
ภาพเหมือนของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส (ขวา) ถูกจัดตั้งไว้ที่อาสนวิหารจาการ์ตา ในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 21 เมษายน หลังการประกาศข่าวสิ้นพระชนม์ของพระองค์ (Photo by BAY ISMOYO / AFP)
การสิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุ 88 พรรษาของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทำให้โลกสูญเสียผู้นำการปฏิรูปที่กระตือรือร้นในการสร้างแรงบันดาลใจให้ชาวคาทอลิกอย่างกว้างขวาง และผู้ที่ต้องแบกรับทั้งความรักของผู้คนและความไม่พอใจจากศาสนิกชนที่ยึดมั่นในประเพณีดั้งเดิม
พระสันตะปาปาแห่งอาร์เจนตินาซึ่งเป็นผู้นำคริสตจักรคาทอลิกตั้งแต่เดือนมีนาคม 2013 ทรงเข้ารับการรักษาอาการประชวรปอดอักเสบที่โรงพยาบาล 'Gemelli' ในกรุงโรมเป็นเวลา 38 วันจนมีพระวรกายแข็งแรงและเสด็จออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 23 มีนาคม
การสิ้นพระชนม์ของพระองค์เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากที่พระองค์ทรงสร้างความสุขให้กับฝูงชนที่มาร่วมพิธีที่วาติกันในวันอีสเตอร์ด้วยการปรากฎพระองค์บนระเบียงของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
การสิ้นพระชนม์ของพระองค์จะตามมาด้วยการดำเนินพิธีเก่าแก่หลายศตวรรษ ซึ่งจะสิ้นสุดลงด้วยการรวบรวมคณะคาร์ดินัลเพื่อเลือกผู้สืบทอดตำแหน่ง
ในระหว่างนี้ การดำเนินงานประจำวันของนครรัฐวาติกันจะอยู่ภายใต้การดูแลของคาเมอร์เลนโก "เควิน ฟาร์เรล" ผู้เป็นคาร์ดินัลอาวุโสชาวไอร์แลนด์
พระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีพระนามเดิมว่า จอร์จ เบอร์โกกลิโอ, ทรงเป็นเยซูอิตคนแรกที่กลายเป็นผู้นำชาวคาทอลิกเกือบ 1,400 ล้านคนทั่วโลก และเป็นคนแรกจากทวีปอเมริกา
พระองค์ทรงรับตำแหน่งต่อจาก "เบเนดิกต์ที่ 16" พระสันตะปาปาพระองค์แรกนับตั้งแต่ยุคกลางที่ทรงสละราชสมบัติ และทรงมีบุคลิกแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สันตะปาปาฟรานซิสทรงชื่นชอบฟุตบอล และพยายามสร้างคริสตจักรที่เปิดกว้างและมีเมตตากรุณามากขึ้น
พระองค์ทรงปกป้องความยุติธรรมทางสังคม, สิทธิของผู้อพยพ และการรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างแข็งขัน ขณะเดียวกันก็ทรงผลักดันการปฏิรูปการปกครองและจัดการกับกรณีการล่วงละเมิดทางเพศเด็กโดยนักบวช
แต่บรรดานักวิจารณ์กล่าวหาว่าพระองค์ทรงสร้างความสับสนในหลักคำสอนและล้มเหลวในการปกป้องความเชื่อคาทอลิกแบบดั้งเดิมในประเด็นสำคัญ เช่น การทำแท้งและการหย่าร้าง
ความปรารถนาของสันตะปาปาฟรานซิสที่เลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไปนั้นชัดเจนจนกระทั่งวาระสุดท้าย โดยพระองค์ตัดสินพระทัยที่จะให้ฝังพระบรมศพในมหาวิหารซานตามาเรียมัจโจเรของกรุงโรม ไม่ใช่ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ตามประเพณีดั้งเดิม ซึ่งจะทำให้พระองค์เป็นพระสันตะปาปาพระองค์แรกในรอบกว่า 100 ปีที่จะถูกฝังนอกนครวาติกัน
สันตะปาปาฟรานซิสยังปฏิเสธประเพณีที่พระสันตะปาปามีโลงพระศพสามโลง แต่ทรงเลือกที่จะให้ฝังในโลงเดียวที่ทำจากไม้และสังกะสี เพื่อสะท้อนบทบาทของพระองค์ในฐานะศิษยาภิบาลที่สมถะ
พระองค์ทรงละทิ้งโอกาสที่จะก้าวลงจากตำแหน่งตามเงื่อนไขของการไม่สามารถปฏิบัติภารกิจของสันตะปาปาได้ เฉกเช่นอดีตสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ทรงลาออกเพราะปัญหาสุขภาพ
แต่พระองค์ทรงยืนกรานมาหลายปีแล้วว่ายังไม่ถึงเวลา และพยายามทรงงานตามตารางภารกิจที่ยุ่งวุ่นวาย จนกระทั่งทรงต้อนรับนายกรัฐมนตรีของสโลวาเกีย และเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลต่อจากนั้นไม่นาน
สันตะปาปาฟรานซิสซึ่งถูกตัดพระปับผาสะ (ปอด) ออกบางส่วนเมื่อครั้งเยาว์วัย ทรงหายใจติดขัดอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่วันก่อนย้ายไปที่โรงพยาบาล Gemelli โดยมอบหมายให้ผู้ช่วยอ่านคำเทศน์แทนพระองค์ต่อสาธารณชน
แม้ว่าพระองค์จะเสด็จออกจากโรงพยาบาลและได้รับคำแนะนำให้พักผ่อนพระวรกายเป็นเวลาสองเดือน แต่สันตะปาปาฟรานซิสก็ทรงไม่รอช้าที่จะปรากฏต่อสาธารณชน
พระองค์ทรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการติดเชื้อทางเดินหายใจในเดือนมีนาคม 2023 และในปีเดียวกันนั้น ยังต้องเข้ารับการผ่าตัดไส้เลื่อน โดยก่อนหน้าในปี 2021 พระองค์ก็เคยเข้ารับการผ่าตัดพระอันตะ (ลำไส้ใหญ่) มาแล้ว
พระองค์มีอาการปวดพระชานุ (หัวเข่า) จนต้องใช้รถเข็น และเคยหกล้มสองครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
แต่พระองค์ก็ไม่เคยหยุดทรงงานเลยแม้แต่วันเดียว และเสด็จต่างประเทศบ่อยครั้ง รวมถึงการเยือนเอเชียแปซิฟิก 4 ประเทศเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว
มีฝูงชนจำนวนมากมารวมตัวกันทุกที่ที่พระองค์เสด็จ ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความศรัทธาและความนิยมในพระองค์ได้เป็นอย่างดี
เมื่อสันตะปาปาฟรานซิสเข้ารับตำแหน่ง คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกก็จมอยู่กับการต่อสู้ภายในและเผชิญกับเรื่องอื้อฉาวระดับโลกเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กโดยนักบวช ซึ่งถูกปกปิดมาหลายทศวรรษ
พระองค์ทรงสัญญาว่าจะยุติการละเว้นโทษและแก้ไขกฎหมายของวาติกันเพื่อช่วยจัดการกับการล่วงละเมิดดังกล่าว
พระองค์ทรงริเริ่มการปฏิรูปครั้งใหญ่ในหน่วยงานปกครองที่ทรงอำนาจของวาติกัน ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงความรับผิดชอบทางการเงินและอนุญาตให้ฆราวาสคาทอลิกดำรงตำแหน่งในวาติกันได้
ตลอดช่วงเวลาที่ทรงดำรงตำแหน่งสันตะปาปา พระองค์ทรงสนับสนุนคนยากจนและผู้เปราะบาง และเน้นย้ำถึงการมอบความรักมากกว่ายึดหลักคำสอน
พระองค์ตรัสไว้ในตอนเริ่มต้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาว่า "หากผู้ใดเป็นเกย์, มีความปรารถนาดี และกำลังแสวงหาพระเจ้า ใครเล่าจะตัดสินเขาได้"
อย่างไรก็ตาม ผู้วิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาว่าพระองค์ไม่ยึดมั่นในหลักคำสอนของคริสตจักร และช่วงเดือนสุดท้ายของพระชนม์ชีพ พระองค์ทรงเผชิญกับการโจมตีอย่างเปิดเผยมากมายจากพระคาร์ดินัลระดับสูง
ความตึงเครียดกับชาวคาทอลิกสายอนุรักษนิยมเป็นประเด็นหนึ่งของการประชุมสมัชชาใหญ่ที่นครวาติกันในช่วงปลายปี 2023 ซึ่งเป็นภารกิจการปรึกษาหารือระดับโลกเกี่ยวกับอนาคตของคริสตจักรที่กินเวลานานหลายปี ซึ่งขณะนี้พระองค์ทรงจำเป็นต้องละทิ้งไว้โดยไร้ข้อสรุป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผู้แทนพิเศษรัฐบาลไทย ร่วมพิธีพระศพ 'สมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส'
ผู้แทนพิเศษรัฐบาลไทยร่วมถวายเกียรติ แสดงความอาลัยในพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส ณ นครรัฐวาติกัน