เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในห้วงเวลาเข้าพรรษาฤดูฝนปีนี้ มีเรื่องราวมากมายทั้งในสังคมบ้านเมืองและแวดวงศาสนาให้พิจารณา เพื่อทำปัญญาให้เกิดขึ้น จะได้ดับกระแสความชอบใจ .. ความไม่ชอบใจ อันเกิดจาก ความรัก ความชัง ความหลง ให้สิ้นไปจากจิตใจได้..
น่าเห็นใจอย่างยิ่ง.. ในเพื่อนมนุษย์ที่ล้วนมีความทุกข์อยู่ในกระแสชีวิตอย่างเท่าเทียมกัน ด้วยปรากฏการณ์ของธรรมชาติ ที่แสดงความจริงเป็นธรรมดาว่า.. ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน.. ทุกสรรพสิ่งเกิดมา.. ต้องดับไปเป็นธรรมดา.. ยึดถือยึดมั่นอะไรไม่ได้เลย นอกจาก “สัจธรรม”...
ดังมีคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า... “เดี๋ยวมันก็ผ่านไป...” ที่สามารถช่วยบรรเทาจิตใจพวกเราทั้งหลาย ให้คลายความอึดอัดและแอบมีความหวังอยู่บ้างว่า.. ในชีวิตของคนเรา คงไม่พบกับอะไรที่เลวไปทั้งหมด.. มันต้องมีอะไรดีๆ.. เข้ามาบ้างล่ะวะ.. ถ้ายังมั่นคงในคุณธรรมความดี!!
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้.. ให้นึกถึงเรื่องการย้าย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีก่อนฤดูกาล โดยระบุว่า บกพร่องหย่อนยานในหน้าที่ความรับผิดชอบ กรณีเบิกงบพิเศษเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่อพยพลี้ภัยมาจากชายแดน
จริงๆ แล้ว ในเรื่องการทำงานของ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี หากพิจารณาด้วยใจที่มีราชธรรมอบรมขัดเกลา ก็จะมองเห็นถึงมิติแห่ง ความซื่อสัตย์สุจริต.. ความซื่อตรงต่อการใช้งบพิเศษดังกล่าว ที่มีความยุ่งยากในการทำการเบิก-จ่าย หากยึดตามตัวหนังสือ.. จึงได้พยายามใช้งบจากส่วนขององค์กรอิสระ.. จากศูนย์รับบริจาค.. และงบในส่วนของการบริหารท้องถิ่นเป็นหลัก อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ได้เห็นการเบิกจ่ายงบประมาณส่วนกลางน้อยเป็นพิเศษ ซึ่งนั่นมิได้หมายความว่า การบริหารดูแลปัญหาของประชาชนถูกปล่อยปละละเลย มิหนำซ้ำ กลับจะต้องทำงานประสานอย่างเต็มกำลังกับทุกหน่วยงาน ในทางกว้าง .. ทางลึก เพื่อการจัดประโยชน์ให้กับประชาชนได้ทั่วถึง แม้จะไม่สมบูรณ์ไปทั้งหมด แต่ถ้ามองในเชิงบริหาร ก็จะเห็นความไม่ฉับไวในการบริหารจัดการตามนโยบายเร่งด่วนที่เกี่ยวกับการเบิกจ่ายงบประมาณ ที่สามารถเบิกงบพิเศษได้อย่างเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาลในวาระพิเศษ.. เพื่อให้รวดเร็วต่อการดูแลประชาชนที่กำลังเผชิญกับปัญหาความเดือดร้อน อันไม่ใช่ราชการปกติโดยทั่วไป.. จึงทำให้ฝ่ายการเมืองที่ทำหน้าที่เป็นรัฐบาลมีความเห็นว่า การทำงานของผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีอาจน่าจะมีนัยบางอย่าง .. ในกระแสการเมืองที่กำลังผันผวนให้ค่าเชิงลบ
ผลของปัญหาดังกล่าว จึงสรุปลงที่ การมีคำสั่งโยกย้ายก่อนฤดูกาลตามที่เป็นข่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้โดยอำนาจของฝ่ายบริหารบ้านเมือง ที่เน้นย้ำความชอบธรรมจากภาระเร่งด่วนในการดูแลปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่กำลังประสบภัย...
