หวั่นระบบอุปถัมภ์ -บ้านใหญ่ พรรคการเมือง ส่งเครือข่าย ยึดกุมวุฒิสภา-ทุ่มซื้อสว.!

กระบวนการที่อยู่ในเครือข่ายอุปถัมภ์ของนักการเมืองที่เรียกกันว่าบ้านใหญ่ ทั้งหมดเหล่านี้คือปัญหาอุปสรรค ทำให้การเลือกสว.ที่จะเกิดขึ้น...กลายเป็นการทำให้มีโอกาสที่วุฒิสภาจะมีการถูกครอบงำ-แทรกแซงโดยฝ่ายการเมือง..ถ้าหวังว่าใครจะได้ เขาก็สามารถทุ่มมา ซึ่งมันถูกกว่า ค่าตัวของส.ส.ที่ทุ่มกันประมาณ 40-60 ล้าน แต่สว.คาดว่าจะเสียน้อยกว่านั้น เมื่อเสียน้อยกว่า เขาก็กล้าลงทุน

สมาชิกวุฒิสภา(สว.)ชุดปัจจุบันกำลังจะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. แต่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ไปจนกว่าสว.ชุดใหม่ ที่กำลังจะมีการคัดเลือกกันเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งการได้มาซึ่ง”สภาสูงชุดใหม่”หลังจากนี้ จะเริ่มอยู่ในความสนใจมากขึ้นเมื่อกระบวนการคัดเลือกสว.ชุดใหม่เริ่มต้นนับหนึ่งในอนาคตอันใกล้

ด้านความเห็นต่อการเลือกสว.ที่จะมีขึ้น ตลอดจนการประเมินโฉมหน้าของวุฒิสภาชุดใหม่จะมีหน้าตาอย่างไร จากคนที่เคยมีประสบการณ์การเป็นสว.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนมาแล้วในอดีต ซึ่งตอนเป็นสว.ก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นสว.คุณภาพคนหนึ่ง

นั่นก็คือ “นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ -อดีตสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดอุบลราชธานี -อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ –อดีตคณบดีวิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี”ซึ่งปัจจุบันทำงานในด้านภาคประชาสังคมในฐานะ ประธานคณะกรรมการเขตสุขภาพภาคประชาชน (กขป.)

“นพ.นิรันดร์-อดีตสว.ปี 2543”กล่าวถึงการเลือกสว.ที่จะมีขึ้นในเร็วๆนี้ แต่ลำดับแรก ได้ปูพื้นให้เห็นถึงบทบาทความสำคัญของวุฒิสภาในระบบการเมืองไทยว่า ตัวผมเป็นสว.ที่มาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 ที่หลายคนคงทราบกันดีว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับของภาคประชาชน โดยเป็นรัฐธรรมนูญฉบับเดียวจนถึงตอนนี้ที่ให้สว.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดทั่วประเทศ 77 จังหวัด และมีการให้อำนาจกับสว.ไว้มาก จากเดิมที่วุฒิสภา เป็นเหมือนสภาที่ปรึกษา สภาพี่เลี้ยง  โดยสว.ที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ถือว่าเป็นวุฒิสภาที่มีอำนาจมาก ซึ่งอำนาจอย่างหนึ่งก็คือการให้สว.มีอำนาจในการคัดเลือกสรรหา กรรมการในองค์กรอิสระต่างๆ และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่มีอำนาจมาก จนถูกเรียกว่าเป็น"อำนาจหน้าที่ 4 "ไม่ว่าจะเป็น กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ   กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม สำหรับสว.ตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่กำลังจะมีการคัดเลือกกันหลังจากนี้ จริงๆ ไม่ใช่สว.จากการเลือกตั้ง แต่เป็นการคัดเลือกกันเองของผู้สมัครจะเป็นสว. และเป็นการเลือกจากผู้สมัครในสาขาอาชีพ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน  และคนที่จะลงคะแนนเลือกสว.ก็ต้องเสียเงิน 2,500 บาทในการลงสมัครเข้าไป แล้วลองคิดดูว่าจะมีประชาชนสักกี่คนที่จะยอมเสียเงินเข้าไปในสภาวะที่ประชาชนมีความแร้นแค้นยากลำบาก ซึ่งตรงนี้คือปัญหาอุปสรรคในการเลือกสว.รอบนี้ เพราะโหวตเตอร์จะน้อยลง

