อยากไปเดินงานหนังสือที่สถานีกลางบางซื่อ

ตั้งแต่วันที่ 23-31 ตุลาคมนี้มีงานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 26 เกิดขึ้นในชื่อ Hybrid Book Fair คือเป็นการจัดคู่ขนานกัน ระหว่างในโลกออนไลน์ ผ่าน www.thaibookfair.com และเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์ต่าง ๆ กับตามร้านหนังสือทั่วประเทศ ซึ่งมีโปรโมชั่นที่ลดราคาแตกต่างกันออกไป

ในช่วงที่ต้องเก็บตัวอยู่ที่บ้าน ทำงานอยู่ที่บ้าน และใช้ชีวิตอยู่ที่บ้าน การอ่านหนังสือเป็นกิจกรรมหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ยอดการใช้จ่ายเงินซื้อหนังสือออนไลน์เพิ่มขึ้นอย่างมาก สอดคล้องกับแนวโน้มการอ่านคนของไทยที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

กระนั้นก็ดี นักอ่านหลายคน รวมถึงผมด้วย กลับคิดถึงบรรยากาศของการเดินงานหนังสือขนาดใหญ่ในพื้นที่ที่ได้พบปะนักเขียน เพื่อนนักอ่าน และได้เลือกซื้อหนังสือต่าง ๆ อย่างจุใจ เพราะงานหนังสือที่ว่านี้ ไม่เพียงแต่มีหนังสือลดราคามาขายกันเท่านั้น ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย มีนิทรรศการดี ๆ ให้ได้ชม และเปิดโอกาสให้นักอ่านได้เจอหนังสือหนังหาอื่น ๆ มากขึ้นกว่าที่ “เล็ง” ไว้แล้วอีกด้วย เนื่องจากงานหนังสือขนาดใหญ่เช่นนี้ มีทั้งหนังสือใหม่ที่จะออกในงาน และหนังสือที่ออกมาก่อนหน้านี้เราอาจไม่เคยเห็นตามหน้าร้านทั่วไป มาให้นักอ่านได้เลือกซื้อหาอีกด้วย

จึงไม่แปลกใจที่เรามักจะพบว่า หลายคนเดินงานหนังสือกันหลายครั้งหลายวัน ไม่ใช่เพียงครั้งเดียวในแต่ละการจัดงานเท่านั้น  นอกจากนี้ ไม่เพียงแต่คนในกรุงเทพฯ เท่านั้น หลายคนยังเดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อเยี่ยมชมงานนี้ด้วย  โดยตามสถิตินั้น แต่ละปีที่จัดงานนี้มีคนไปร่วมงานเป็นหลักล้านคน

แต่ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ทำให้ไม่อาจจัดงานในลักษณะนี้ได้เลย ไม่ว่าในขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันของคนจำนวนมาก ดังนั้น จึงหวังว่า เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว ในครั้งต่อไป นักอ่านอย่างผมจะสามารถไปเดินงานหนังสือได้สักที สมกับที่เฝ้าคอยมานาน

พร้อมกันกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ศูนย์ฉีดวัคซีนใหญ่ที่มีผู้ไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก ก็คือ สถานีกลางบางซื่อ ซึ่งเพิ่งเปิดให้บริการเมื่อเร็ว ๆ นี้

สถานีกลางบางซื่อเป็นศูนย์กลางระบบรางของไทย ซึ่งเปิดให้บริการแล้วพร้อมกับเดินรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) นับได้ว่าเป็นสถานีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและอาเซียน มีพื้นที่ใช้สอย (ไม่รวมพื้นที่บึงน้ำ) กว่า 274,000 ตารางเมตร  หรือถ้านับเฉพาะชั้นจำหน่ายตั๋ว ที่มีร้านค้า ศูนย์อาหาร สำนักงาน และพื้นที่พักคอย ก็มีพื้นที่กว่า 86,000 ตารางเมตร

และที่สำคัญคือ ต้องไม่ลืมว่า การพัฒนาพื้นที่ให้เกิดเป็นสถานีกลางบางซื่อนั้น ไม่ใช่เป็นเพียงการสร้างสถานีขนาดใหญ่ให้รองรับจำนวนผู้โดยสารได้มากขึ้นกว่าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เท่านั้น แต่ยังเป็นการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นย่านธุรกิจใหม่ (Central Business District : CBD) อีกด้วย (ข้อมูลจากเว็บไซต์การรถไฟแห่งประเทศไทย) 

จึงน่าสนใจมากถ้ารัฐบาลจะมีนโยบายสนับสนุนธุรกิจหนังสือของไทยด้วยการเปิดให้ใช้พื้นที่ของสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานที่จัดงานหนังสือครั้งต่อไปขึ้น เพราะมีพื้นที่กว้างขวาง มีระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวก ทั้งรถไฟฟ้าชานเมืองและในเมือง รวมถึงมีที่จอดรถยนต์ได้ถึง 1,700 คัน

ยิ่งในช่วงที่ “เยาวรุ่น” เยาวชนคนรุ่นใหม่ตื่นตัวกับปัญหาทางสังคมการเมือง และอ่านหนังสือกันมากขึ้นมาก การจัดงานหนังสือขนาดใหญ่ที่เดินทางได้สะดวก ก็น่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี จะว่าเป็นประโยชน์ถึงสองต่อก็ว่าได้ คือ นอกจากได้ให้พื้นที่จัดงานแก่ภาคเอกชนแล้ว ภาครัฐยังได้ประชาสัมพันธ์การเปิดตัวสถานีกลางบางซื่อนี้อีกด้วย

นอกไปจากนี้แล้ว ยังเปิดโอกาสให้กับ “คนเดินทาง”  ได้มาเยี่ยมชมนิทรรศการ และแวะเลือกซื้อหนังสือตามความสนใจ ซึ่งจะครอบคลุมหลากหลายมากไปกว่าคนรักการอ่านที่เป็นฐานแฟนคลับเดิม เยาวชน หรือผู้ปกครอง หรืออาจกล่าวได้ว่า นี่จะเป็นครั้งแรกที่นำหนังสือเผยแพร่ไปกว้างขวางที่สุดตั้งแต่ระดับรากหญ้า จนถึงคนมีฐานะที่จะมาเดินชมงาน  ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสรรค์สังคมอุดมปัญญาที่มีรากฐานที่เข้มแข็งมาจากการอ่านหนังสือ

ถ้ารัฐบาลอุดหนุนให้เกิดงานหนังสือที่สถานีกลางบางซื่อได้จริง นี่จะนับว่าเป็นหมุดหมายสำคัญของการเดินทางในสังคมไทย ทั้งการเดินทางในชีวิตจริงผ่านระบบราง และการเดินทางในทางความคิดผ่านงานมหกรรมที่มีหนังสือจำนวนมากให้ได้เลือกซื้อหากลับไปอ่าน จึงกล่าวได้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่การเดินทางภายนอกและภายในของคนไทยจะได้มาบรรจบกันในงานนี้

ทั้งนี้ รัฐบาลไม่จำเป็นต้องใช้เงินมากมายอะไรนัก เพียงแต่เอื้อเฟื้อให้สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) ใช้สถานที่ได้ฟรี และให้เงินสนับสนุนเพื่อการจัดงานบ้างเท่านั้น  หรือถ้าจะกระตุ้นการจับจ่ายผ่านมาตรการ “คนละครึ่ง” หรือซื้อหนังสือแล้วลดหย่อนภาษีได้อีกก็สุดแท้แต่ แม้กระทั่งการลดภาษีกระดาษเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิตของแต่ละสำนักพิมพ์ลงก็ทำได้

ข้อเสนอในทางนโยบายเหล่านี้ เข้าใจว่าทาง PUBAT น่าจะมีเสนอให้กับรัฐบาลได้ เพราะจากบทสัมภาษณ์ล่าสุดของ “ทิพย์สุดา สินชวาลวัฒน์” นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯ คนล่าสุด ใน cont-reading.com  กล่าวไว้ว่า อยากเห็น “การสนับสนุนจากรัฐบาล” เพราะ “ประชากรไทยจะก้าวหน้าไม่ได้ ถ้าเราไม่อ่านหนังสือ”

ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง คงไม่ได้หวังมากไป หากหวังที่จะได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติในเร็ววันเมื่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 ลดน้อยลง และจะได้ไปเดินงานหนังสือที่สถานีกลางบางซื่อในเร็ววันนี้

กษิดิศ อนันทนาธร กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศิลปิน 'GMMTV' ชวนเที่ยวงามมหกรรมหนังสือระดับชาติ ครั้งที่ 28

สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) จัดใหญ่เอาใจคนรักการอ่าน ละลานตาไปกับหนังสือมากกว่า 1 ล้านเล่ม หนังสือเปิดใหม่กว่า 3,000 ปก จาก 340 สำนักพิมพ์ บนพื้นที่กว่า 2 หมื่นตารางเมตรในงาน มหกรรมหนังสือระดับนานาชาติ ครั้งที่ 28 (Book Expo Thailand 2023)

รฟท.แจ้งเก็บค่าจอดรถสถานีกลางบางซื่อ เริ่มแล้ววันนี้

รฟท.แจ้ง 1 ส.ค. นี้ เก็บค่าบริการจอดรถชั้นใต้ดิน สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ 20-300 บาท จอด 30 นาทีแรกฟรี เตรียมพื้นที่ 7.2 หมื่นตร.ม. จอดได้กว่า 1.6 พันคัน เปิดบริการ 6 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน

'คิง เพาเวอร์' สนใจร่วมประมูลชิงพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีกลางบางซื่อ

รฟท.เผยเอกชนสนใจยื่นข้อเสนอ ใช้ประโยชน์พื้นที่เชิงพาณิชย์-ติดตั้งป้ายโฆษณา สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ -สถานีรถไฟสายสีแดง 12 สถานี 4 สัญญา ยื่นซอง 4-5 ก.ค.นี้ ด้าน “คิง เพาเวอร์”รวมด้วย คาดสร้างรายได้ประมาณ 5,520 ล้านบาท

เปิดผลสอบเปลี่ยนป้าย ‘สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์’ ไม่พบความผิดปกติ

‘คมนาคม’เปิดผลสอบเปลี่ยนป้าย ‘สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์’ 33 ล้าน คณะกรรมการตรวจสอบฯ ชี้ รฟท.ดำเนินการตามขอบเขตงาน-ราคากลางกรอบปี 53 ลั่นไม่พบความผิดปกติ สั่งแจ้งทบทวนการใช้วัสดุ-ตัวอักษรเดิมที่ใช้ได้ ช่วยหั่นต้นทุนลง พร้อมสืบราคาให้ชัดเจน แนะเปิดประมูลทั่วไป เปิดกว้างเอกชนแข่งขัน โยนบอร์ด รฟท. เคาะแนวทางเดินหน้างานต่อไป

รัฐบาลยัน สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ พร้อมให้บริการ แค่ช่วงแรกต้องปรับตัวบ้าง

โฆษกรัฐบาลย้ำ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ มีความพร้อมให้บริการรองรับปชช.จำนวนมาก เชื่อมโยงขนส่งมวลชนหลายเส้นทาง มุ่งเป็นศูนย์กลางการขนส่งระบบรางของประเทศ และเป็นต้นแบบสถานีอัจฉริยะ 5G แห่งแรกใน