พรรคประชาชาติ หลังปรับทัพใหญ่ ชูธงขับเคลื่อน พหุวัฒนธรรม

จากผลการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของ"พรรคประชาชาติ"เมื่อ 26 ส.ค.2566 ที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุม เลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ 

โดยนอกเหนือจากการที่ "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง-ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ"ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาชาติ แล้ว ก็ยังมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เพื่อมาขับเคลื่อนพรรคต่อไป

โดย"ไทยโพสต์"ได้พูดคุยกับ สองแกนนำพรรคประชาชาติ ที่ได้รับเลือกให้เข้ามาเป็น กรรมการบริหารพรรคประชาชาติชุดปัจจุบัน คือ "ยู่สิน จินตภากร -รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ อดีตรองนายกเทศมนตรีนครยะลา "กับ "ธนาวิทย์ ไชยานุพงษ์ รองเลขาธิการพรรค หรือ นายกโป่ง อดีตนายกเทศมนตรีเมืองนราธิวาส "

เริ่มที่"ยู่สิน-รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ"กล่าวว่าสิ่งที่พรรคประชาชาติต้องการขับเคลื่อนงานเพื่อแก้ปัญหาประชาชน ก็คือการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม เพื่อทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยพรรคก็มีแนวนโยบายเช่น การให้เกษตรกรมีที่ดินทำกิน 20 ไร่ รวมถึงเรื่องการให้ความสำคัญกับเรื่องการศึกษา เพราะการศึกษาคือหนึ่งในเข็มทิศสำคัญที่ทำให้ประเทศชาติและประชาชนมีอนาคตที่ดี

อย่างในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส ก็ต้องยอมรับว่า ยังค่อนข้างห่างไกลกับศูนย์กลางด้านการศึกษาพอสมควร ทางพรรคประชาชาติและหัวหน้าพรรค ก็จะสนับสนุนให้เยาวชน นักศึกษาในพื้นที่ได้มีโอกาสเรื่องการศึกษาอย่างทัดเทียม โดยเน้นเรื่องการต้องสร้างโอกาสให้กับเยาวชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงพรรคก็มีนโยบายที่สนับสนุนเรื่องการศึกษาเช่นการลดหนี้ เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.)  ซึ่งพรรคประชาชาติ มีแนวนโยบายที่ครอบคลุมทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม และการแก้ปัญหาต่างๆ เช่นการปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด

และเมื่อวันนี้หัวหน้าพรรค พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง มาเป็นรมว.ยุติธรรม แน่นอนว่าจะต้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพรรคมีแนวทางที่ชัดเจนคือการขับเคลื่อให้เกิด"พหุวัฒนธรรม"เพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

"เรื่องพหุวัฒนธรรม เป็นเรื่องที่พรรคให้ความสำคัญมาตลอด เพราะในพื้นที่ซึ่งมีประชาชนทั้งชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม พี่น้องไทยจีน ที่เดิมเราอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่พอดีมาเจอเรื่องไม่เข้าใจกันบางประการ ทางรมว.ยุติธรรม ก็จะนำความยุติธรรมเข้าไปหล่อหลอมให้อยู่ร่วมกันได้ "

ในการทำงานการเมือง สิ่งที่พรรคประชาชาติให้ความสำคัญคือการแก้ปัญหาประชาชน ซึ่งหากเราทำได้ พรรคประชาชาติ ก็สามารถขยายพื้นที่ฐานเสียงให้มากขึ้นได้ จนมีส.ส.เขต มากขึ้น ทางหัวหน้าพรรค จึงกำชับคนในพรรคตลอดเวลาว่า ต้องสร้างผลงานในทุกมิติ และขับเคลื่อนให้เป็นผลงานที่จับต้องได้ เห็นผลชัดเจน อย่างเช่นที่พรรคก็มีส่วนสำคัญในการผลักดันให้มีการออกกฎหมาย พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมาน.และการกระทาให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 และเมื่อพ.ต.อ.ทวี เข้ามาเป็นรมว.ยุติธรรม ก็จะนำเรื่องความยุติธรรมไปช่วยเหลือประชาชน รวมถึงการแก้ปัญหาต่างๆ เช่น ยาเสพติด หากการทำงานทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมาย และในพรรคร่วมกันขับเคลื่อน ก็จะทำให้พรรคมีผลงาน และสามารถขยายพื้นที่ฐานเสียงของพรรคได้ ซึ่งยืนยันว่าหัวหน้าพรรค มีความตั้งใจสูงมากที่จะเข้าไปทำงานเพื่อดูแลประชาชน

วางเป้าขยายฐานเสียงให้มี

ส.ส.มากกว่า3จว.ชายแดนภาคใต้  

ด้าน"ธนาวิทย์ ไชยานุพงศ์-รองเลขาธิการพรรคประชาชาติ" กล่าวเสริมว่าจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีส.ส.เขต 13 คน พรรคประชาชาติได้ส.ส.เขตมา 7 คนและระบบบัญชีรายชื่อ อีกสองที่นั่ง โดยทางพรรคประชาชาติ  มีแนวนโยบายที่จะขยายฐานเสียงของพรรคออกไปยังพื้นที่อื่นๆ มากขึ้นนอกเหนือจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการขยายไปยังจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่ภาคใต้ 

การเลือกตั้งที่ผ่านมา คะแนนในระบบบัญชีรายชื่อในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งหมดแล้ว พรรคได้คะแนนเสียงมาอันดับหนึ่ง ทางพรรคก็คุยกันว่า เมื่อเข้ามาทำงานแล้ว ก็จะพยายามผลักดันนโยบายต่างๆ ที่หาเสียงไว้เช่นการแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน การแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อนที่ชาวบ้านอยู่อาศัยมานาน แต่มีการไปประกาศเป็นพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งเรื่องดังกล่าว ส.ส.นราธิวาส ของพรรค ก็ได้นำปัญหาไปพูดในที่ประชุมสภาฯหลายครั้ง และเมื่อพรรคเข้ามาเป็นรัฐบาล ก็จะเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องที่ดินที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เช่นที่จังหวัดนราธิวาส

สำหรับการเลือกตั้งรอบหน้า ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างที่จังหวัดยะลา เลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคประชาชาติ ก็ได้ส.ส.ยกจังหวัด 3 ที่นั่ง ขณะที่ปัตตานี เลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคประชาชาติ ก็ได้ส.ส.มาสามเขตเลือกตั้ง เลือกตั้งรอบหน้าก็ตั้งเป้าหมายว่าจะมีส.ส.เขตเพิ่มขึ้น ขณะที่ นราธิวาส ที่มีห้าเขตเลือกตั้ง เลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคได้ส.ส.เขต หนึ่งคน แต่เลือกตั้งรอบหน้า พรรคก็ตั้งเป้าหมายว่าจะสามารถชนะได้ทั้งห้าเขตเลือกตั้ง 

"ยู่สิน-รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ"กล่าวเสริมว่า ขณะนี้ประชาชนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความเชื่อมั่นกับทางพรรคประชาชาติมากขึ้น อย่างผมที่เป็นคนยะลาอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่เกิด จนถึงปัจจุบัน ก็เห็นการเมืองในพื้นที่มาตลอด ซึ่งสิ่งหนึ่งที่พบเห็นก็คือ การที่พรรคการเมืองจะทำการเมืองได้อย่างต่อเนื่อง พรรคการเมืองจะต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของนโยบาย

อย่างบางพรรคการเมือง พยายามทำให้ยาเสพติดขึ้นมาเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่พรรคประชาชาติไม่ใช่ เพราะเป็นการบ่อนทำลาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหลักศาสนา และเรื่องทางสังคม และนโยบายของบางพรรคการเมืองที่เขาเคยมีส.ส.ในพื้นที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เขาแทบไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้กับสังคมเราเลย อย่างผมที่เป็นอดีตรองนายกเทศมนตรีนครยะลา ผมก็เห็นเลยว่ามันเหมือนแทบไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาของคนในพื้นที่ได้ เพราะตอนนี้คนเขาคิดได้ เขามองเห็น นี้คือสิ่งที่ผมสามารถตอบได้ว่า เหตุใด ฐานพื้นที่ทางการเมืองในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แกว่งไปแกว่งมา ไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งสามารถยึดฐานเสียงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เหมือนเขตเลือกตั้งที่ยะลา ผมก็ยอมรับว่าจากที่ผมเป็นรองนายกเทศมนตรีนครยะลามายี่สิบกว่าปี ทำให้ผมเข้าใจบริบทเหล่านี้มากขึ้น เพราะผมก็อยากให้บ้านผม สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มันดีขึ้น อย่างบางจังหวัด บุรีรัมย์-สุพรรณบุรี-ชลบุรี ทำได้ ทำไม ยะลา-ปัตตานี-นราธิวาส จะทำไม่ได้ อันนี้ก็เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผมเอง

หลายคนถามผมว่า ที่ลาออกมาจากรองนายกเทศมนตรีนครยะลามาอยู่ที่พรรคประชาชาติในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทำไมเลือกพรรคประชาชาติ ซึ่งพรรคประชาชาติ ตอนนี้ก่อตั้งพรรคมาครบห้าปี และจุดกำเนิดการตั้งพรรคก็อยู่ที่ยะลา หัวหน้าพรรค ผู้ก่อตั้งพรรค ท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา ก็เป็นอดีตส.ส.ยะลา และช่วงก่อนหน้านี้ ที่พ.ต.อ.ทวี ยังเป็นเลขาธิการพรรคประชาชาติ ก่อนมาเป็นหัวหน้าพรรค เวลาไปพื้นที่ยะลา มีอะไร ผมก็ปรึกษาพ.ต.อ.ทวี ตลอด แล้วถ้าผมไปพรรคการเมืองอื่น แม้ผมจะได้รับเลือกตั้งหรือไม่ได้รับเลือกตั้งให้เป็นส.ส. ถามว่าผมจะสามารถเข้าไปปรึกษาอะไรผู้ใหญ่ในพรรคได้หรือไม่ เวลาในพื้นที่ประชาชนมีปัญหาอะไรเดือดร้อน จะไปพบกับเลขาธิการพรรคอื่นได้ไหม หากผมอยู่พรรคการเมืองอื่น ก็คงจะลำบาก ทั้งหมด ก็จะบอกว่า การที่พรรคได้ส.ส.เขตและคะแนนบัญชีรายชื่อมาอันดับหนึ่งในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เพราะพรรคประชาชาติ มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน

"ธนาวิทย์ -รองเลขาธิการพรรคประชาชาติ"กล่าวเสริมว่า การเลือกตั้งที่ผ่านมาในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีเขตเลือกตั้ง 13 เขต ทางประชาชน เขาก็คิดว่าพรรคประชาชาติเป็นพรรคของบ้านเรา พรรคที่เกิดจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เวลาเราไปหาเสียงตอนเลือกตั้งที่ผ่านมา ประชาชนก็บอกว่า เคยเลือกพรรคการเมืองอื่น สุดท้าย นราธิวาส เรื่องการศึกษา ก็ยังด้อยอยู่ หรือปัตตานี ก็เป็นจังหวัดที่จนที่สุดในประเทศไทย ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย

พรรคประชาชาติ แม้จะเพิ่งตั้งพรรคมาได้สี่ปี และเข้าสู่ปีที่ห้า แต่จากการทำงานของส.ส.พรรคประชาชาติทั้งการทำงานในสภาฯ และการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ เอาปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ไปสะท้อนในสภาฯ ก็ทำให้มีการแก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง และพรรคก็มีนโยบายที่โดนใจประชาชนในพื้นที่หลายอย่างเช่น การแก้ปัญหาหนี้สินกยศ.-การแก้ปัญหาเรื่องที่ดินเช่นที่ดินทับซ้อน รวมถึงนโยบายอื่นๆเช่นการแก้ปัญหาประมง การแก้ปัญหาราคายางพารา ซึ่งการทำนโยบายและการแก้ปัญหา เราขับเคลื่อนโดยคนที่รู้ปัญหาจริงๆ ในพื้นที่ว่าคืออะไร  เลยทำให้ประชาชนให้ความไว้วางใจ จนทำให้พรรคประชาชาติได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์มากที่สุดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้

"ยู่สิน-รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ"ยังกล่าวถึงการขับเคลื่อนพรรคต่อจากนี้ว่า ผู้บริหารพรรคอย่างนายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา ที่ตอนนี้มาเป็นเลขาธิการพรรคประชาชาติ ก็มีประสบการณ์ทางการเมือง เป็นส.ส.มาหลายสมัย และเคยเป็นประธานคณะกรรมาธิการสามัญของสภาผู้แทนราษฎร จึงทำให้เป็นคนที่มีความเข้าใจเรื่องบริบททางการเมือง รวมถึงเข้าใจบริบทของพื้นที่  ส่วน พ.ต.อ.ทวี หัวหน้าพรรคประชาชาติ แม้จะไม่ใช่คนที่เกิดในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่พ.ต.อ.ทวี ก็เคยผ่านงานสำคัญในการเป็นเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) ที่ทำให้มีการพัฒนาในพื้นที่อย่างมาก เรียกได้ว่า เป็นคนที่รู้พื้นที่แทบตารางนิ้ว