แต่อย่างไรก็ตาม.. ในฐานะที่เคยไปให้การอบรมธรรมะ “ทศพิธราชธรรม” เพื่อการปกครองแผ่นดิน แก่ข้าราชการ ประชาชน จ.อุบลราชธานี ที่ได้มีโอกาสพบเห็นการทำงานของ ท่านผู้ว่าฯ อุบลราชธานี ที่ชื่อ “ว่าที่พันตรีอดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ” ท่านนี้.. และจากการที่ได้สัมผัสรับรู้โดยตรงจากข้าราชการ-ประชาชนในพื้นที่.. สามารถกล่าวสรุปไปในทิศทางเดียวกันได้ว่า ท่านผู้ว่าฯ อดิศักดิ์ เป็นข้าราชการน้ำดีท่านหนึ่งของกระทรวงมหาดไทย ที่ทุ่มเทอุทิศชีวิตบริหารราชการแผ่นดิน เพื่อประโยชน์และความสุขของพี่น้องประชาชน.. โดยเฉพาะการมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับทุกฝ่าย... ทั้งข้าราชการและประชาชน
อีกเรื่องหนึ่งที่สามารถบ่งบอกได้ว่า.. ท่านผู้ว่าฯ อดิศักดิ์ เป็นพ่อเมืองที่ติดดิน มีความอ่อนน้อมถ่อมตน เข้าถึงคนได้ทุกระดับจริง.. ได้แก่ ภาพที่เห็นเชิงประจักษ์ในครั้งไปดำเนินโครงการร้อยใจไทยฯ ที่อุบลราชธานี เมื่อท่านเดินลงจากรถประจำตำแหน่งบนถนนด้านหน้าทุ่งศรีเมืองในยามเช้าของวันนั้น ขณะที่มีรถติด... เพื่อเดินเท้าเข้าไปในสถานที่จัดงาน.. โดยท่านผู้ว่าฯ ได้หยุดแวะทักทายประชาชนด้านหน้าด้วยการยกมือไหว้ทุกๆ คน พร้อมเชิญชวนเข้าร่วมงานด้วยความนอบน้อม โดยหนึ่งในคนที่ท่านผู้ว่าฯ ได้ยกมือไหว้ทักทายและขอบคุณ คือ ตำรวจจราจรชั้นประทวนนายหนึ่ง ที่ทำหน้าที่อำนวยการจราจรด้านหน้าทุ่งศรีเมือง.. ซึ่งนับเป็นภาพที่แปลกตาเป็นอย่างยิ่ง
..และเมื่อได้เข้าไปในสถานที่จัดงาน ได้พบเห็นข้าราชการและประชาชนชาวอุบลฯ จำนวนมากมาย ที่เดินทางมาร่วมงานจากอำเภอต่างๆ ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส.. ที่มี ท่านผู้ว่าฯ อดิศักดิ์ เชิญชวนมาร่วมงาน.. และได้เห็นภาพท่านเดินยกมือไหว้สวัสดีทุกๆ คนที่มาร่วมงาน “โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมถวายเป็นพระราชกุศลฯ” ... และเมื่อได้มีโอกาสพบปะสนทนาสั้นๆโดยตรงก่อนเข้าพิธี.. ยิ่งได้เห็นความสุภาพ ความนอบน้อม แต่เข้มแข็ง แสดงออกถึงความจริงจังในการทำหน้าที่อย่างจริงใจในฐานะพ่อเมือง... จึงได้มีโอกาสกล่าวชื่นชมในท่ามกลางสาธารณชน เนื่องจากการปฏิบัติตนของท่านผู้ว่าฯ ที่ประพฤติตนสมกับเป็น นักปกครองของกระทรวงมหาดไทย
จึงเห็นใจและเข้าใจ.. ในการทำงานตามหน้าที่ของ ท่านผู้ว่าฯ อดิศักดิ์ ที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อยใน ราชการปกติ.. และในขณะเดียวกันก็เห็นใจและเข้าใจ.. ในการบริหารงานของฝ่ายการเมืองที่ทำหน้าที่บริหารปกครองประเทศชาติ.. ในสถานการณ์บ้านเมืองกำลังอยู่ในห้วงวิกฤต.. ประชาชนส่วนหนึ่งได้รับความเดือดร้อน...
เรื่องดังกล่าว จึงไม่ใช่เรื่องใครผิด .. ใครถูก แต่เป็นเรื่องความเหมาะสมในประโยชน์ที่พึงจะต้องเกิดขึ้นกับประชาชนที่กำลังมีปัญหา.. และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า.. กรณีท่านผู้ว่าฯ อดิศักดิ์ คงจะได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้ง จากผู้บังคับบัญชาทุกลำดับชั้นจนถึงท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย.. เพื่อให้กำลังใจกับข้าราชการที่ดีท่านหนึ่งที่ได้ตั้งใจทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนมาโดยตลอด
แต่อย่างไรก็ตาม.. สิ่งที่สำคัญที่สุดในยามนี้ คือ การสร้างขวัญกำลังใจให้ข้าราชการ-ประชาชนทุกหมู่เหล่า.. การส่งเสริมความสามัคคีภายในประเทศชาติ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศของเราให้ผ่านพ้น วิกฤตการณ์จากภัยอันตรายที่มาจากการสู้รบกับประเทศข้างบ้าน!
