เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. บนเส้นทางที่ดำเนินไปของทุกชีวิต หากรู้จักหยุดคิด เพ่งพินิจ พิจารณา อย่างตั้งใจ ใคร่ครวญ ก็จะได้เห็นสัจธรรม ที่แสดงความเป็นปกติในความแตกต่างของ คุณลักษณะ แต่มีความเหมือนกันใน ธรรมลักษณะ
เมื่อสัตว์ทั้งหลายเข้าไปยึดติดที่คุณลักษณะ จึงเข้าไม่ถึง ธรรมลักษณะ ที่เป็นปกติธรรมดา ที่แสดงความเป็นสัจธรรมใน สามัญธรรม ที่มี สามัญลักษณะ เป็นของแน่นอน อันเป็นไปตาม กฎธรรมชาติ ที่ควบคุมอยู่ในทุกขณะ เรียกว่า ธรรมนิยาม
สามัญลักษณะ คือ สังขารทั้งปวง เป็นปกติสามัญเสมอกันในลักษณะ ๓ ประการ ที่เรียกว่า ไตรลักษณ์ ได้แก่ อนิจจตา ทุกขตา อนัตตา ซึ่งลักษณะทั้ง ๓ อย่างนี้ แสดงความเป็นสามัญเสมอกันในสังขารทั้งหลายที่เรียก สังขตธรรม
สำหรับ อสังขตธรรม หรือ วิสังขาร จะสรุปรวมลงที่ อนัตตา คือ ความเป็นของมิใช่ตัวตนเพียงอย่างเดียว
ด้วยความเข้าใจใน สัจธรรม ที่แสดงความเป็น สามัญลักษณะ ใน ธรรมนิยาม .. สัตว์ทั้งหลายจึงข้องติดอยู่กับ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส.. ใน รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ หรือรูปนาม.. ขันธ์ ๕..
ความข้องติด ผูกพัน ยึดถือ.. ในสิ่งที่ชอบใจ กำหนัดยินดี.. เพลิดเพลิน จึงนำไปสู่ความทะยานอยาก (ตัณหา) เพื่อเข้าไปยึดถือ.. ก่อเกิดอุปธิ.. คือ สภาพที่ทรงความทุกข์ ใน ขันธ์ กิเลส กาม และอภิสังขาร
พระผู้มีพระภาคผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมดังกล่าว และได้ทรงแสดงให้เห็นความเกิดขึ้นของทุกข์และความดับไปของทุกข์ ในปัจจยาการที่เป็นไป.. และในความสิ้นไปแห่งปัจจยการนั้น.. ดังที่เรียกปัจจยาการดังกล่าวว่า ปฏิจจสมุปบาทธรรม.. และเรียกธรรมที่เป็นไปในปัจจยาการว่า ปฏิจจสมุปปันนธรรม ดังเช่น ชรา-มรณะ ที่เป็นสภาวะไม่เที่ยง ถูกปัจจัยปรุงแต่งอาศัยกันและกันเกิดขึ้น มีความสิ้น เสื่อม คลายไป.. ดับไป เป็นธรรมดา
แม้ใน ชาติ.. ภพ อุปาทาน ตัณหา.... อวิชชา ก็เป็นไปอย่างเดียวกัน จึงเรียกว่า ปฏิจจสมุปปันนธรรม ที่แสดงให้เห็นความเป็นปัจจัยสืบส่งต่อไปตามกระแสปัจจยาการ หรือที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาทธรรม
พระพุทธองค์ตรัสไว้ชัดเจนว่า...
“เมื่อใด อริยสาวกเห็นปฏิจจสมุปบาทและปฏิจจสมุปปันนธรรมเหล่านี้ด้วยดี ด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริง เมื่อนั้น อริยสาวกนั้นจักเข้าถึงที่สุด เบื้องต้น..” ... อันควรพิจารณาอย่างยิ่ง!!
สืบเนื่องมาจาก.. ใน ห้วงเวลาตั้งแต่ วันที่ ๔-๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๘ ได้เดินทางปฏิบัติศาสนกิจอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (อินเดีย, เนปาล) จึงได้พบเห็นนานาสาระที่เป็นสารธรรม.. และอสารธรรม ในแวดวงสัตว์ทั้งหลายที่พยายามดิ้นรนขวนขวายกันไปตามกระแสกิเลส (ตัณหา) มุ่งหมายอยู่ในความข้องเกี่ยว เสพคบกับกามคุณ.. ติดยึดอยู่สังขารธรรม.. ความปรุงแต่งอย่างไม่รู้..ไม่เข้าใจในสัจธรรม.. ที่แสดง ธรรมนิยาม
จึงให้ระลึกถึงพระสัทธรรมดั้งเดิมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ดีแล้ว ด้วยพระมหากรุณาธิคุณอันไม่มีประมาณ.. ดังที่ทรงแสดงไว้ตอนหนึ่งว่า “..ตถาคตบรรลุ ธรรมธาตุ นั้น ด้วยบรรลุแล้ว จึงบอก แสดง บัญญัติ กำหนด เปิดเผย จำแนก ทำให้ง่าย และกล่าวว่า เธอทั้งหลาย จงมาดูเถิด....”
“เธอทั้งหลาย จงมาดูเถิด.. ปสฺสถาติ จาห” เป็นคำเชิญชวนที่เปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณาอันไม่มีประมาณ เพื่อให้สัตว์ทั้งหลายที่ยังพอมีสติปัญญา.. วาสนาบารมี ได้เข้ามาเห็น สัจธรรม.. ใน ธรรมธาตุ ที่แสดงความเป็นสามัญธรรมว่า.. สรรพสิ่งทั้งหลาย ต้องเป็นอย่างนี้ (ตถตา).. ไม่เปลี่ยนไปจากความเป็นอย่างนี้ (อวิตถตา).. ไม่แปรเป็นอย่างอื่น (อนัญญถตา)..
จากที่กล่าวมาในคุณลักษณะของพระธรรมคำสั่งสอนแท้จริงในพระพุทธศาสนา.. จึงนำไปสู่การสรุปได้ด้วยตนเองว่า.. แม้พระสัทธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ จะลึกซึ้ง.. ยากจะคิดนึกให้รู้ได้ ต้องอาศัยปัญญา อันเกิดจากการพิจารณาโดยแยบคายเท่านั้น แต่พระสัทธรรม.. ที่แสดงความมีอยู่จริงของ ธรรมธาตุ นั้น.. มิใช่เป็นสิ่งซับซ้อนจนยากจะเข้าใจ.. เข้าถึง รู้จริง หากประพฤติถูกต้องตรงตามหลักธรรมปฏิบัติ ที่แสดงไว้ในลักษณะธรรมของความเป็น มัชฌิมาปฏิปทาหรืออริยมรรค อันมีองค์ธรรม ๘ ประการ .. ที่สำเร็จด้วย การเจริญสติปัฏฐานธรรม (๔ ประการ)
ปัญหาการเรียนรู้ปฏิบัติธรรม.. เพื่อความเข้าถึงเข้าใจ รู้แจ้งแทงตลอดใน พระสัทธรรม ที่ประมวลรวมลงใน พระอริยสัจ ๔ จึงไม่ได้อยู่ที่ตัวพระธรรมคำสั่งสอนหรือพระพุทธศาสนา
แต่อยู่ที่หมู่สัตว์ทั้งหลาย ไม่สามารถเข้าใจเข้าถึงพระสัทธรรม.. อย่างปกติธรรมดาได้ไม่.. ด้วยเพราะอำนาจแห่ง ความวิปลาสธรรม ในกมลสันดานแห่งสัตว์ทั้งหลาย ที่หยาบช้า ถ่อยเถื่อน ต่ำตมจมอยู่ในกระแสตัณหา.. จนเกินขนาด..
จึงได้เห็นการปฏิบัติธรรม.. การศึกษาธรรม อย่างวิปริต.. วิปลาส.. มุ่งเรียนรู้อย่างผิดพลาดไปจากจุดมุ่งหมาย เพื่อการรู้แจ่มแจ้งในธรรมธาตุ เพื่อการบรรลุถึง โลกุตตรธรรม..
แม้จะมีการหมั่นเพียรเรียนรู้.. แต่กลับมุ่งไปสู่การยึดถือ ติดมั่น เพื่อความเป็นผู้รู้แต่เปลือก มีแต่การท่อง บ่น จด จำ.. แต่ขาดการอบรมจิตภาวนาให้แจ่มแจ้งใจ.. จึงเข้าไม่ถึงพระสัจธรรมของธรรมธาตุ.. เข้าไม่ถึงแก่นธรรม.. เข้าไม่ถึงสารธรรม.. เพราะติดรู้อยู่ที่เปลือกธรรม..
จึงได้เห็นการเรียนรู้ธรรม.. ที่มิใช่เพื่อละขาดจากโลกธรรม.. แต่กลับเพื่อต้องการให้ได้มาซึ่งโลกธรรมตามค่านิยมของชาวโลก...
การปฏิบัติตามระเบียบแบบแผน.. ตามพระวินัย.. ตามศีลธรรม.. จึงอ่อนแอ หละหลวม ผิดเพี้ยน แม้ปากจะสวดสาธยาย ปฏิจจสมุปบาทธรรม แต่จิตใจกลับยึดอยู่ใน ปฏิจจสมุปปันนธรรม..