ตั้งแต่หลังพรรคประชาชาติ เข้าไปร่วมจัดตั้งรัฐบาล เวลาลงพื้นที่ เรื่องที่ประชาชนส่งเสียงสะท้อนมา ก็คืออยากให้แก้ไขปัญหาเรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ อย่างเช่น ค่าไฟแพง การทำให้ราคาน้ำมันลดลง ซึ่งหลังจากนี้ ทางพรรคก็อาจจะเปิดเวทีรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชนในภาคส่วนต่างๆ ในพื้นที่เช่น นักธุรกิจ มาพูดคุยเพื่อให้มาสะท้อนให้ฟัง หรือการเชิญตัวแทนกลุ่มเอ็นจีโอมาสะท้อนปัญหาเชิงสังคมในพื้นที่ให้ฟัง หรือด้านการศึกษา ก็อาจเชิญนักศึกษา ในพื้นที่มาร่วมพูดคุยว่าเขามีปัญหาอะไรบ้างที่อยากจะสะท้อนออกมา เพื่อรับทราบปัญหาแล้วเราก็จะนำปัญหาที่ได้จากการรับฟังมาวิเคราะห์กัน เพื่อนำไปสู่แนวทางการแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดตรงประเด็น ซึ่งการแก้ไขปัญหาไม่จำเป็นต้องทำแค่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ต้องทำทั่วประเทศ ซึ่งเมื่อหัวหน้าพรรค เข้าไปเป็นรมว.ยุติธรรม ก็จะนำความยุติธรรม เข้าไปดูแลแก้ปัญหาประชาชน เอาความหลากหลายทางวัฒนธรรมเข้าไปดูแล รวมถึงการแก้ปัญหาเรื่องอื่นๆ เช่นเรื่องการแก้ปัญหาสินค้าราคาเกษตรตกต่ำ การแก้ปัญหาประมงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บทธรรมดับโลกร้อน .. ที่นักปกครองต้องอ่าน!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โลกกำลังเข้าสู่ห้วงธรรมวิกฤต.. ที่มนุษยชาติประพฤติตนอยู่ในมิจฉาทิฏฐิ มีความโลภที่รุนแรงและราคะความกำหนัดที่ผิดธรรม .. เป็นส่วนใหญ่

กกต.เริ่มขยับ พร้อมงัด 'กฎเหล็ก' คุมเข้มเลือก สว. 2567

ความเคลื่อนไหวการได้มาซึ่ง "สมาชิกวุฒิสภา" (สว.) ชุดใหม่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุด ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา

พนัส อดีตสว.-อดีตสสร. คัดเลือกสภาสูง 2567 ฝ่ายประชาธิปไตยมีสิทธิลุ้น

ความเคลื่อนไหวการได้มาซึ่ง"สมาชิกวุฒิสภา"(สว.) ชุดใหม่ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ....

อย่าใหญ่เกินธรรมชาติ .. พ่อมหาจำเริญ!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา.. ภาวะโลกร้อน (Global warming) .. อันเกิดเนื่องเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังอยู่ใต้ห้วงวิกฤตการณ์อันเนื่องจากการกระทำของคนเรา

“มิจฉาธรรม .. ในอสัตบุรุษที่น่ากลัวยิ่ง”

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา สงกรานต์ร้อนที่เข้าสู่จุลศักราช ๑๓๘๖ เถลิงศกตรงกับ ๑๖ เมษายน ๒๕๖๗ นับว่าร้อนแล้ง ตรงกับคำพยากรณ์ที่พร้อมเกิดพายุร้อนได้ในทุกพื้นที่ เป็นการแสดงสภาวะผันผวนที่เนื่องมาจากวิกฤตร้อนของโลก (Climate Change) ที่หลายฝ่ายเฝ้าสังเกตการณ์ด้วยความเป็นห่วงว่า มนุษยชาติจะผ่านวิกฤตโลกร้อนไปได้หรือไม่..

สู่.. โครงการพระคืนสู่ป่า น้อมถวายเป็นพระราชกุศลฯ

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ในห้วงเวลาที่อากาศร้อนจัด จนเข้าสู่วิกฤตการณ์ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสานของประเทศ