ประเด็นร้อนที่สังคมติดตามอย่างใกล้ชิด ต้องตกตะลึงแก่ฝ่ายผู้ร้อง และภาคประชาชน เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.
ได้มีมติชี้ขาดข้อกล่าวหา กรณีการโยกงบประมาณ 35,000 ล้านบาท จากงบชำระหนี้รัฐวิสาหกิจ ไปใช้ในโครงการ “แจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต”
โดย ป.ป.ช. เห็นว่าการกระทำดังกล่าว ไม่เข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ซึ่ง หมายความว่า นักการเมืองหลายร้อยชีวิต ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการอนุมัติงบประมาณ ได้ รอดพ้นจากโทษประหี่ทางการเมืองที่รุนแรงที่สุด คือการ พ้นจากตำแหน่ง และถูก ตัดสิทธิทางการเมือง ทันที
ในคดีนี้ย้อนไป เมื่อวันที่ 5 เมษายน 2568 นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์, นายสมชาย แสวงการ, อาจารย์เจษฎ์ โทณะวณิก, นายนิติธร ล้ำเหลือ และภาคประชาชน ได้ยื่นคำร้องขอให้ ป.ป.ช. สอบสวนและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าวเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ คำร้องยังอ้างว่าการกระทำเช่นนี้อาจเข้าข่าย ผลประโยชน์ทับซ้อน (Conflict of Interest) และอาจทำลายวินัยการเงินการคลังของประเทศ.
โดยกล่าวหา รัฐบาล สส. สว. และคณะกรรมมาธิการที่เกี่ยวข้อง ฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 โดยการ ตัดงบชำระหนี้เงินกู้ธนาคารรัฐ จำนวน 35,000 ล้านบาท แล้วนำงบก้อนดังกล่าวไปใส่ใน งบกลางโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัลวอลเล็ต
ทำไม ม.144 ถึงถูก "ยก"? และใครที่ต้องไปต่อ?
จากผลการพิจารณา ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่ไม่ชี้มูลความผิดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 แต่ให้ตั้งคณะไต่สวนต่อกรณีอาจมีความผิดฐานนำ “เงินกู้ไปใช้ผิดประเภท” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จึงรับเรื่องสอบสวนต่อ
นอกจากนี้ ป.ป.ช. ยังแจ้งว่า จากการสอบสวนไม่พบว่า น.ส.แพทองธาร ซึ่งอยู่ในข่ายคำร้อง ร่วมดำเนินการกับนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ดังนั้นจึงยุติการสอบสวน
ผู้อยู่ในข่ายถูกสอบสวนจึงเหลือเพียงนายเศรษฐา ทวีสิน กับ ครม.ทั้งคณะ รวมถึงชื่อ “อนุทิน ชาญวีรกูล” สมัยรองนายกฯ และเจ้าหน้าที่ราชการผู้เกี่ยวข้อง
ประเด็นต่อมาก็คือ มาตรา 144 ยัง “มีประสิทธิภาพ” พอหรือไม่ ในการป้องกันการใช้เงินหลวงในทางการเมือง หลายคนตั้งคำถามว่าการนำไปสอบสวนใน ม.157 แทน ทำให้ผู้เกี่ยวข้องรอดพ้นการลงโทษประหารทางการเมือง และอาจเป็นการ ชะลอหรือยื้อเวลาให้คดีนี้คลี่คลายไป
ภาคประชาชนไม่ยอม! ชี้ ป.ป.ช. "ลดความรุนแรง" ของโทษ
ความคาดหวัง/ผลกระทบต่อการเมืองไทย และคำถามค้างคา จากภาคประชาชน กรณีนี้กำลังเป็นบททดสอบประสิทธิภาพขององค์กรอิสระ และบทบัญญัติรัฐธรรมนูญในการควบคุมงบประมาณ
หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าว “สิ้นผล” ตาม ม.144 ทันที ก็จะส่งผลให้นายกรัฐมนตรีและ ครม.ต้องพ้นตำแหน่งทันที รวมถึงถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง แต่หาก ป.ป.ช. ไม่พบผิด ม.144 ก็หมายความว่า “บทลงโทษตามรัฐธรรมนูญ” จะไม่ถูกใช้ และกรณีนี้จะกลายเป็นคดีอาญาตาม ม.157 แทน มีโทษหนักเบาต่างไป
นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ แกนนำผู้ร้อง และคณะรวมพลังแผ่นดินฯ ออกมาแสดงความไม่พอใจทันที โดยชี้ว่า มติของ ป.ป.ช. คือการ "ลดระดับความผิด" จากโทษทางการเมืองที่ส่งผลต่ออำนาจรัฐ ม.144 ให้เป็นเพียงโทษทางอาญา ม.157
“การกระทำที่ชัดเจนว่าเป็นการ ตัดงบชำระหนี้ตามกฎหมาย เพื่อนำไปใช้ในโครงการประชานิยม ย่อมขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ การที่ ป.ป.ช. ไม่ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา จึงเท่ากับเป็นการ ปกป้อง ไม่ให้นักการเมืองต้องรับผิดชอบในบทลงโทษที่แท้จริง!”