การเรียนรู้ที่ผิดเพี้ยน จึงนำไปสู่การสั่งสอน ส่งเสริม สนับสนุน ให้สัตว์ข้องติดอยู่กับ โลกียบุญ .. โลกียคุณความดี เป็นสำคัญ
การให้ความสำคัญกับ วัตถุทาน.. จึงมากกว่า สัตถุทาน... นั่นหมายถึง หมู่สัตว์ยกย่อง วัตถุศาสตร์ เหนือ สัตถุศาสตร์.. ยกย่อง โลกียธรรม เหนือ โลกุตตรธรรม...
พระนิพพาน.. จึงกลายเป็นความสุขที่พึงใจยิ่ง.. ไม่ใช่ ความดับทุกข์สิ้น
การถกเถียง ความวุ่นวาย อยู่กับการทะเลาะวิวาท แม้ในหมู่สัตว์ที่นับถือศาสนาเดียวกัน จึงเกิดขึ้นมากในสังคมปัจจุบัน.. เพราะความไม่เสมอกันด้วยศีล.. ความไม่เสมอกันด้วยทิฏฐิ...
แม้ในแวดวงบรรพชิต.. สมณพราหมณ์ ก็วุ่นวายไม่แพ้สังคมทางโลกียะ.. จนต้องอาศัยการปกครอง การสร้างกฎเกณฑ์.. การสร้างระเบียบข้อบังคับแบบทางโลก.. เพื่อควบคุมหมู่คณะให้อยู่ในแนวระเบียบแบบแผน.. โดยขาดความใส่ใจในความสำคัญของพระวินัย...
..พระวินัย.. ศีลของพระ สิกขาบทของสมณะ.. กลายเป็นของแสลงกับหมู่นักบวชในปัจจุบันส่วนใหญ่ ที่ไร้ยางอาย เก้อได้ยาก.. เป็นพวก ทุมมังกุ.. ส่วนใหญ่...
ความเสื่อมถอยในศรัทธาจึงเกิดขึ้น.. ความไม่ศรัทธาในผู้ที่ยังไม่ศรัทธาจึงเกิดขึ้น.. เพราะการปฏิบัติที่ไม่ตรงกับพระวินัย.. และการสร้างความเห็น.. การสร้างแบบแผนการปฏิบัติตามความคิดเห็นของตนและหมู่คณะ.. โดยกล้าอวดอ้างว่า.. พระพุทธองค์กล่าวไว้เป็นอย่างนั้น.. เป็นอย่างนี้..!!
ความโกลาหลในหมู่ชนผู้อ้างว่านับถือพุทธศาสนา จึงเกิดขึ้น.. และแพร่หลายไปทั่ว มีให้เห็นได้อย่างประจักษ์ โดยเฉพาะเมื่อเดินทางไปประพฤติปฏิบัติธรรมในเขตพุทธภูมิ.. ตามสังเวชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ในพระพุทธศาสนา
ความไร้ความสงบ.. ความวุ่นวาย.. การแย่งชิง.. การทะเลาะวิวาท.. การไร้ความเป็นระเบียบแบบแผน มีให้เห็นเป็นปกติ.. อย่างเป็นธรรมดา.. จนลืมไปว่า.. กำลังถวายความเคารพ.. ถวายการบูชา.. “พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า...” ...นี่เป็นความจริงที่ปรากฏให้เห็นอย่างเป็นสามัญ.. ในปัจจุบัน.. ที่ควรแก่ความสังเวช.. นิพพิทา.. อย่างแท้จริง!!.
เจริญพร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ร้ายกว่าวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ..ภัยมนุษย์ .. ขาดศีลธรรม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา...
เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ
สมดังเป็น .. “วีรกษัตรี มหาราชินี...” ของชาวไทย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
“โมหมูลจิต” .. ..มูลเหตุของการถูกหลอกลวง โดย Scammer!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในกระแสสังคมยุคไอที ที่มีความเจริญอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีชั้นสูง จนเข้าสู่ ยุควัตถุ AI ในปัจจุบัน ที่แสดงความเสมือนจริงให้สัมผัสได้ใกล้เคียงอย่างน่าศึกษายิ่ง
โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
เจริญพรสาธุชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า.. นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นมา พสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมเพรียง.. ร่วมไว้อาลัยแด่การเสด็จสู่สวรรคาลัย ใน “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
AI กับการสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่ให้ใคร ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี AI ( Artificial intelligence ) มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในโลกของ”การศึกษา-การทำงาน”


