุด
กลุ่มฮามาสเรียกร้องให้อิสราเอลถอนกำลังออกจากฉนวนกาซาโดยสมบูรณ์มาเป็นเวลานานแล้ว และอียิปต์เองก็ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการที่กองทัพอิสราเอลยังคงประจำการตามชายแดน
อิสราเอลยึดครองฉนวนกาซาในปี 2510 และรักษากำลังทหารไว้ที่นั่นจนถึงปี 2548 จากนั้นจึงถอนกำลังออกไปแต่เปลี่ยนไปใช้นโยบายปิดล้อมแทน เช่นเดียวกับที่ทำในช่วงสงครามเริ่มต้น
อีกด้านหนึ่ง อังกฤษเพิ่มแรงกดดันต่ออิสราเอลด้วยการระงับการสนับสนุนอาวุธบางส่วน โดยอ้างถึงความเสี่ยงว่าอาวุธเหล่านั้นอาจถูกนำไปใช้ในการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง
ขณะเดียวกัน การสู้รบยังคงดำเนินต่อไปในฉนวนกาซา โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยฝ่ายพลเรือนรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 2 ราย รวมถึงเด็ก 1 ราย ในการโจมตีของอิสราเอลที่ค่ายผู้พลัดถิ่นใกล้เมืองข่าน ยูนิสเมื่อวันอังคาร
หน่วยงานป้องกันพลเรือน ตลอดจนผู้สังเกตการณ์ และผู้สื่อข่าวเอเอฟพี รายงานว่ามีการโจมตีทางอากาศและการยิงกระสุนปืนใหญ่เพิ่มเติมทั่วภาคใต้และภาคกลางของฉนวนกาซา
จนถึงขณะนี้ ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลต่อกลุ่มฮามาสได้สังหารผู้คนในฉนวนกาซาไปแล้วอย่างน้อย 40,786 ราย ขณะที่ฝั่งอิสราเอลสูญเสียไป 1,205 ราย รวมถึงตัวประกันที่เสียชีวิตระหว่างการกักขัง
จากตัวประกันทั้งหมด 251 คนที่ถูกกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์จับกุมระหว่างการโจมตีนั้น 97 คนยังคงอยู่ในฉนวนกาซา รวมถึง 33 รายที่กองทัพอิสราเอลระบุว่าเสียชีวิตแล้ว
อาบู โอเบดา โฆษกกองกำลังติดอาวุธภายใต้บัญชาการของกลุ่มฮามาสกล่าวว่า ตัวประกันที่เหลือจะถูกส่งกลับไปในโลงศพ หากอิสราเอลยังคงกดดันทางทหารต่อฉนวนกาซา
เนื่องจากฉนวนกาซาอยู่ในสภาพพังยับเยิน และประชาชนส่วนใหญ่กว่า 2.4 ล้านคนถูกบังคับให้ต้องอพยพและหลบภัยในสภาพที่คับแคบไม่ถูกสุขอนามัย จึงเป็นต้นตอของการเกิดโรคระบาด
หลังจากพบผู้ป่วยโรคโปลิโอรายแรกในรอบ 25 ปี แคมเปญระดมฉีดวัคซีนได้เริ่มต้นขึ้นในวันอาทิตย์ โดยมีการพักรบเพื่อมนุษยธรรมในบางพื้นที่
กระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซาเปิดเผยว่า เด็กๆ ประมาณ 160,000 คนได้รับวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอโดสแรกแล้วในวันอาทิตย์และวันจันทร์ในใจกลางฉนวนกาซา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ฝนและความหนาวเย็นทำให้สถานการณ์ของผู้พลัดถิ่นและตัวประกันในฉนวนกาซารุนแรงขึ้น
ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ในฉนวนกาซาต้องพลัดถิ่นตั้งแต่เริ่มสงคราม ขณะนี้พวกเขากำลังเผชิญกับภาว