ประเด็นที่น่าจับตา: แม้คณะรัฐมนตรีจะถูกตั้งไต่สวน ม.157 ซึ่งมีโทษจำคุก/ปรับ แต่การตัดสินใจครั้งนี้ได้ ปิดประตู ไม่ให้นักการเมืองจำนวนมากต้องพ้นจากตำแหน่งในสภาฯ ส่งผลให้ เสถียรภาพทางการเมืองยังคงอยู่ ในขณะที่ความเชื่อมั่นต่อกลไกตรวจสอบของรัฐถูกตั้งคำถามอย่างหนัก
วิกฤตศรัทธา: โจทย์ใหญ่ที่รอคำตอบจาก "อำนาจอธิปไตย" ที่แท้จริง
นี่คือห้วงเวลาแห่งการเผชิญหน้าอันดุเดือดระหว่าง อำนาจรัฐ (ฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ) องค์กรตรวจสอบ (องค์กรอิสระ) และ อำนาจสาธารณะ (ภาคประชาชน) ซึ่งไม่ใช่เพียงความขัดแย้งทางเทคนิคทางกฎหมาย แต่คือการปะทุของ "วิกฤตศรัทธาเชิงโครงสร้าง" ที่กัดกร่อนรากฐานของระบอบประชาธิปไตยไทย
การสั่นคลอนของ "เสาหลักแห่งความยุติธรรม"
ความเชื่อมั่นต่อ องค์กรอิสระ ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็น "ผู้เฝ้าระวัง" และ "กลไกถ่วงดุล" ได้เข้าสู่ภาวะสุ่มเสี่ยงที่สุด การตัดสินใจของ ป.ป.ช. ในการ ไม่ชี้มูลความผิดทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 แต่เปลี่ยนไปใช้เพียง มาตรา 157 ทางอาญา ได้ถูกตีความโดยสาธารณะว่าเป็นการ "ลดทอน" และ "ผ่อนปรน" บทลงโทษ
โจทย์ใหญ่: การตัดสินใจที่ส่งผลให้ ฝ่ายนิติบัญญัติจำนวนมากรอดพ้นจากการถูกตัดสิทธิทางการเมือง ทำให้เกิดคำถามหนักหน่วงว่า องค์กรอิสระยังคงยืนหยัดอย่างเป็นกลางเพื่อปกป้อง เจตนารมณ์ ของรัฐธรรมนูญและวินัยการคลังของชาติ หรือกำลังตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของ เกมอำนาจ
โครงสร้างการเมืองที่ถูกตั้งคำถาม: อำนาจเหนือความชอบธรรม
วิกฤตนี้ตอกย้ำถึงปัญหาที่ซ่อนอยู่ใน โครงสร้างทางการเมือง โดยเฉพาะการใช้ "อำนาจรัฐ" ในการจัดการทรัพยากรของชาติ (งบประมาณ) เพื่อเป้าหมายทางการเมือง
การโยกงบประมาณ ที่มีข้อผูกพันตามกฎหมายไปสู่โครงการประชานิยม ถูกมองว่าเป็นพฤติการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อ ผลประโยชน์ทับซ้อน และ การทำลายวินัยการเงินการคลัง
พลังของภาคประชาชน ที่ต้องรวมตัวกันเรียกร้องและติดตามการทำงานขององค์กรอิสระทุกฝีก้าว สะท้อนว่า กลไกการตรวจสอบโดยปกติไม่อาจทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ประชาชนต้องทำหน้าที่เป็น "ผู้เฝ้าระวังหลัก" ของชาติ
ทางออกเดียว: การฟื้นฟู "อำนาจอธิปไตย" ที่แท้จริง
อนาคตของการเมืองไทยไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลการไต่สวนในคดีอาญาตาม ม.157 เพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการตอบคำถามเชิงหลักการของทุกภาคส่วน:
องค์กรอิสระต้องพิสูจน์ตนเอง ป.ป.ช. และองค์กรตรวจสอบต้องแสดงความกล้าหาญและความเป็นอิสระอย่างเด็ดขาด โดยยึดมั่นในหลักนิติรัฐและเจตนารมณ์ของกฎหมายเหนือกว่าผลประโยชน์ทางการเมือง
รัฐบาลต้องคืนศรัทธา รัฐบาลต้องแสดงความโปร่งใสในกระบวนการจัดทำงบประมาณ และต้องยอมรับการตรวจสอบอย่างเต็มใจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าอำนาจที่ใช้ไปนั้นเป็นไปเพื่อ ผลประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง
ประชาชนต้องเป็นเจ้าของ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการ ปฏิรูปโครงสร้างทางการเมืองและกระบวนการยุติธรรม เพื่อทำให้ระบอบประชาธิปไตยสามารถ "เบ่งบาน" ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ การเมืองนั้นโปร่งใส ปราศจากการทุจริต และอำนาจอธิปไตยกลับคืนสู่มือประชาชนอย่างแท้จริง
"หากการเมืองยังไม่โปร่งใส ความยุติธรรมก็ไม่มีวันเบ่งบาน นี่คือวาระแห่งชาติที่ทุกหัวใจไทยต้องร่วมกันรับผิดชอบ"
โดย ภู สันเย็น
31 ตุลาคม 2568
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชัยชนะ (ไม่เป็นโทษ) .. ในสงครามเพื่อสันติภาพ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา... มีคำกล่าวว่า.. สันติภาพ.. ไม่ใช่ภาวะที่ได้มาโดยง่าย.. แต่ต้องอาศัยการเตรียมพร้อมอย่าง มีสติและการกระทำอันถูกตรงธรรมอย่างกล้าหาญ..
ไทยก้าวใหม่ โชว์ฟิต ลุยเลือกตั้ง เปิดตัวผู้สมัครส.ส.-โชว์นโยบายรัวๆ
“พรรคไทยก้าวไหม่”หนึ่งในพรรคการเมืองใหม่ที่เข้าสู่สนามการเลือกตั้งปี 2569 ซึ่งมี”ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์”เป็น หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ และมี “คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช อดีตรมช.ศึกษาธิการเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคไทยก้าวใหม่”
ร้ายกว่าวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ..ภัยมนุษย์ .. ขาดศีลธรรม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา...
เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ
น้ำท่วมภาคใต้ เลิกโทษ 'ฟ้าฝน' เพราะนี่คือ 'ความล้มเหลวเชิงโครงสร้าง' ที่ต้องแบกรับซ้ำซาก!
ภู สันเย็น เผยแพร่บทความ เรื่อง น้ำท่วมภาคใต้: เลิกโทษ “ฟ้าฝน” เพราะนี่คือ “ความล้มเหลวเชิงโครงสร้าง” ที่ต้องแบกรับซ้ำซาก! มีเนื้อหาดังนี้
สมดังเป็น .. “วีรกษัตรี มหาราชินี...” ของชาวไทย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