นอกจากกรณีโยกย้าย ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี แล้ว.. ก็ยังมีอีกหนึ่งเรื่องการโยกย้ายที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากในสังคม.. ตามที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบการย้ายจาก กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยระบุชัดเจนในเรื่องความไม่ชอบมาพากลในการโยกย้าย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อันน่าจะเนื่องมาจากการดำเนินคดีกับนายทุนที่เกี่ยวข้องกับนักการเมือง.. และปัญหาผลประโยชน์ที่ไม่ชอบธรรมบางอย่างตามที่เป็นข่าวแพร่ไปทั่วในสื่อออนไลน์
..โดย กรมอุทยานแห่งชาติฯ ยืนยันว่า การดำเนินการโยกย้ายในครั้งนี้เป็นไปตามระเบียบขั้นตอนราชการ มีความโปร่งใสและมุ่งเน้นประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารงาน อันเป็นไปตามความชอบธรรม ตามการใช้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ซึ่งสามารถทำได้..
แต่อย่างไรก็ตาม.. ในเมื่อมีการทักท้วงจากผู้ถูกโยกย้ายว่า ตนมิได้รับความเป็นธรรม.. และกระแสสังคมเริ่มวิพากษ์วิจารณ์กันมากในความโปร่งใสของการโยกย้าย.. จึงเป็นเรื่องที่ผู้บังคับบัญชาของกรมอุทยานแห่งชาติฯ ควรรับฟัง และดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อรับฟังเหตุผลจากฝ่ายข้าราชการที่ถูกโยกย้าย จะได้มีบทสรุปที่เหมาะควร อันเป็นไปเพื่อขวัญกำลังใจของข้าราชการในปกครอง และเพื่อความเข้าใจอันดีของประชาชนที่รับรู้ความเคลื่อนไหวเร็วมากในยุคสื่อดิจิทัล...
โดยเฉพาะควรทำความเข้าใจให้ตรงกันในการอ้างถึงการปฏิบัติที่ถูกต้องตามกฎหมาย.. และการอ้างถึงผลประโยชน์สูงสุดของการบริหารงาน ที่จะต้องประกอบด้วย.. คุณธรรมความดี ของผู้มีอำนาจหน้าที่ทุกลำดับ ที่ควรสำนึกเสมอว่า... พึงใช้อำนาจ ให้เป็นธรรม....
อย่าใช้ธรรม.. เป็นอำนาจ....
เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ไม่คลาดเคลื่อนไปจากธรรม.. โดยต้องไม่ลืมว่า.. ธรรม เกิดก่อน อธรรม.. ดังนั้น ธรรม.. ย่อมมีอำนาจเหนือ อธรรม เสมอ
ถ้าเข้าใจเช่นนี้ กรุณาคืนกลับความเป็นธรรม.. ความชอบธรรม.. ให้กับตนเอง เพื่อการใช้ตนเองตามอำนาจหน้าที่ มิให้เป็นโทษต่อผู้อื่น...
สำคัญอย่างยิ่ง จักต้องเข้าใจให้ตรงกันในสัจธรรมที่ว่า.. กฎแห่งกรรม ทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลาและเหตุผลใดๆ.. ของใคร!!.
เจริญพร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ร้ายกว่าวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ..ภัยมนุษย์ .. ขาดศีลธรรม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา...
เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ
สมดังเป็น .. “วีรกษัตรี มหาราชินี...” ของชาวไทย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
“โมหมูลจิต” .. ..มูลเหตุของการถูกหลอกลวง โดย Scammer!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในกระแสสังคมยุคไอที ที่มีความเจริญอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีชั้นสูง จนเข้าสู่ ยุควัตถุ AI ในปัจจุบัน ที่แสดงความเสมือนจริงให้สัมผัสได้ใกล้เคียงอย่างน่าศึกษายิ่ง
โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
เจริญพรสาธุชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า.. นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นมา พสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมเพรียง.. ร่วมไว้อาลัยแด่การเสด็จสู่สวรรคาลัย ใน “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
AI กับการสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่ให้ใคร ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี AI ( Artificial intelligence ) มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในโลกของ”การศึกษา-การทำงาน”