"นพ.นิรันดร์"กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ กระบวนการคัดเลือกสว.ที่จะเกิดขึ้น ก็มีกระบวนการที่ซับซ้อน ที่ก็จะมีการเลือกในระดับอำเภอและจังหวัดที่นอกจากเลือกตรงในสาขาอาชีพที่สมัครแล้ว ก็ยังมีการเลือกไขว้อีก ซึ่งการเลือกไขว้ก็จะมีปัญหา โดยการเลือกไขว้ ทำให้คนที่อยู่ต่างสาขาอาชีพจะรู้จักคนที่อยู่คนละสาขาอาชีพน้อยมาก(ภูมิหลัง)  เช่น อย่างผมที่เคยมีประสบการณ์การทำงานในเรื่องการเมืองการปกครอง ที่ก็อยู่ในหนึ่งสาขาอาชีพจากที่กำหนดไว้ 20 กลุ่มก็ยังพอเป็นที่รู้จัก แต่คนที่ไม่อยู่ในกระแสของการทำงานการเมืองมาก่อน แถมกติกาก็ห้ามหาเสียง มันก็ผิดธรรมชาติ แล้วพอเสร็จจากระดับจังหวัดก็มาคัดเลือกในระดับประเทศ

ทั้งสามขั้นตอนดังกล่าว คือ  อำเภอ-จังหวัด-ระดับประเทศ จะมีกระบวนการอย่างที่เราเคยรู้กัน จำได้หรือไม่ว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 ก็ให้มีสภาที่ ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติโดยให้มีการเลือกสมาชิกสภาที่ ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ   ที่เลือกกันเองในแต่ละสาขาอาชีพ ที่ก็พบว่าในกระบวนการคัดเลือก ก็มีการบล็อกโหวตกัน มีการจัดตั้งกันโดยฝ่ายการเมืองที่ต้องการมีคนของตัวเองเข้าไปเป็น สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่นสายแรงงาน สายรัฐวิสาหกิจ สายสื่อมวลชน สายอดีตข้าราชการประจำ จนต่อมา ก็มีการยกเลิกสภาที่ ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

ตรงนี้คือจุดอ่อนของกระบวนการเลือกสว.ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ทำให้เกิดกระบวนการ"บล็อกโหวต" และยังเป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดการเสียเงินค่าสมัคร ถึงจะได้เข้าไปเป็นโหวตเตอร์ ทั้งที่สภาพเศรษฐกิจของสังคมไทยเป็นแบบนี้

...เป็นกระบวนการที่จะทำให้เกิดการแทรกแซง ที่ฝ่ายการเมือง จะเข้าไปมีเครือข่าย โดยต้องยอมรับว่านักการเมือง ฝ่ายการเมือง เขามีเครือข่าย เช่น กลุ่มข้าราชการ ที่ก็เป็นหนึ่งใน 20 กลุ่มอาชีพด้วย เช่น อดีตข้าราชการสายนักปกครองและอื่นๆ ที่อยู่ในพื้นที่ทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศมากกว่าบุคคลกลุ่มอื่นโดยทั่วไป และหากไปดูใน 20 สาขาอาชีพ กลุ่มไหนที่มีโอกาสจะเข้าไปสมัครได้มากสุด ก็คือฝ่ายข้าราชการ ฝ่ายวิชาชีพต่างๆ เช่น แพทย์ ครู  หรือฝ่ายกระบวนการยุติธรรม คนเหล่านี้จะมีกระบวนการที่อยู่ในเครือข่ายอุปถัมภ์ของนักการเมืองที่เรียกกันว่าบ้านใหญ่ ทั้งหมดเหล่านี้คือปัญหาอุปสรรค

...ทำให้ภาพการเลือกสว.ที่จะเกิดขึ้น นอกจากไม่ตรงตามหลักการที่ควรให้มาจากประชาชนโดยตรงแล้ว กลายเป็นการทำให้มีโอกาสที่วุฒิสภาจะมีการถูกครอบงำ-แทรกแซงโดยฝ่ายการเมือง ซึ่งเราก็รู้ว่า สภาพการเมืองไทยในขณะนี้ สภาพของสว.ที่ออกมา กลายเป็นว่าตกเป็นเครื่องมือของ ฝ่ายที่กุมอำนาจและผลประโยชน์ต่างๆ ที่ครอบงำสังคมไทย ตรงนี้อาจทำให้เราได้สว.ที่ไม่มีคุณภาพ กลายเป็น สว.ที่มีปัญหาแบบสว.ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

