“ธ.ก.ส.” แจงหนี้จำนำข้าวตกค้างอีก 1 แสนล้านบาท คาดรัฐตั้งงบจ่าย 5 ปีถึงจะหมด! โอดพิษโควิด-19 กระทบภาคเกษตร กดภาพรวมปล่อยสินเชื่อปีนี้โตแค่ 5.7 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดรอบ 3-5 ปี
2 พ.ย.2564 นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวถึงความคืบหน้าเรื่องการชำระหนี้จากโครงการรับจำนำข้าวนั้น ในปีงบประมาณ 2565 สำนักงบประมาณได้ตั้งงบชำระหนี้ให้ ธ.ก.ส. จำนวน 6.9 หมื่นล้านบาท น้อยกว่าปีก่อนหน้า โดยปัจจุบันรัฐบาลยังมีภาระหนี้จากโครงการดังกล่าวที่ต้องชำระคืนให้กับธนาคาร จำนวน 1 แสนล้านบาท คาดว่าสำนักงบประมาณจะมีการตั้งงบประมาณเพื่อจ่ายหนี้ ปีละ 10-20% ของงบประมาณรายจ่าย ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-5 ปีจึงจะชำระหนี้หมด
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปีบัญชี 2564 (1 เม.ย.-30 ก.ย. 64) ว่า ธนาคารมียอดจ่ายสินเชื่อทั้งระบบ 1.56 ล้านล้านบาท โดยจ่ายสินเชื่อแล้ว 2.99 แสนล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากต้นปีบัญชี 8.99 พันล้านบาท หรือ 15.77% เมื่อเทียบกับเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปี 2564 จำนวน 5.7 หมื่นล้านบาท
ขณะที่มียอดเงินฝากสะสม 1.83 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.61 หมื่นล้านบาท หรือ 3.15% จากต้นปีบัญชี มีสินทรัพย์รวม 2.12 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นปีบัญชี 7.67 พันล้านบาท หรือ 0.36% หนี้สินรวมจำนวน 1.97 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นจากต้นปีบัญชี 1.12 หมื่นล้านบาท หรือ 0.57% ส่วนอัตราเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 88.39% เงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงตามเกณฑ์มาตรฐานบัญชีใหม่ที่ 12.32% มีรายได้รวม 4.1 หมื่นล้านบาท ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวมจำนวน 3.96 หมื่นล้านบาท คงเหลือกำไรสุทธิจำนวน 1.46 พันล้านบาท อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต่อสินเชื่อ อยู่ที่ 4.24%
“จากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบให้ภาคเกษตรกรรมประสบปัญหาราคาผลผลิตตำต่ำจากมาตรการล็อกดาวน์ ปิดประเทศ ไม่สามารถส่งออกสินค้าได้ ส่งผลทำให้เกษตรกรยังไม่มีความมั่นใจที่จะเข้ามาขอสินเชื่อ แต่เชื่อว่าหลังจากมีการเปิดประเทศ และผ่อนคลายมาตรการควบคุม จะทำให้การปล่อยสินเชื่อในปีบัญชี 2564 ได้ตามเป้าหมายที่ 5.7 หมื่นล้านบาท แต่ต้องยอมรับว่าเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อดังกล่าวต่ำสุดในรอบ 3-5 ปี ขณะที่เอ็นพีแอล ณ สิ้นปีบัญชีจะสามารถบริหารจัดการให้ลดลงมาอยู่ที่ 4% ใกล้เคียงกับปีก่อนหน้าได้ ส่วนแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในปีบัญชี 2565 น่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้ไม่ต่ำกว่า 10-15%” นายธนารัตน์ กล่าว
นายธนารัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนหลัง (1ต.ค. 64 – 31 มี.ค. 65) ธนาคารจะมุ่งดำเนินการฟื้นฟูลูกค้า มุ่งเน้นการตรวจสุขภาพหนี้ไปสู่การบริหารจัดการหนี้ แบ่งลูกค้าตามศักยภาพ และออกมาตรการสนับสนุนลูกค้าชั้นดี เช่น ผัดผ่อนเกณฑ์พิเศษ เป็นต้น รวมทั้งเน้นการพัฒนาคุณภาพข้อมูล การให้บริการและคุณภาพสินเชื่อ ยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันด้านการพัฒนาชุมชน สนับสนุนเกษตรกรนำเครื่องมือทันสมัยมาช่วยในการพัฒนานวัตกรรมทางการเกษตร และพัมนาองค์กรสู่ความยั่งยืน
นอกจากนี้ ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ธ.ก.ส. ได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ประกอบด้วย 1. มาตรการเยียวยา ผ่านโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร 5 ชนิด ได้แก่ ข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง มีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 6.92 ล้านราย เป็นเงินกว่า 6 หมื่นล้านบาท 2.มาตรการบรรเทา ผ่านโครงการประกันภัยพืชผล ได้แก่ การประกันภัยข้าวนาปี และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีผู้เข้าร่วมโครงการกว่า 3.68 ล้านราย พื้นที่รวมกว่า 44.8 ล้านไร่ ซึ่งในช่วงที่เกิดอุทกภัย มีเกษตรกรได้รับความเดือดร้อนกว่า 4.6 แสนราย พื้นที่ทางการเกษตรได้รับความเสียหายกว่า 5.3 ล้านไร่ ขณะนี้ได้เร่งประสานงานในการจ่ายค่าสินไหมทดแทน
ขณะเดียวกัน ยังได้มีการดำเนินโครงการพักชำระหนี้ มีเกษตรลูกค้าได้รับประโยชน์ 1.79 ล้านราย ต้นเงิน 5.51 แสนล้านบาท และการสร้างภูมิคุ้มกันให้เกษตรกรจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ การประกันภัยโคนม โคเนื้อ และชาวประมง มีผู้เข้าร่วมโครงการ 2.78 พันราย เบี้ยประกัน 3.82 ล้านบาท 3. มาตรการฟื้นฟู สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสินเชื่อดอกเบี้ยผ่อนปรนตามนโยบายรัฐ จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ สินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าว สินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการประมงและสินเชื่อเพื่อพัฒนาเกษตรแบบแปลงใหญ่ มีผู้เข้าร่วมโครงการ 2.26 พันราย เป็นเงิน 8.98 พันล้านบาท
“ในระยะถัดไปมีความเป็นห่วงแนวโน้มราคาข้าวนาปีตกต่ำกว่าช่วงทีผ่านมา เนื่องจากปริมาณผลผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่แนวโน้มราคามันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จะปรับเพิ่มสูงขึ้นจากปริมาณความต้องการของประเทศคู่ค้าที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว” นางธนารัตน์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เลขาฯกฤษฎีกา แจงบอร์ดดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ได้บอกให้กู้ ธกส. แจกเงินหมื่น
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ชี้แจงเพิ่มเติมว่าการประชุมของคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตล่าสุด ที่พิจารณาแหล่งงบประมาณดำเนินการมี
ครม.ไฟเขียว 'โคแสนล้าน' นำร่องกู้สินเชื่อเลี้ยงโค ครัวเรือนละ 5 หมื่นบาท
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (18 เม.ย. 2567) มีมติเห็นชอบโครงการ “โคแสนล้าน” นำร่อง กรอบวงเงินสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) 5,000 ล้านบาท ในส่วนอัตราดอกเบี้ยและรายละเอียดอื่นที่เกี่ยวข้องให้เป็นไปตามมติ กทบ. ในคราวประชุมครั้งที่ 4/2567 เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2567 โดยรัฐชดเชยต้นทุนทางการเงินให้กับ ธ.ก.ส. ในระยะเวลา 2 ปีอัตราร้อยละ 4.5 ต่อปี และให้
'ดิจิทัล วอลเล็ต' ไปไม่รอดแน่! คิดล้วงเงิน ธ.ก.ส. อ่านกฎหมายให้แตกก่อน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ดิจิทัลวอลเล็ตไปไม่รอด" โดยระบุว่า
มือปราบโกงจำนำข้าว ปล่อยคลิปเตือน 'ผู้บริหาร ธ.ก.ส.' เสี่ยงคุกเซ่นดิจิทัลวอลเล็ต!
ผู้บริหารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ต่อโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
'กรณ์' กางกฎหมายอธิบายชัดเจน รัฐบาลกู้ ธกส. มาแจกเงินดิจิทัลได้หรือไม่
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง แสดงความเห็นถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่รัฐบาลมีแผนกู้เงินธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาตำหนิแผนการกู้จาก ธกส.เพื่อมา #แจกเงินดิจิทัล บอกว่าซํ้ารอย ‘จำนำข้าว’ ในการสร้างหนี้สะสมมหาศาล จนถึงวันนี้รัฐบาลยังไม่ได้ชำระคืนให้ ธกส.
'เศรษฐา' โต้ลั่น ประชาชนแห่ถอนเงิน ธกส. หลังรัฐบาลเตรียมกู้มาแจกเงินดิจิทัล
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์กรณีมีรายงานข่าวว่าประชาชนแห่ถอนเงินออกจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ( ธ.ก.ส.) หลังมีข่าวจะใช้เงิน ธ.ก.ส.ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท