เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. ในกระแสสังคมยุคไอที ที่มีความเจริญอย่างรวดเร็วทางเทคโนโลยีชั้นสูง จนเข้าสู่ ยุควัตถุ AI ในปัจจุบัน ที่แสดงความเสมือนจริงให้สัมผัสได้ใกล้เคียงอย่างน่าศึกษายิ่ง ด้วยโครงสร้างการจินตนาการสร้างโลกเสมือนจริงได้อย่างน่าอัศจรรย์ โดยอิทธิพลของเทคโนโลยียุคไอที ที่นับวันได้สร้างโลกแห่งความซับซ้อนและหลากหลายมากขึ้น.. สามารถหลอกลวงจิตใจให้มัวเมาไปใน กระแสโลกเทคโนโลยีนิยม จนยากจะสร้างภาวะความตระหนักรู้ หรือรู้เท่าทันสภาพธรรมนั้นๆ ตามความเป็นจริงได้จริง.. ก่อเกิดสภาวะหลงผิดของจิต.. “มีความเชื่อที่ผิดไปจากความจริง อย่างไม่ปรากฏความผิดปกติที่ชัดเจนในพฤติกรรม..” ที่ทางจิตแพทย์เรียก Delusional Disorder
การสร้างความเชื่อที่ไร้เหตุผล จึงแพร่ระบาดในสังคมดิจิทัล ที่สัตว์สังคมมีพฤติกรรมโน้มเอียงไปในการเสพคบกับเรื่องราวที่ตรงจริต อย่างหมกมุ่น มีอาการหลงเชื่อเร็ว ก่อเกิดภาวะ จิตเภท (Schizophrenia) อันเนื่องมาจากการเสพอารมณ์หลากหลายจากการรับรู้ที่ผิดเพี้ยน โน้มเอียงไปทางวิปริต.. วิปลาสจากธรรมชาติอย่างรุนแรง ด้วยอิทธิพลของเทคโนโลยีชั้นสูง ที่การพัฒนาคลื่นความถี่สูง ที่เกินการรับรู้โดย ธรรมชาติของจิตวิญญาณ.. จนคนในสังคมยุคไอทีส่วนใหญ่เกิดภาวะการสูญเสียการควบคุมการทำงานของสมอง อันเป็นไปตามภาวะปกติ..
เมื่อพิจารณาโดยแยบคายในภาวะ จิตหลงผิด (Delusional Disorder Mind) ซึ่งจัดเป็น โมหจิตขั้นวิบัติซับซ้อน จะพบสาเหตุของ ภาวะโมหจิต ดังกล่าว เกิดขึ้นด้วยมีการสร้างภาวะการยึดถือ-ยึดมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรืออารมณ์ใดอารมณ์หนึ่งมากเกินความเป็นปกติ.. โดยจะแสดงความยึดถืออย่างลุ่มหลงที่จะไม่รับการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในความยึดถือเชื่อมั่นเช่นนั้น.. ที่เรามักจะพูดกันว่า.. เป็นโรคขาดเหตุผล.. เป็นโรคไม่ยอมรับความจริง.. หรือเป็นโรคสามัญสำนึกเสื่อม
อย่างไรก็ตาม.. ไม่ว่าจะจำแนก โมหจิต ไปในสภาพใด แต่ธรรมชาติของโมหจิตแท้จริงมาจากพื้นฐานของ วิจิกิจฉา (ลังเลสงสัยในธรรม) และ อุทธัจจะ (ความฟุ้งซ่าน) ซึ่งเกิดขึ้นกับ อุเบกขาจิต (จิตมีอาการเฉยๆ) .. ที่จะนำไปสู่ ความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ), ความหลงผิด (โมหะ), ความเห็นว่ามีตัวตน (สักกายทิฏฐิ), ความยึดถืออย่างงมงาย (สีลัพพตปรามาส), ความถือตัว (มานะ) และ ความรู้ที่ผิดไปจากความจริง (อวิชชา)
กล่าวโดยสรุปในนักศึกษาธรรมได้ว่า โมหจิต หรือโมหมูลจิต นั้น เป็นอกุศลธรรมที่รู้ได้ยาก... ซึ่งแตกต่างจากโลภะและโทสะ ที่รู้ได้ง่ายกว่า.. เพราะ โลภะ, โทสะ จะแสดงอาการชัดเจนในความต้องการยินดี.. ชอบใจ หรือหยาบกระด้าง ประทุษร้าย ไม่พอใจ ไม่สบายใจ..
การฝึกฝนจิตให้มีความตื่นตัว เกิดภาวะตระหนักรู้ในทุกขณะ ตามหลัก สติปัฏฐานสี่ จึงเป็นธรรมวิธีสำคัญที่สุดต่อการแก้ไข โรคหลงผิด (Delusion Disorder) หรือ การแก้อาการโมหจิต.. เพื่อการระลึกรู้สภาพธรรมนั้นๆ ที่ปรากฏอย่างเป็นธรรมดาในขณะนั้น ไม่ว่าจากการได้เห็น การได้ยิน การได้กลิ่น.. การได้รับรส การได้สัมผัส.. หรือการรู้ในอารมณ์ทางใจ.. จะไม่นั่งมองอย่างเหม่อลอย.. จนไม่รู้ว่ามองอะไรเห็นอะไร.. จะไม่นั่งฟังอย่างเหม่อลอย.. จนไม่รู้ว่าฟังอะไร เป็นต้น
พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงหลักธรรมสำคัญเพื่อการตื่นรู้ ตระหนักรู้ ในทุกอิริยาบถ ดังปราฏในมหาสติปัฏฐาน ความบางตอนใน กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน หมวดอิริยาบถด้วยพระพุทธพจน์ที่ว่า.. “ยถา ยถา วา ปะนัสสะ กาโย ปณิหิโต โหติ ตถา ตถา นัง ปะชานาติ แปลความว่า เธออยู่ในกิริยาท่าทางอันใด พึงรู้ชัดในกิริยาท่าทางอันนั้น.. อย่างนั้นๆ”... ซึ่งนับเป็นธรรมวิธีเพื่อการแก้ โมหจิตหรืออาการหลงผิด (Delusional Disorder) ที่ตรงเหตุมากที่สุด ด้วยการฝึกให้มีสติกำหนดรู้อยู่ในทุกอิริยาบถ เพื่อการรู้เท่าทันสภาวะ โมหจิต.. ที่มีอาการมึนงง.. ซึมเซ่อ.. หลงผิด.. เป็นปกติ
จึงไม่แปลกที่คนที่มีอาการหลงผิดจาก โมหจิต จะดำเนินชีวิตไปอย่างไม่เกรงกลัวบาปกรรม ก่อเกิดภาวะ ความไม่ละอายต่อบาป.. และความไม่เกรงกลัวต่อบาป ขึ้น.. โดยเฉพาะเมื่อส่งจิตเข้าสู่กระแสอารมณ์ที่ก่อให้เกิด ความฟุ้งซ่าน (อุทธัจจะ).. ที่จิตจะจับอารมณ์อะไรไม่ชัดเจน.. จึงยากจะเข้าใจ ..และยากจะรู้เท่าทันในอารมณ์หรือเรื่องราวนั้นๆ
ดังนั้น จึงเป็นเรื่องธรรมดา หากคนเราโดยทั่วไป จะมีจิตใจจมอยู่ในความเห็นผิด.. ไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้ประจักษ์ในเรื่องราวหรืออารมณ์นั้นๆ ที่เกิดขึ้นแล้วให้ถ่องแท้ถี่ถ้วน.. ซึ่งเป็นเหตุให้จำแนกแยกแยะไม่ออก บอกไม่ถูก ว่าอะไรจริง.. อะไรไม่จริง.. อะไรถูก.. อะไรผิด.. อะไรบุญ-อะไรบาป ซึ่งเป็นสภาวธรรมฝ่ายอกุศลที่ก่อเกิดความประมาท ทำให้เกิดอาการเชื่อง่าย.. หูเบา.. บ้ากาม เกียจคร้าน.. หรือทะเลาะวิวาท เป็นต้น
การขจัดอาการโมหะที่จิตในทุกขณะจิตที่ปรากฏ.. จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งของคนเราในทุกยุคสมัย โดยเฉพาะใน สังคมดิจิทัล ที่การสื่อสารมีประสิทธิภาพการรับรู้ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ยากต่อการพิจารณาแยกแยะได้ทันในสภาวธรรม.. เรื่องราว.. อารมณ์ความรู้สึกนั้นๆ ที่เกิดปรากฏอย่างรวดเร็ว ด้วยอิทธิฤทธิ์ของระบบไอที.. ที่ส่งผลให้จิตมีอาการมึนงงคล้ายการถูกสะกดให้คิดตามไม่ทัน จนใหลหลงเข้าไปในกระแสอารมณ์เรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้นมา เสมือนถูกชักจูงเชิงบังคับให้เกิดการทำตามคำสั่งอย่างมึนงง.. หลงผิด.. ด้วยอาการโมหจิตที่เกิดขึ้น ที่ผิดแผกไปจากธรรมชาติการรับรู้.. จึงต้องอาศัยหลักการเจริญสติปัฏฐานตามที่กล่าวมาโดยย่อ เพื่อแก้ไขด้วยการฝึกฝนให้จิตใจมีสติปัญญาเกิดภาวะรู้เท่าทันในอิริยาบถปัจจุบันนั้นๆ.. ที่ดำรงอยู่ในขณะนั้น ทั้งนี้ พึงจดจำให้แม่นยำขึ้นจิตว่า.. “เมื่อเราอยู่ในกิริยาท่าทางอันใด.. จักต้องรู้ชัดในกิริยาท่าทางอันนั้น..” จะไม่ปล่อยปละละเลยจนเกิดภาวะสูญเสียการตระหนักรู้ใน ปัจจุบันธรรม.. เพื่อการรู้เท่าทันในสภาวธรรมนั้นๆ ว่ามีความเป็นธรรมดาอย่างนั้นๆ..
ถ้าทำได้เช่นนี้.. เชื่อมั่นได้ว่า จิตใจที่ฝึกอบรมดีแล้วด้วยการเจริญสติปัฏฐาน.. จะชำระล้างอาการ โมหมูลจิต ให้สิ้นไปในขณะนั้นๆ ได้ จะไม่ก่อเกิดภาวะสูญเสียความรู้ที่ถูกต้องตรงตามธรรม.. จนกลายเป็นความประมาทในธรรม และขาดการรู้อันชอบธรรม.. ที่จะนำไปสู่การถูกหลอกลวงจนเกิดความเสียหายกันมากมายจากพวกแก๊ง Call center หรือ Scammer... ดังปรากฏในสังคมปัจจุบันด้วยอาการโมหจิตที่มักจะเป็นไปดังนี้ ได้แก่
๑) การเกรงกลัว ความเกรงใจ.. ไม่กล้าปฏิเสธ อย่างไม่มีเหตุผล โดยเฉพาะเมื่อมีการแอบอ้างว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ในสังคมติดต่อมา จึงกลายเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพที่สร้างเรื่องหลอกลวง
๒) การรู้ไม่เท่าทันในเทคโนโลยีชั้นสูงที่ใช้สอย ที่จะนำไปสู่อันตรายในระบบไซเบอร์จากแก๊งมิจฉาชีพ.. ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีไอทีสื่อสารในสังคมดิจิทัล
๓) การเสพคบสังคมข่าวสารออนไลน์อย่างพร่ำเพรื่อ อย่างขาดสติปัญญา.. จนไม่สามารถแยกแยะเรื่องจริง-ไม่จริง.. ประโยชน์-ไร้ประโยชน์ได้เลย จึงตกเป็นเหยื่อในระบบการเผยแพร่ข่าวสารปลอมๆ อย่างไม่รู้จักจำแนกแจกแจง จนเข้าสู่กระบวนการเป็นเหยื่อของอาชญากรรมในสังคมออนไลน์.. อย่างไม่รู้ตัว.. ขาดการควบคุมตนเองและสูญเสียจิตสำนึกปกติไป..
๔) ปัจจัยสุดท้าย.. การเกิด โลภะจิต มากยิ่งขึ้น จนเป็น “อภิชฌาวิสมโลภะ”.. จึงเกิดความอยากได้อย่างมึนงง.. ซึมเซ่อ.. ไร้เหตุผล และก้าวเข้าไปเป็นเหยื่อแก๊งอาชญากรรมเหล่านั้น ที่สร้างเรื่องราวมากมาย เพื่อปลุกเร้าให้ โมหจิต นำพาไปสู่ โลภจิต.. และ โทสจิต... ดังปรากฏเรื่องราวที่ไม่น่าเชื่อว่า เหยื่ออาชญากรรมในปัจจุบัน จะถือปฏิบัติตามคำสั่งของแก๊งมิจฉาชีพอย่างจริงจัง.. จนสิ้นเนื้อประดาตัว.. ซึ่งเหยื่อจำนวนไม่น้อย หากไม่มีญาติหรือเพื่อนๆ มาห้ามปรามไว้ ก็จะยังทำตามต่อไป คล้ายกับถูกสะกดจิตอย่างไม่รู้จักคิดพิจารณาด้วยสามัญสำนึกปกติของคนเรา.. ทั้งนี้ ด้วยภาวะ โมหมูลจิต.. เป็นมูลเหตุ ที่นำไปสู่การเป็นเหยื่อแก๊งสแกมเมอร์.. คอลเซ็นเตอร์.. ดังที่เป็นข่าวรายวัน.. รายชั่วโมงในปัจจุบัน!!.
เจริญพร
dhamma_araya@hotmail.com
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ร้ายกว่าวิกฤตการณ์ธรรมชาติ ..ภัยมนุษย์ .. ขาดศีลธรรม!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนา...
เมื่อคน.. สังคม! .. ไร้คุณค่าความเป็นมนุษย์.. ประเทศชาติหายนะ!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา.. คำว่า “ศรัทธา” ในพระพุทธศาสนา มีความหมายกินลึกลงไปมากกว่าความเชื่อโดยทั่วไป ด้วยต้องมีความรู้ความเข้าใจในคุณค่าของคุณสมบัติสิ่งนั้นๆ
สมดังเป็น .. “วีรกษัตรี มหาราชินี...” ของชาวไทย!!
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา.. โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
โครงการร้อยใจไทย สืบสานราชธรรม ทั้งแผ่นดิน น้อมอุทิศถวายเป็นพระราชกุศลแด่ “สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
เจริญพรสาธุชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า.. นับตั้งแต่วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ เป็นต้นมา พสกนิกรไทยทุกหมู่เหล่า ได้พร้อมเพรียง.. ร่วมไว้อาลัยแด่การเสด็จสู่สวรรคาลัย ใน “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง”
AI กับการสนับสนุนจากภาครัฐ ไม่ให้ใคร ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า ปัจจุบันเทคโนโลยี AI ( Artificial intelligence ) มีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในโลกของ”การศึกษา-การทำงาน”
จาก ม.144 ถึง ม.157: บทพิสูจน์พลังภาคประชาชนในวันที่ศรัทธาต่อระบบลดลง
ประเด็นร้อนที่สังคมติดตามอย่างใกล้ชิด ต้องตกตะลึงแก่ฝ่ายผู้ร้อง และภาคประชาชน เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2568 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช.