ผมคิดว่ามันเป็นจุดอ่อนและเป็นปัญหาที่สำคัญที่ขณะนี้ เริ่มมีกระแสจากภาคประชาชนว่า จะต้องพยายามหาทางเข้าไปเป็นโหวตเตอร์ โดยไม่ได้ต้องการเป็นสว.แต่ให้ไปเป็นโหวตเตอร์ โดยยอมเสียสละยอมเสียเงิน 2,500 บาทในการสมัครเข้าไปเป็นโหวตเตอร์เพื่อจะได้เลือกสว. ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะเป็นเรื่องการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนที่จะเข้าไปโหวตสว.ที่อยู่ในแต่ละสาขาอาชีพ เพื่อแก้จุดอ่อนข้างต้น

-คิดว่า กระบวนการเลือกสว.ที่จะมีขึ้น จะมีผู้สมัครที่อยู่ในเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ เครือข่ายบ้านใหญ่ เข้ามาสมัครมากหรือไม่?

ผมเองอยู่ในพื้นที่มาร่วมสามสิบปี (อุบลราชธานี) ผมก็รู้ว่าใครคือเครือข่ายคนบ้านใหญ่ แล้วคนในบ้านใหญ่ก็จะมีอำนาจมีอิทธิพล เช่นเป็นกรรมการของข้าราชการครู คนของบ้านใหญ่เข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องต่างๆเช่น หาคนมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด หาคนมาเป็นนายอำเภอ หาคนมาเป็นผู้กำกับ แทรกแซงเข้าไปในวงการต่างๆ หรือคนของบ้านใหญ่เข้าไปเป็นคนที่อยู่ในแวดวงการจัดสรรงบประมาณต่างๆ ในหน่วยงานราชการต่างๆ โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีงบประมาณจำนวนมาก

ผมเคยเป็นกรรมาธิการงบประมาณฯของวุฒิสภา รู้ดีว่า เครือข่ายบ้านใหญ่พยายามเข้าไปแทรกแซงด้วยการเข้าไปแทรกตัวอยู่ในกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณ เพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดสรรงบประมาณ ที่โครงการ-นโยบายต่างๆ ของภาครัฐที่เข้าไปอยู่ในงบของหน่วยงานต่างๆ มันมีความร่วมมือกันระหว่างนักการเมืองและข้าราชการ และเมื่องบผ่านแล้ว งบที่ลงไปในโครงการต่างๆ ซึ่งเราจะพบว่า เครือข่ายบ้านใหญ่ ส่วนใหญ่ก็จะมีอาชีพ รับเหมาก่อสร้าง สร้างถนนต่างๆ

ตรงนี้ผมคิดว่าเครือข่ายที่มาของสว. 20 กลุ่มอาชีพ ไม่ว่าจะเป็น ครู ฝ่ายปกครอง ทหาร ตำรวจ มันมีลักษณะของการเป็นเครือข่ายระบบอุปถัมภ์ ซึ่งตรงนี้เป็นรากเหง้าของสังคมไทยที่เรายังไม่สามารถจะไปเซาะกร่อนบ่อนทำลายได้เพราะเป็นรากเหง้าที่ทำให้เกิดการอุปถัมภ์ค้ำชูกันในทางการเมือง ซึ่งอุปถัมภ์ในทางดี ผมไม่ว่าอะไร แต่ถ้าอุปถัมภ์ในเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น มันเป็นภัยต่อบ้านเมือง

-เชื่อว่าการเลือกสว.ที่จะมีขึ้น จะมีเรื่องของเครือข่ายอุปถัมภ์ การบล็อกโหวตเกิดขึ้น?

ประเด็นสำคัญคือต้องรู้ว่า สว.ต้องเป็นอิสระ ไม่ถูกครอบงำจากฝ่ายการเมือง ต้องไม่ตกอยู่ภายใต้การสั่งการของฝ่ายการเมือง อย่างที่เราเคยเห็นเป็นปัญหามาตลอดก่อนหน้านี้

ความเป็นอิสระตรงนี้สำคัญเพราะสว.ที่จะเข้าไป แม้จะไม่มีอำนาจในการโหวตเลือกนายกฯแล้ว แต่สว.ยังมีอำนาจในการโหวตเลือกกรรมการองค์กรอิสระหลายแห่งในช่วงการทำหน้าที่ของสว.ห้าปีหลังเข้าไปทำหน้าที่ไม่ว่าจะเป็นเช่น กรรมการการเลือกตั้ง กรรมการป.ป.ช. รวมถึงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  แล้วเราก็รู้กันว่าไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญ -ป.ป.ช. -กกต. มันทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมในสังคมไทย แล้วก็เป็นปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น อะไรต่างๆ ที่เป็นปัญหารากเหง้าของระบบการเมืองไทย

เชื่อมีแน่ เครือข่ายพรรคการเมือง ส่งคนแทรกซึม เข้าไปเป็นสว.  

-คิดว่าจะมีเครือข่ายพรรคการเมือง  พยายามส่งคนของตัวเองเข้าไปเป็นนอมินี เพื่อสร้างฐานเสียงในวุฒิสภาหรือไม่ ?

ผมไม่รู้ แต่ผมเชื่อแน่ว่าต้องมี ผมพูดตรงๆ ผมที่เคยเป็นสว.จากรัฐธรรมนูญปี 2540 โดยตัวผมตอนนั้นไม่ใช่กลุ่มสว.เสียงข้างมาก แต่วุฒิสภาชุดนั้นก็ยังถูกตราหน้าว่าเป็นสภาผัวเมีย กลุ่มผมตอนนั้นก็มีประมาณ 30-40 คน ที่ถูกเรียกว่าเป็นสว.เสียงข้างน้อย ก็มีสว.ในกลุ่มเช่น พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อาจารย์แก้วสรร อติโพธิ ก็เลยกลายเป็นเสียงข้างน้อยที่มีเครดิตในสังคมแม้เราจะแพ้โหวตในวุฒิสภา แต่เราชนะในทางสังคม จากผลงานการทำหน้าที่สว.ในหลายเรื่องตอนนั้นเช่น การตรวจสอบเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน เข้าไปตรวจสอบเรื่องการทุจริตเชิงนโยบาย การตรวจสอบเรื่องการดำเนินนโยบายการประกาศสงครามยาเสพติด รวมถึงการกลั่นกรองกฎหมายต่างๆ ที่เราเห็นว่าไม่ถูกต้อง ก็ทำให้ประชาชนทั่วไปก็ยอมรับ เพราะเป็นการทำงานที่เป็นอิสระ ไม่ถูกแทรกแซง

ที่ผมรู้ว่าองค์กรอิสระถูกแทรกแซงเพราะเห็นจากกระบวนการคัดเลือกกรรมการองค์กรอิสระรวมถึงกรรมการองค์กรอื่นๆ เช่น กสช. กับกทช. ในช่วงยุคนั้น ที่ยังไม่มีการรวมกันเป็นกสทช.แบบปัจจุบัน โดยตอนนั้น กสช.เลือกกรรมการกันไม่ได้ เลือกได้แค่กทช.เพราะมีการส่งนักธุรกิจเข้าไปเป็นกรรมการ เพราะเป็นองค์กรที่มีผลประโยชน์หลายหมื่นล้านบาท ก็ทำให้เห็นได้ว่ามีการแทรกแซง รวมถึงการทำงานขององค์กรอิสระที่บางชุด ก็มีนักการเมืองพยายามเข้าไปแทรกแซงด้วยการส่งคนของตัวเองเข้าไป ถึงได้ย้ำว่า สว.ที่จะเลือกกรรมการองค์กรอิสระต้องเป็นอิสระ ไม่ถูกแทรกแซง

-เป็นห่วงหรือไม่ หากจะมีเครือข่ายนักการเมืองพยายามเข้าไปยึดวุฒิสภา ด้วยวิธีการส่งคนของตัวเองให้เข้าไปเป็นนอมินีในวุฒิสภา แล้วใช้วิธีการบล็อกโหวตการเลือกสว.?

ก็เป็นห่วง ผมจึงเห็นด้วยที่มีภาคประชาสังคมบางส่วน มีการประกาศตัวและมีการรณรงค์ให้คนเข้าไปเป็นโหวตเตอร์ ไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกสว. เพราะอย่างหากจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคต การแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องได้เสียงเห็นชอบด้วยจากสว. ไม่น้อยกว่าหนึ่งในสาม ถึงจะผ่านได้  ตรงนี้ก็ยากแล้ว จึงทำให้มีการรณรงค์เกิดขึ้น ที่ก็เป็นสิทธิทางการเมือง สิทธิพลเมือง เพื่อป้องกันการบล็อกโหวต

 เพราะการซื้อเสียงแต่ละจังหวัด ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่บางคนอาจจะมีการลงทุน แล้วมาซื้อเสียงอีกรอบหนึ่งในระดับประเทศ ถ้าหวังว่าใครจะได้ เขาก็สามารถทุ่มมา ซึ่งมันถูกกว่า ค่าตัวของส.ส.ที่ทุ่มกันประมาณ 40-60 ล้าน แต่สว.ผมคาดว่าจะเสียน้อยกว่านั้น อันนี้ผมคาดว่า เมื่อเสียน้อยกว่านั้น เขาก็กล้าลงทุน เพราะว่ามันได้ซึ่งอำนาจ มันได้ซึ่งผลประโยชน์ ตรงนี้คือความเป็นจริง

ผมหวังว่ากกต. เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาฯ ประกาศออกมาแล้ว กกต.ต้องหามาตราการ และต้องพยายามกระตุ้นให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม เพราะการเลือกที่จะมีขึ้น ประชาชนจะเข้าไปมีส่วนร่วมไม่ได้ ถ้าไม่ไปสมัครแล้วต้องเสียเงิน  2,500 บาท ตรงนี้ก็เป็นปัญหาแล้ว ก็ต้องหาวิธีการ ให้คนที่สามารถเสียเงินได้เข้าไป ถ้ายอมเสียเงินเข้าไปแล้วไปเป็นโหวตเตอร์ แล้วยอมสังเกตุการณ์ แล้วไปสกัดกั้น เพราะการลงคะแนนเสียง คนนอกที่ไม่ได้สมัครจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวไม่ได้เลย แต่มันก็หนีไม่ได้ ที่กกต.และรัฐบาลเองต้องสนับสนุนให้ ประชาขนเข้าไปมีส่วนร่วมในการสังเกตุการณ์

-ฟังดูเหมือนกังวลว่าอาจจะมีการใช้วิชามาร การใช้วิธีการทุ่มเงินเพื่อสร้างเครือข่ายสภาสูง?

ไม่อาจจะ แต่เกิดแน่ๆ อยู่เลย และผมเชื่อว่าหลังกระบวนการเลือกสว.จะมีการฟ้องร้องตามมาเยอะ ตรงนี้ก็จะเป็นปัญหา ก็จะมีการออกใบเหลือง ใบแดงกัน ที่กว่าจะได้สว.ครบจนเปิดประชุมได้ ก็อาจทำให้สว.ชุดปัจจุบันต้องรักษาการไปก่อน

-ดูจากตอนนี้ ที่ก็เริ่มมีบางกลุ่มเช่นคณะก้าวหน้า ก็ออกมาเคลื่อนไหวรณรงค์ให้ประชาชนไปสมัครคัดเลือกเป็นสว. หากให้ประเมินว่าวุฒิสภาชุดใหม่ดูแล้วหน้าตา ทิศทางจะเป็นอย่างไร จะมีความหลากหลายเรื่องไม่ จะมีเครือข่ายการเมืองเข้ามาเยอะไหม ประชาชนจะหวังพึ่งสว.ชุดใหม่ได้หรือไม่ จะเป็นอิสระจริงหรือไม่?

ผมเองก็คงเดาไม่ถูก เพราะการเลือกสว.ที่จะมีขึ้น ไม่เคยมีแบบนี้ที่ไหนในโลก แต่ผมประเมินจากประสบการณ์การเคยเป็นสว.ชุดแรกที่มาจากการเลือกตั้ง ตอนนั้น เราก็รวมตัวกันในกลุ่มสว.ด้วยกันเอง ก็ได้มาประมาณ 30-40 คน จาก 200 คน

ซึ่งสว.ที่จะเข้ามาชุดใหม่ ก็จะมีความแตกต่างจากสว.สมัยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ดูแล้วก็คงไม่แตกต่างกันมาก เพราะจะมีคนที่อยู่ในเครือข่ายของบ้านใหญ่แต่ละจังหวัดเยอะ

ยิ่งกลุ่มบ้านใหญ่เสียหน้าเสียศักดิ์ศรีไปเยอะจากผลการเลือกตั้งส.ส.เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ที่คนของบ้านใหญ่สอบตกล้มระเนระนาด ที่แพ้ในระบบคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ รวมถึงระบบเขตด้วย เพราะฉะนั้น ผมคิดว่าเขาต้องเอาแน่ เพราะการจัดการตรงนี้ มันไม่ยากไปกว่าการเลือกตั้งส.ส. คราวนี้ดูแล้วเขาไม่พลาดแน่

องค์ประกอบเหล่านี้ทำให้ผมเชื่อว่าสว.ชุดใหม่ที่จะออกมา ถ้าประชาชนเฉยเมย ไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในการติดตาม รวมถึงหากสื่อไม่เข้าไปติดตามทำข่าวการเลือกสว.ไม่รณรงค์ให้ประชาชนเห็นถึงความสำคัญของสว.ที่จะเข้าไป ทั้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การกลั่นกรองกฎหมาย หากสื่อไม่ย้ำเรื่องความเป็นอิสระของสว.และความสำคัญของสว. ก็จะทำให้บรรยากาศการเลือกสว.ก็จะเงียบ พอมันเงียบ ก็มีโอกาสที่สว.จะถูกครอบงำและถูกแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองได้

ผมจึงคิดว่าเรื่องนี้ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน อย่าปล่อยให้สิ่งเหล่านี้มันผ่านไปโดยคิดว่าช่างมันเถอะ มันจะเป็นยังไง ก็ให้มันเป็นไป มันไม่ได้ เพราะมันจะเข้ามาเป็นขบวนการบ่อนทำลายการก้าวไปสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างที่เราหวังกัน เรื่องนี้ทั้งประชาชนและสื่อสามารถมีส่วนร่วมได้ โดยเฉพาะการทำให้ประชาชนตื่นตัว อย่าอยู่ในความเงียบ ก็จะเป็นการช่วยกันให้มีสว.จากประชาชนได้มากขึ้น

หวังเห็นสว.จากภาคประชาชน  เข้าไปอยู่ในวุฒิสภาให้มาก

-สมัยสว.เลือกตั้งชุดแรกปี 2543 ตอนแรก หลายคนก็เห็นกันว่าสว.ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรง มีความเป็นอิสระกันดี แต่พออยู่ๆ ไป เริ่มมีพรรคการเมืองเข้ามาสร้างสัมพันธ์ มีข่าวเรื่องการให้ผลประโยชน์กัน เกรงไหมว่า สว.ชุดใหม่ สุดท้าย พอเข้าไปแล้วจะเกิดเหตุแบบตอนสมัยสว.ชุดปี 2543 ซ้ำรอยอีกหรือไม่ คือพอเข้าไปแล้ว ก็จะมีพรรคการเมืองเข้ามาสานสัมพันธ์สร้างคอนเน็กชั่นกับฝ่ายวุฒิสภา?

มันต้องเกิดแน่นอน แต่ถ้าเราทำให้สว.มาจากภาคประชาชนให้ได้มากที่สุด มันจะทำให้สว.จากภาคประชาชน สามารถส่งเสียงแบบสมัยผมได้

ผมมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ถึงแม้ว่า จะมีบางอย่างยังเปลี่ยนไม่ผ่าน แต่อะไรที่เราสามารถทำได้ เราก็ต้องทำเต็มที่เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องกลไกและสถาบันการเมือง เพราะสว.ถือว่าเป็นสถาบันการเมืองที่มีความหมาย

แต่ถ้าถามผมตรงๆ ผมก็อยากจะบอกว่า ประเทศไทยควรยกเลิกการมีสว.ได้แล้ว เพราะผมคิดว่าประชาชนตื่นตัวขึ้นเยอะมากในช่วงยี่สิบปีที่ผ่านมา ประชาชนรู้ว่าประเทศชาติต้องการการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง เปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย-เชิงระบบ นักการเมืองที่ยังจมอยู่กับรากเหง้าที่ไม่ถูกต้อง ก็เลยทำให้รัฐสภาของเรายังทำหน้าที่ไม่ได้อย่างเต็มที่ แต่ผมคิดว่าประชาชนตื่นแล้วจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ผมถึงมองว่าเราสามารถมีสภาเดี่ยวได้แล้ว

 ทั่วโลกตอนนี้มีประมาณ 112 ประเทศ ที่ใช้ระบบสภาเดียว มีประมาณ 78 ประเทศ ที่ยังใช้ระบบสองสภา และที่ผ่านมามีประมาณ 34 ประเทศ ที่ยกเลิก จากสองสภามาเป็นสภาเดียว นั่นหมายถึงขณะนี้ส่วนใหญ่ของประเทศทั่วโลก สองในสาม มีสภาเดียว ผมจึงเห็นว่าประเทศไทยมีระบบสภาเดียวได้แล้ว เพราะการมีสว.ใช้งบประมาณเยอะ เช่นเงินเดือนของสว. รวมถึงค่าใช้จ่ายๆมากมาย และยังเป็นองค์กรที่ไปค้ำยันระบบอำนาจที่ไม่ถูกต้องในสังคมไทยเมื่อประชาชนตื่นตัวมากขนาดนี้แล้วจะเอาสว.ไปไว้ทำอะไร

โดยวรพล กิตติรัตวรางกูร

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

มาดุ! 'บิ๊กเกรียง' ฉะคนปล่อยเฟคนิวส์ หาน้ำท่วมใต้คนตายเป็นพัน น่าจะเอาหัวเสียบประจาน

'บิ๊กเกรียง' รับมอบของบริจาคช่วยอุทกภัย ฉะ คนปล่อยเฟคนิวส์ หาว่าน้ำท่วมใต้คนตายเป็นพัน น่าจะหัวเสียบประจาน ถามเอาจากไหนมาพูด บอก เสียหาย ถ้าเล่นการเมืองกัน ทำขวัญของประชาชนตกต่ำ ให้กำลังใจ 'นายกฯอนุทิน-รัฐบาล' เชื่อทำตามแผนฟื้นฟู-เยียวยาอยู่แล้ว

ศาลสั่งจำคุก 4 ปี 'สว.ธนกร' คดีลักทรัพย์คนตายจากอุบัติเหตุ

ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายธนกร ถาวรชินโชติ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งในขณะนั้นเพียงผู้ที่ทำธุรกิจประมง เเละนายอภิชัย หมู่มาก จำเลยที่ 1 เเละ2 ฐานลักทรัพย์ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท

เดือด! ชิง 'ปธ.กกต.คนใหม่' หึ่งน้ำเงินดัน 'อดีตผู้ว่าฯ' สายตรงบ้านใหญ่ เจอ 'สายศาลฎีกา' ฮึดสู้

ศึกชิงเก้าอี้ปธ.กกต.คนใหม่เดือด หลังลือสะพัด สีน้ำเงินดันอดีตผู้ว่าฯ สายตรงบ้านใหญ่ ไปนั่งคุม 7 เสือกกต. แต่สายศาลฎีกาฯฮึดสู้ ตั้งป้อมสกัด วัดใจโค้งสุดท้าย ใครถอย-ใครลุย พบสองงานสำคัญรออยู่ คุมเลือกตั้งปีหน้า-ลงมติคดีฮั้วสว. 

เคาะแล้ว! กติกา-ที่มา '35 อรหันต์' ยกร่าง รธน.ใหม่

'กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ' เคาะที่มา 'กมธ.ยกร่าง รธน.ใหม่' จากการสมัครผ่าน กกต. พร้อมกำหนดกติกา ก่อนส่งให้รัฐสภาเลือกผ่านสูตร '20 หยิบ 1' ปัดเอื้อพรรคเสียงข้างมาก ยันครอบงำไม่ได้

ไม่ประณาม! ‘อังคณา’ แค่เล่าข่าว เขมรฝังทุ่นระเบิดใหม่ผิดข้อตกลง แสดงความเสียใจกับผู้เสียหาย!

อังคณา นีละไพจิตร สมาชิกวุฒิสภา อดีตคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นักสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Angkhana N

จาก 'คนขายหมู' ถึงมติวุฒิสภา บทเรียนประชาธิปไตยและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

มติของวุฒิสภา 130 ต่อ 26 เสียง ให้ส่งเรื่องของ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ไปยัง ป.ป.ช. เพื่อตรวจสอบข้อกล่าวหาฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง