สสส.และเครือข่ายงดเหล้า หนุนครูปฐมวัย ผนึก“โครงการปลูกพลังบวกฯ” ในหลักสูตรการสอน หวังสร้างภูมิคุ้มกันเด็กเล็กห่างไกลปัจจัยเสี่ยง เหล้า-บุหรี่
29 มี.ค.2567 - สำนักงานเครือข่ายองค์กรลดเหล้า (สคล.) โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดการอบรมเชิงปฏิบัติการแลกเปลี่ยนเรียนรู้“โชว์ แชร์ เชื่อม เชิดชูเกียรติ” ครูปฐมวัย และผู้บริหารสถานศึกษาภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภายใต้โครงการปลูกพลังบวกเพื่อสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกันลดปัจจัยเสี่ยงสำหรับเด็กปฐมวัย ระดับจังหวัด โดยมี ดร.วีระ แข็งกสิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานในพิธีเปิด และนายพิทยา จินาวัฒน์ คณะกรรมการบริหารแผนคณะ 1 สสส. กล่าวถึงวัตถุประสงค์และผลลัพธ์ของโครงการฯ พร้อมด้วยนายจำเริญ แหวนเพ็ชร รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และคณะครูจากสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการฯ จำนวนกว่า 200 คน ร่วมในพิธี โดยในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีสถานศึกษาต้นแบบเข้ารับเกียรติบัตร จำนวน 62 แห่ง และสถานศึกษาแหล่งเรียนรู้รับโล่ จำนวน 10 แห่ง ณ โรงแรมสกายวิวรีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
นายพิทยา คณะกรรมการบริหารแผนคณะ 1 สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า โครงการปลูกพลังบวกเพื่อสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกันลดปัจจัยเสี่ยงสำหรับเด็กปฐมวัย ระดับจังหวัด โดยสำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ภายใต้การสนับสนุนของ สสส. ซึ่งมีสถานศึกษาเข้าร่วมโครงการทั้ง 4 ภูมิภาค จำนวน 1,989 แห่ง ใน 35 จังหวัด สำหรับการจัดงานครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีปฏิบัติที่ดีเกี่ยวกับการดำเนินงานโครงการปลูกพลังบวกฯ ภายใต้สโลแกน “โชว์ แชร์ เชื่อม เชิดชูเกียรติ” โดยผู้บริหารสถานศึกษา และครูปฐมวัยได้แสดงความคิดเห็นที่มีต่อการดำเนินงานโครงการฯ
รวมทั้งมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วิธีปฏิบัติที่ดี และมีการจัดนิทรรศการของสถานศึกษาที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 30 บูธกิจกรรมจากจังหวัดบุรีรัมย์ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดเลย จังหวัดขอนแก่นและจังหวัดมหาสารคาม โดยมีสถานศึกษาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 409 สถานศึกษา ประกอบด้วย สถานศึกษาแหล่งเรียนรู้ 10 แห่ง สถานศึกษาต้นแบบ 62 แห่ง และสถานศึกษาเครือข่าย จำนวน 337 แห่ง โดยจากโครงการทั้ง 4 ภูมิภาคระดับประเทศ มีสถานศึกษาต้นแบบเข้ารับเกียรติบัตร จำนวน 112 แห่ง และสถานศึกษาแหล่งเรียนรู้รับโล่ จำนวน 50 แห่ง
ดร.วีระ แข็งกสิการ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า สภาพสังคมไทยในปัจจุบันมีปัจจัยเสี่ยงต่อเด็กปฐมวัยและเยาวชนหลายด้านโดยเฉพาะ เหล้า - บุหรี่ จากการวิจัย พบว่า มีนักดื่มเหล้าและนักสูบบุหรี่หน้าใหม่ ช่วงอายุ 13-15 ปี เพิ่มขึ้น ร้อยละ 5 คนไทยดื่มเหล้าเป็นอันดับ 2 ของอาเซียน มีแนวโน้มนักดื่มเหล้า นักสูบบุหรี่มีอายุน้อยลง และมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัญหาที่เกิดขึ้นใกล้ตัวเด็กและมีแนวโน้มจะเป็นอันตรายต่อเด็กทั้งในปัจจุบันและอนาคต การจัดทำโครงการปลูกพลังบวกเพื่อสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกันลดปัจจัยเสี่ยงสำหรับเด็กปฐมวัย ระดับจังหวัด จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพื่อให้เด็กมีทักษะชีวิตเป็นภูมิคุ้มกันปัจจัยเสี่ยงเหล้าบุหรี่ อีกทั้งเป็นการพัฒนาครูปฐมวัยและผู้บริหารสถานศึกษาให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สถานศึกษาที่มีการดำเนินงานโครงการปลูกพลังบวกฯ จนเกิดวิธีปฏิบัติที่ดี (Good Practice) ภายใต้กิจกรรม “โชว์ แชร์ เชื่อม เชิดชูเกียรติ”
