สืบเนื่องโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม... ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา!!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา การจัดงานโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน ถวายเป็นพระราชกุศลฯ ณ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย สวยงาม สมบูรณ์ด้วยเนื้อหาสาระธรรมบรรยาย ว่าด้วยเรื่อง ราชธรรม (ทศพิธราชธรรม).. ธรรมของผู้ปกครองแผ่นดิน ที่สืบเนื่องมาจากอาณาจักรสุโขทัย สู่กรุงศรีอยุธยา แม้ว่าจะมีการปรับรูปแบบการปกครองแผ่นดินให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและทันสมัยในแต่ละยุค... แต่ ราชธรรมทั้ง ๑๐ หรือ จักรวรรดิธรรม นั้นยังคงดำรงความสืบเนื่องในจิตใจผู้ปกครองแผ่นดินมาอย่างมั่นคง.. ทั้งนี้ เพราะพระมหากษัตริย์ของประชาชนชาวไทยทุกยุคทุกสมัย มีพระราชศรัทธามั่นคงในพระพุทธศาสนา จึงทรงบริหารจิตใจให้มีธรรม.. เป็นธรรม.. เพื่อสร้างธรรมให้เกิดขึ้นในราชอาณาจักร..

การจัดงานโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม.. ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันนั้น ยังให้เกิดความยินดีของประชาชนทุกหมู่เหล่าที่ใส่ชุดขาว เดินทางมาร่วมงานตั้งแต่เช้ามืด เพื่อให้ทันใส่บาตรพระภิกษุร่วม ๒๐ รูป ที่จะออกบิณฑบาตบนเขื่อนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ด้านหน้าวัดไชยวัฒนาราม.. โบราณสถานทางพุทธศาสนาอันทรงคุณค่า มีความสวยงามทางศิลปะที่มีชื่อเสียง

โดยการวางแผนงานของ นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ยังตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ แม้จะเป็นปีสุดท้ายของการรับราชการ จึงได้เห็นภาพสวยงามที่พระสงฆ์เดินลงจากมหาวิหารไปบิณฑบาต คณะข้าราชการและประชาชนที่มาร่วมใส่บาตร ฟังธรรม ซึ่งในครั้งนี้ นายสันติธร ยิ้มละมัย รองปลัดกระทรวงมหาดไทยและภรรยา.. นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมประธานแม่บ้านมหาดไทยพระนครศรีอยุธยา ร่วมงานดังกล่าวอย่างเต็มกำลังมหาดไทย ที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาจิตใจของบุคลากรในกระทรวงมหาดไทย ในด้านการเสริมสร้างคุณธรรม-จริยธรรม เพื่อประโยชน์แห่งการบริหารราชการแผ่นดิน ในฐานะทำหน้าที่ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” แก่ประชาชนชาวไทย

เรื่องดังกล่าวจึงน่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ได้นำเข้าสู่การประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๖๘ และได้รับการประกาศเป็น นโยบายที่ ๔ ใน ๕ นโยบายหลัก ในการส่งเสริมการพัฒนาจิตใจ ด้วยการสนับสนุน โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน อย่างเต็มกำลัง.. จึงได้เห็นความเป็นรูปธรรมในการดำเนินงานของโครงการ เพื่อให้การเรียนรู้ในหลักธรรมเพื่อการบริหาร.. การปกครอง ที่ข้าราชการมหาดไทย ตลอดจนถึงแม่บ้านมหาดไทย ต้องช่วยกันรับผิดชอบ เพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยอย่างแท้จริง ซึ่งนับเป็นนิมิตใหม่ของกระทรวงมหาดไทย.. ที่ให้การสนับสนุนแม่บ้านให้ออกมามีบทบาทยิ่งขึ้น ในฐานะภรรยานักปกครอง.. ที่ควรร่วมกันในการสร้างประโยชน์และความสุขให้กับพี่น้องประชาชนทุกหมู่เหล่า

นับว่าเป็นสภาวะที่ทันสมัยเป็นอย่างยิ่ง ในการส่งเสริมบทบาทสตรีในสังคม.. จึงได้เห็นภาพแม่บ้านมหาดไทยในแต่ละจังหวัดออกมาร่วมงานกับสามีอย่างสมฐานะ เพื่อช่วยกันสรรค์สร้างอำนาจธรรม.. สู่ความยุติธรรมให้กับสังคม ที่เริ่มอ่อนล้ากระแสคุณธรรมและความดีงาม

