นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ให้คำมั่นว่าจะเอาชนะสหรัฐฯ ในสงครามการค้าของโดนัลด์ ทรัมป์ หลังจากได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งแคนาดาและนำพรรคเสรีนิยมของเขาเข้าสู่อำนาจอีกสมัย

มาร์ก คาร์นีย์ นายกรัฐมนตรีของแคนาดาและหัวหน้าพรรคเสรีนิยม พูดคุยกับผู้สนับสนุนในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะที่กรุงออตตาวา รัฐออนแทรีโอ เมื่อวันที่ 29 เมษายน ภายหลังทราบผลคะแนนของการเลือกตั้งทั่วไป (Photo by Dave Chan / AFP)
เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันอังคารที่ 29 เมษายน 2568 กล่าวว่า พรรคเสรีนิยมซึ่งเป็นพรรครัฐบาลเดิม คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งทั่วไปของแคนาดา ส่งผลให้นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์สามารถรักษาเก้าอี้ผู้นำอย่างต่อเนื่องไว้ได้
สหราชอาณาจักรแสดงความยินดีกับคาร์นีย์สำหรับชัยชนะของเขา ในขณะที่ผู้นำสหภาพยุโรปกล่าวว่าจะทำงานร่วมกับเขาเพื่อปกป้องค่านิยมประชาธิปไตยร่วมกัน รวมทั้งสนับสนุนการค้าเสรีและเป็นธรรม
หลังจากแคมเปญที่ครอบงำด้วยการคุกคามทางภาษีศุลกากรและการผนวกดินแดนของทรัมป์ คาร์นีย์ให้คำมั่นว่าจะกำหนดเส้นทางใหม่ในวันที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากการที่สหรัฐฯ กลับมาต่อต้านการค้าเสรีที่ตัวเองเป็นผู้บุกเบิก
"เราผ่านพ้นความตกใจจากการทรยศของอเมริกาแล้ว แต่เราไม่ควรลืมบทเรียนเหล่านี้" คาร์นีย์ซึ่งเคยเป็นผู้นำธนาคารกลางของแคนาดาและอังกฤษก่อนเข้าสู่วงการการเมืองเมื่อต้นปีนี้กล่าว และเสริมว่า "เราจะชนะสงครามการค้าครั้งนี้และสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่ม G7"
แม้พรรคเสรีนิยมของคาร์นีย์จะควบคุมรัฐสภาของแคนาดาได้ แต่ก็อาจจะพลาดการได้เสียงข้างมากซึ่งจะต้องบรรลุข้อตกลงกับพรรคการเมืองเล็กๆ ถึงกระนั้นก็ยังคงเป็นการกลับมาอย่างไม่ธรรมดาของพรรคเสรีนิยม ซึ่งในช่วงต้นปีดูเหมือนว่าจะต้องเผชิญกับความล้มเหลวในการเลือกตั้ง
พรรคอนุรักษนิยมของปิแอร์ ปอยลิเยฟร์ อยู่ในเส้นทางที่จะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่การโจมตีของทรัมป์ ประกอบกับการลาออกของจัสติน ทรูโด อดีตนายกรัฐมนตรีที่ไม่เป็นที่นิยม ได้เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าการแข่งขัน
คาร์นีย์ ซึ่งเข้ามาแทนที่ทรูโดในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนที่แล้ว ได้โน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าประสบการณ์ในการจัดการวิกฤตเศรษฐกิจของเขาทำให้เขาเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดที่จะท้าทายทรัมป์
แม้ปอยลิเยฟร์ไม่สามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่พรรคของเขาอยู่ในเส้นทางที่จะจัดตั้งฝ่ายค้านที่แข็งแกร่ง
เขาประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ และสัญญาว่าจะทำงานร่วมกับพรรคเสรีนิยมเพื่อต่อต้านทรัมป์
"เราจะให้ความสำคัญกับแคนาดามาเป็นอันดับแรกเสมอ" ปอยลิเยฟร์กล่าวกับผู้สนับสนุน
"พรรคอนุรักษนิยมจะทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีและทุกฝ่าย โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการปกป้องผลประโยชน์ของแคนาดา และบรรลุข้อตกลงการค้าฉบับใหม่ที่จะยุติการใช้ภาษีศุลกากรเหล่านี้ ขณะเดียวกันก็ปกป้องอำนาจอธิปไตยของเรา" ว่าที่ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวเสริม
นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษแสดงความยินดีกับคาร์นีย์ และเสริมว่าอังกฤษและแคนาดาเป็นพันธมิตร, หุ้นส่วน และมิตรที่ใกล้ชิดที่สุด
สตาร์เมอร์กล่าวในแถลงการณ์ว่า "ความร่วมมือของเรามีพื้นฐานอยู่บนประวัติศาสตร์และค่านิยมร่วมกัน โดยมีอำนาจอธิปไตยร่วมกัน และผมหวังว่าจะได้เสริมสร้างความสัมพันธ์ของเราให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น"
เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวด้วยว่าเธอหวังที่จะร่วมงานกับรัฐบาลออตตาวาเพื่อปกป้องค่านิยมประชาธิปไตยร่วมกัน, ส่งเสริมความร่วมมือพหุภาคี และสนับสนุนการค้าเสรีและเป็นธรรม
เมื่อมีการประกาศชัยชนะของพรรคเสรีนิยม เสียงโห่ร้องแสดงความยินดีก็ดังขึ้นที่สถานที่จัดงานในกรุงออตตาวา ซึ่งผู้สนับสนุนพรรคเสรีนิยมกำลังรับชมผลการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ การลาออกของทรูโดมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชัยชนะของพรรคเสรีนิยม ซึ่งปิดท้ายการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองของแคนาดา
เมื่อวันที่ 6 มกราคมซึ่งเป็นวันที่ทรูโดประกาศว่าจะลาออก พรรคอนุรักษนิยมฝ่ายค้านมีคะแนนนิยมนำหน้าพรรคเสรีนิยมมากกว่า 20 คะแนนในโพลส่วนใหญ่ ขณะที่ประชาชนโกรธแค้นต่อต้นทุนค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นหลังจากที่ทรูโดดำรงตำแหน่งมาเป็นเวลาหนึ่งทศวรรษ
คาร์นีย์วางตัวห่างเหินจากทรูโดตลอดช่วงหาเสียง และกล่าวว่าอดีตนายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้ความสำคัญกับการเติบโตของเศรษฐกิจแคนาดามากพอ
สำหรับปอยลิเยฟร์ วัย 45 ปี ซึ่งอยู่ในรัฐสภามาสองทศวรรษ ผลลัพธ์ที่ได้จากการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ
เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการไม่แสดงความโกรธแค้นต่อสิ่งที่ทรัมป์ทำกับแคนาดา ซึ่งเขาแก้ตัวว่าเขาเพียงต้องการเน้นไปที่ปัญหาภายในประเทศมากกว่า
เขาพยายามโน้มน้าวผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าคาร์นีย์จะสานต่อความล้มเหลวของพรรคเสรีนิยมต่อไป ซึ่งเป็นข้อโต้แย้งที่ไม่มีน้ำหนักเพียงพอต่อการเปลี่ยนแปลงขั้วรัฐบาล.