การศึกษาปฐมวัย เป็นการศึกษาระดับขั้นพื้นฐาน ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของชาติ ประเทศที่เจริญแล้วทุกประเทศให้ความสนใจในการพัฒนาการจัดการศึกษาปฐมวัยให้สอดคล้องกับธรรมชาติและการเรียนรู้ของเด็ก กระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายในการพัฒนาเด็กให้เตรียมพร้อมสู่โลกอนาคตได้อย่างมีคุณภาพและมีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพเด็กด้านความสามารถและทักษะตลอดจนคุณลักษณะ ที่จะช่วยสร้างให้เด็กปฐมวัยให้มีคุณภาพตามเป้าหมายหลักสูตรการศึกษาปฐมวัย พ.ศ.2560 พร้อมทั้งให้มีทักษะชีวิตเป็นภูมิคุ้มกันในการดำเนินชีวิต เด็กปฐมวัยจึงต้องมีความสามารถในการปรับตัวต่อสภาพแวดล้อมทางสังคมได้อย่างปลอดภัยและอยู่ร่วมสังคมอย่างมีความสุข
นางมาลัย มินศรี ผู้จัดการโครงการปลูกพลังบวก ฯ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวถึงที่มาของโครงการปลูกพลังบวกฯ ว่า เดิมในการรณรงค์ลด ละ เลิก เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของ สคล.เน้นไปที่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของวัยผู้ใหญ่ ซึ่งยังเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่หลังจากได้มีการทำงานกับนักวิชาการด้านการพัฒนาเด็กเมื่อปี 2558 โดยเริ่มต้นจากการพบปัญหาความรุนแรงในเด็ก ปัญหาเด็กติดเกม และปัญหาอื่นที่เกิดขึ้นกับเด็กมากมาย และมีรายงานวิจัยเกี่ยวกับเด็กโดยพบว่า ช่วงวัยทองสำหรับเด็ก คือ อายุ 2-6 ปี เป็นช่วงวัยสำคัญของการเรียนรู้ของมนุษย์ โดย 80 % ของการเจริญเติบโตของสมองเกิดขึ้นในวัยก่อนอนุบาล และงานวิจัยยังระบุว่าการพัฒนาของสมองในระยะแรกจะส่งผลสืบเนื่องยาวนานไปตลอดชีวิต ดังนั้น การจะแก้ปัญหาต่าง ๆ จึงต้องเริ่มที่การสร้างคนและต้องเริ่มตั้งแต่ปฐมวัยเพื่อให้ปลายทางเขาเติบโตขึ้นมาเป็นคนคุณภาพ
ด้วยเหตุนี้ เครือข่ายนักวิชาการจึงได้ร่วมกันพัฒนาสื่อการเรียนการสอนในเด็กปฐมวัย เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงด้านต่าง ๆ และเพื่อให้เด็ก ๆ ได้กลับไปสื่อสารกับครอบครัว ทั้งยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็กตั้งแต่เยาว์วัยในช่วงอายุที่สมองของเขาจะจดจำและส่งผลต่อเนื่องจนเขาเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ ทั้งนี้ เริ่มแรกของพัฒนาสื่อด้านการ ร้อง เล่น เต้น อ่าน รวมจำนวน 20 สื่อ ภายใต้โครงการเด็กไทยคิดได้ต้านภัยสังคม และต่อมาในปี 2560 จึงพัฒนามาเป็น โครงการปลูกพลังบวกเพื่อสร้างจิตสำนึกสำนึกภูมิคุ้มกันปัจจัยเสี่ยง สำหรับเด็กปฐมวัย โดยมีกระทรวงศึกษาธิการร่วมให้การสนับสนุนการพัฒนาหลักสูตรที่ง่ายต่อการนำไปใช้ เพื่อให้สามารถผนวกเข้ากับระบบการเรียนการสอนของครูปฐมวัย ทั้งนี้ เบื้องต้นมีสถานศึกษาเครือข่ายที่เข้าร่วมทดลองใช้กิจกรรมปลูกพลังบวกเพื่อสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกันปัจจัยเสี่ยงเหล้า บุหรี่สำหรับเด็กปฐมวัย จำนวน 42 แห่ง
ในปี 2563-2565 ได้ขยายสถานศึกษาเครือข่ายการจัดกิจกรรมปลูกพลังบวกเพื่อสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกันปัจจัยเสี่ยงสำหรับเด็กปฐมวัย สู่ภูมิภาค 4 จังหวัด จำนวน 239 สถานศึกษา โดยภาคเหนือ จ.น่าน ภาคกลาง จ.ราชบุรี ภาคอีสาน จ.ศรีสะเกษ ภาคใต้ จ.ชุมพร และขยายสู่ 4 สังกัดการศึกษา ได้แก่ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด (พมจ.)
นางสาว ปิยะพร ทองสิงห์ จากโรงเรียนอุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีษะเกษ กล่าวว่า หลักสูตรของโครงการปลูกพลังบวกฯ ดีมาก ๆ เพราะเป็นหลักสูตรที่จัดทำขึ้นโดยการระดมนักวิชาการจากทั่วประเทศมาร่วมกันพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะกับทุกพื้นที่ ดังนั้น ไม่วาจะเป็นพื้นที่ใดก็สามารถนำหลักสูตรนี้ไปสอดแทรกหรือผนึกเข้ากับการเรียนการสอนได้ สำหรับโรงเรียนอุทุมพรพิสัย เข้าโครงการปี 2562 ผ่านมาถึงปัจจุบันสามารถพัฒนาขึ้นเป็นศูนย์การเรียนรู้ เป็นสถานศึกษาต้นแบบให้กับโรงเรียนอื่น ๆ ได้นั้น เกิดจากการที่ทางโรงเรียนนำหลักสูตรของโครงการปลูกพลังบวกฯ มาบูรณาการเข้ากับหลักสูตรการสอนของเราให้เป็นงานเดียวกันทำให้คุณครูไม่ต้องทำงานเพิ่ม ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เราพบ คือ บางครอบครัวเด็ก ๆ สะท้อนกลับมาว่า คุณพ่อเลิกเหล้า-บุหรี่ จะเห็นได้ว่าผู้ปกครองก็รู้สึกอายที่จะปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีให้กับลูก
“สิ่งที่เราปลูกฝัง สร้างภูมิคุ้มกันให้กับเด็ก อาจจะไม่เห็นผลในวันนี้ แต่การปลูกฝังให้เขามีความรักตัวเอง รู้จักคิดวิเคราะห์ แยกแยะว่าอะไร เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดีสำหรับเขา โดยผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น นิทานกระจงก่งก๊ง กระจงตกถังสุรา ให้เขาเป็นตัวละครที่จะต้องเดินทางผ่านอุปสรรคอย่างไรไม่ให้ตกถังสุรา จำลองให้เขาพบอุปสรรคระหว่างทางให้เขารู้จักคิดเป็น ทำอย่างไรให้ตนเองรอดปลอดภัยจนถึงปลายทางได้ ต่าง ๆ เหล่านี้เป็นการปลูกฝังให้อยู่ในจิตใต้สำนึกของเขาตั้งแต่วัยเด็ก จะเป็นการสร้างภูมิให้เขารู้จักหลีกเลี่ยงป้องกันตนเองจากปัจจัยเสี่ยง เขาจะเติบโตขึ้นเป็นคนคุณภาพของสังคม” ครูปิยะพร กล่าวในตอนท้าย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หมอยง' ไขข้องใจ 'เด็กเล็ก' จำเป็นต้องฉีดวัคซีนโควิดหรือไม่
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า เด็กเล็ก มีการติดเชื้อโควิด 19 แล้ว
กทม. หนุนเสริมทักษะสมองส่วนหน้า (EF) ในเด็กเล็ก ตามนโยบายผู้ว่าฯ “คิดเป็น ทำเป็น เรียนรู้เป็น” เปิดตัวโครงการใหม่ “ภาคี ดาว-อีเอฟ พัฒนาเด็กกทม.”
กรุงเทพมหานคร ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับกลุ่มบริษัทดาว ประเทศไทย (Dow) สถาบันรักลูก เลิร์นนิ่งกรุ๊ป
จับตา! 'ไข้หวัดนก' ระบาดใหม่ 2 ราย ในกัมพูชา พบเด็กอุ้มซากไก่
ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า กัมพูชาพบผู้ป่วยไข้หวัดนก H5N1 รายใหม่ 2 ราย ในจังหวัดตาแก้ว
เดินหน้าต่อเนื่อง 'ปลูกพลังบวก' สร้างภูมิคุ้มกันลดปัจจัยเสี่ยงเหล้าบุหรี่
ยังคงเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เข้าสู่ปีที่ 7 ในการสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกันปัจจัยเสี่ยง เหล้า-บุหรี่ ในเด็กปฐมวัย ภายใต้โครงการปลูกพลังบวกเพื่อสร้างจิตสำนึกภูมิคุ้มกันลดปัจจัยเสี่ยงสำหรับเด็กปฐมวัย
'นพ.ธีระ' ชี้โควิดระลอกใหม่ๆ เด็กโตติดมากกว่าเด็กเล็ก!
หมอธีระเผยผลวิจัยโควิดเด็กทั่วโลก ชี้อัตราติดเชื้อกระโดดสูงโดยเฉพาะในระลอกใหม่ เด็กโตติดมากกว่าเด็กเล็ก วัคซีน mRNA ฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปีให้ผลดี