ในการบรรยาย ราชธรรม.. เพื่อสืบสานส่งต่อให้กับผู้นำ ผู้ปกครอง.. ตลอดจนแม่บ้าน ญาติมิตร ประชาชนในสังคม.. ที่มีหน้าที่ บทบาท ในแต่ละภาคส่วนที่พระนครศรีอยุธยาในวันนั้น ได้แจกแจงให้เห็นคุณค่าของอำนาจธรรม.. ที่คนในสังคมต้องร่วมกันทำให้เกิดขึ้น ตั้งแต่ครอบครัว ชุมชน.. สู่ระดับสังคมประเทศชาติ ซึ่งผู้มีบทบาทตามฐานะในสังคมที่จะต้องทำหน้าที่บริหารงานราชการ.. ปกครองพี่น้องประชาชน จะต้องเรียนรู้ในธรรม.. ที่ปรากฏเป็นหลักธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา

การรู้ธรรม ..​ จึงเป็นหัวใจสำคัญต่อการสรรค์สร้างอำนาจธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม.. เพราะเมื่อรู้ธรรม.. เข้าใจธรรม.. จะมีความศรัทธาในธรรม ที่จะนำไปสู่การมีธรรม.. การเป็นธรรม.. และการสร้างธรรมให้เกิดขึ้น.. เพื่อความสำเร็จในอำนาจธรรม.. ที่จะปกป้อง คุ้มครอง รักษา ผู้ประพฤติธรรม.. สุจริตชน.. ในสังคมประเทศนั้น

โดยหลักธรรมที่สำคัญอย่างยิ่งใน ราชธรรม ๓ ข้อแรก ได้แก่ ทาน ศีล และบริจาค..

จริงๆ แล้ว ทาน ศีล และบริจาคนั้น ไม่ใช่เรื่องห่างไกลจิตใจคนไทยที่นับถือพุทธศาสนา ซึ่งเราต้องยอมรับว่า.. เมื่อถือปฏิบัติกันมานานๆ ในการให้ทาน รักษาศีล.. จนดูเหมือนจะเป็นเรื่องคุ้นเคยปกติในสังคมบ้านเรา แต่เรากลับขาดความใส่ใจพิจารณา เพื่อให้เห็นคุณค่าของการให้ทาน การรักษาศีล และการบริจาคนั้น

การกระทำที่คุ้นเคย จนขาดการพิจารณา.. จึงไม่ได้เสริมสร้างเจตนาให้มั่นคง อย่างมีเจตจำนงในการกระทำ.. ว่า ทำเพื่ออะไร.. ทำแล้วได้อะไร.. ทำแล้วเป็นอย่างไร.. และอะไรที่ควรทำ อะไรไม่ควรทำ..

ความล้มเหลวขององคาพยพในการสร้างคุณความดี อย่างมีปัญญา จึงเกิดขึ้นในแวดวงของคนในสมัยต่อๆ มา.. จนถึงปัจจุบัน จนนำไปสู่ความห่างไกลในความเข้าใจที่ถูกต้องตรงธรรม ทำให้เกิดโรคห่างไกลธรรม.. แม้จะทำอย่างที่เคยทำ

ดังที่เริ่มเกิดความอลหม่าน อลวน ในสังคมชาวพุทธรุ่นใหม่.. หรือคนในสังคมปัจจุบัน ในความเข้าใจศาสนธรรม ศาสนกิจ.. ศาสนวัตถุ และศาสนพิธี ว่า.. อะไรคือความถูกต้อง.. เพราะดูเหมือนว่า สังคมเริ่มห่างไกลเหตุผลอันชอบโดยธรรมในการกระทำ..

