'แอมเนสตี้' เผย จำนวนการประหารชีวิตในซาอุดีอาระเบียสูงขึ้นย่างน่าตกใจ

ขบวนพาเหรดทางทหารของกองกำลังความมั่นคงแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย ในช่วงที่ผู้แสวงบุญเดินทางถึงพิธีฮัจญ์ประจำปี ที่นครเมกกะอันศักดิ์สิทธิ์เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา – ความเป็นจริงอีกด้านที่มืดมนและน่ากลัวกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ขององค์กรด้านสิทธิมนุษยชนอยู่ – Photo by AFP

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ระบอบการปกครองในริยาดได้ใช้โทษประหารชีวิตไปแล้วประมาณ 1,800 ราย และเฉพาะปีนี้มีการประหารชีวิตแล้ว 180 รายในซาอุดีอาระเบีย ล่าสุดมีการประหารชีวิตนักข่าวคนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีชาวต่างชาติอีกจำนวนมากที่ถูกประหารชีวิตด้วย

องค์กรสิทธิมนุษยชนแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล แถลงว่า จำนวนการประหารชีวิตในซาอุดีอาระเบียเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ โดยรายงานที่เผยแพร่เมื่อไม่นานมานี้ระบุว่า ในบรรดาผู้ที่ถูกประหารชีวิตในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีชาวต่างชาติจำนวนมากถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานค้ายาเสพติด ในรายงานดังกล่าวระบุด้วยว่า ประชาชนจากปากีสถาน ซีเรีย จอร์แดน เยเมน อียิปต์ และโซมาเลีย ได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ

คริสติน เบ็คเกอร์เล-ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคของแอมเนสตี้ กล่าวว่า “เรากำลังเห็นแนวโน้มอันเลวร้าย ที่ชาวต่างชาติถูกประหารชีวิตในอัตราที่น่าตกใจสำหรับอาชญากรรมที่ไม่ควรได้รับโทษถึงตาย” เบื้องหลังภาพลักษณ์ที่ล้ำยุค ก้าวหน้า ที่ซาอุดีอาระเบียต้องการนำเสนอไปทั่วโลกนั้น กลับมี “ความเป็นจริงที่มืดมนและน่ากลัว” ซ่อนอยู่

ในซาอุดีอาระเบีย มีคนถูกประหารชีวิตราว 1,800 รายนับตั้งแต่ปี 2014 ซึ่งเกือบหนึ่งในสามของจำนวนนี้เป็นผู้ต้องโทษคดียาเสพติด

แต่รัฐบาลในริยาดยังใช้โทษประหารชีวิตอย่างเลือกปฏิบัตินอกเหนือไปจากอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดด้วย อย่างเช่นในปีนี้ นักข่าวชื่อ ตุร์กี อัล-ยัสซีร์ ถูกประหารชีวิต ตามรายงานขององค์กรสิทธิมนุษยชน ALQST อัล-ยัสซีร์ถูกจับกุมเมื่อปี 2018 เขาเคยทำงานเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ เช่น สิทธิสตรีและการทุจริต กระทั่งเขาถูกกล่าวหาว่า “ก่อการร้าย” และเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของชาติ

เมื่อปีที่แล้ว ซาอุดีอาระเบียประหารชีวิตนักโทษไปแล้ว 345 ราย ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดในรอบกว่า 3 ทศวรรษ ตามข้อมูลของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล ก่อนหน้านี้รัฐบาลซาอุดีอาระเบียเคยประกาศว่าจะไม่ใช้โทษประหารชีวิตในบางกรณีอีกต่อไป ประเทศนี้ตกอยู่ภายใต้การวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวมาเป็นเวลานานแล้ว

ซาอุดีอาระเบียอยู่ภายใต้การนำของมกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานมานานหลายปี ในสายตาของสื่อตะวันตก เขาเป็นตัวแทนของรูปแบบการปกครองแบบเผด็จการที่ผสมผสานการปฏิรูปเศรษฐกิจ นโยบายที่กดขี่ และการตลาดของรัฐที่ราคาแพง

มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีวัย 39 ปี ตั้งเป้าเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวและการลงทุนใหม่ๆ เข้าไป รวมถึงฟุตบอลโลกปี 2034 ก็จะจัดขึ้นที่ซาอุดีอาระเบีย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.