เมื่อมีคนตื่นธรรมขึ้นมา.. จะด้วยการอ่าน การคิด.. การนึก หรือการปฏิบัติ.. จึงเกิดภาวะฉุกใจขึ้นว่า.. ที่กระทำกันมาออกจะผิดเพี้ยนไปจากธรรม โดยเฉพาะเมื่อมองไปสู่ภาวะความล้มเหลวในการศึกษาปฏิบัติตนของผู้ที่อ้างตนว่าเข้ามาเป็นผู้สืบพระศาสนา.. เป็นผู้รู้ธรรมอย่างนักบวชทั้งหลาย

จึงเกิดกระแสตีกลับ พุ่งเข้าสู่องค์กรพระศาสนาอย่างไม่เคยปรากฏ.. มีการปฏิเสธ ศาสนพิธี ที่ถือปฏิบัติกันมาอย่างไม่สอดคล้องกับ ศาสนธรรม คือ พระธรรมคำสั่งสอนดั้งเดิม อันปรากฏเป็นหลักฐานอยู่ในพระไตรปิฎก ที่เข้าถึงได้ไม่ยากในยุคไอที..

การเลิกนิมนต์พระภิกษุ และหันไปเชิญญาติโยมทำหน้าที่แสดงธรรมแทน จึงเกิดขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏ.. การยกเลิกพิธีการต่างๆ ที่คาดคิดกันว่าไม่ได้ประโยชน์.. การปฏิเสธคำสั่งสอนที่เชื่อว่าไม่ตรงกับพระสัทธรรมดั้งเดิม.. จึงแพร่กระจายไปในกลุ่มชนอย่างรวดเร็ว ด้วยอิทธิพลของเทคโนโลยีชั้นสูง ที่ทำให้คนในยุคสมัยเข้าถึงฐานข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว

ดังนั้น การเกิดโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม.. จึงมีจุดมุ่งหมาย เพื่อเผยแพร่หลักธรรม.. ที่ตรงธรรม.. ด้วยการนำหลักธรรมคำสั่งสอนที่ปรากฏในพระไตรปิฎกมาอ้างอิงในการบรรยาย.. เพื่อทำความเข้าใจให้ถูกต้องในหลักธรรม ไม่ว่าจะเป็นหลักธรรมขั้นทาน ศีล และบริจาค ที่ทุกคนควรเข้าใจ มิใช่เฉพาะแต่ข้าราชการ นักบริหาร.. ผู้ปกครอง ที่มีหน้าที่ฐานะในสังคม..

การแสดงรูปแบบศาสนพิธี.. ที่ถูกต้อง เพื่อให้สอดรับกับการเผยแผ่ราชธรรม จึงเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่โครงการให้ความสำคัญ เพื่อนำไปสู่การเรียนรู้ให้ตรงธรรม ว่า.. อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ โดยการเน้นย้ำว่า ต้องทำให้ตรงธรรม

การจัดงานโครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม.. จึงเป็นไปอย่างเรียบร้อย สวยงาม.. ทันสมัยและยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรม .. ประเพณี ของสังคมไว้ เพื่อแสดงให้เห็นคุณค่าของธรรม.. ในความเป็นชาติไทย.. ที่มีพุทธศาสนาประจำชาติ

“เทวตาพลี .. ปุพพเปตพลี”.. จึงเกิดขึ้นในทุกแผ่นดิน ที่ผ่านระบบการปกครองมายาวนาน มีบูรพกษัตริย์ .. บรรพชน ที่สืบเนื่องการสร้างบ้านแปงเมือง.. บริหารปกครอง.. จัดการบ้านเมืองให้สืบเนื่องความเป็นแผ่นดินไทย สู่ความเป็นราชอาณาจักรไทยในปัจจุบัน เพื่อมีนัยสำคัญตามธรรม.. คือ การปลูกฝัง ความกตัญญูกตเวทิตา ไว้ในจิตใจของชาวไทยทุกคน เพื่อจะได้ช่วยส่งเสริมสืบทอดแผ่นดินไทยไปสู่อนุชนรุ่นต่อไป... อย่างมีความเป็นไทยเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติ.. ที่เข้มแข็ง มั่นคง และสวยงาม..

การเผยแพร่อำนาจแห่งธรรม.. จึงควรอย่างยิ่งในสมัยปัจจุบันที่มหาชนในสังคมกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์คุณธรรม.. การละเลยไม่ใส่ใจ ศีลธรรม!!.

เจริญพร

[email protected]