การเนรเทศ-การลี้ภัยทางการเมือง และการการอภัยโทษ (ตอนที่ 6)

 

แม้ว่า ประเทศไทยจะไม่มีการเนรเทศอย่างเป็นทางการ แต่การหลบลี้หนีออกไปเพราะต้องคดีหรือโดนกดดันจากกระแสภัยการเมือง ก็น่าจะเข้าข่ายเป็นการถูกเนรเทศกลายๆได้

กรณีที่คุณทักษิณ ชินวัตรเดินทางออกจากประเทศไทยไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ก็น่าจะเข้าข่ายถูกเนรเทศ ในช่วงเวลาที่คุณทักษิณจะเดินทางออกไปนั้น คือปี พ.ศ. 2551   รัฐบาลขณะนั้นคือ รัฐบาลพลังประชาชน ซึ่งก็เป็นพรรคของคุณทักษิณ และในช่วงเวลาที่คุณทักษิณตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศ คุณทักษิณได้ขออนุญาตศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยให้เหตุผลว่า ต้องการไปชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ที่ปักกิ่ง ประเทศจีนระหว่างวันที่ 31 กรกฎาคม - 10 สิงหาคม 2551  หลังจากนั้น คุณทักษิณก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยจนวันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2566

ถ้าย้อนประวัติศาสตร์ จะพบว่าประเทศที่มีการเนรเทศอย่างเป็นทางการเป็นประเทศแรก คือ เอเธนส์ สมัยที่เป็นนครรัฐกรีกโบราณ โดยการเนรเทศจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องได้มีการลงคะแนนของประชาชน ดังนั้น กลไกการเนรเทศของเอเธนส์จึงถือได้ว่าเป็นการเนรเทศบนฐานของเสียงข้างมากของประชาชน ในขณะที่การลี้ภัย-หลบหนีในรัฐสมัยใหม่ อาจจะเป็นการเนรเทศบนฐานของพลังผู้กุมอำนาจรัฐที่ไม่เกี่ยวกับเจตจำนงของประชาชนเลยก็ได้

ในกรณีการเนรเทศคุณทักษิณนั้น จะว่าเป็นเพราะผู้กุมอำนาจรัฐกดดันหรือสร้างภัยคุกคามให้ต้องหนี ก็คงพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำนัก เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้ว ขณะนั้น รัฐบาลคือรัฐบาลพลังประชาชน แต่พลังอำนาจที่ทำให้คุณทักษิณต้องอ้างเหตุไปชมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและไม่กลับมาตามคำสัญญา คือ อำนาจศาลหรืออำนาจตุลาการ ซึ่งถ้าตัดสินลงโทษให้คุณทักษิณต้องติดคุกแล้ว แต่สมมุติคุณทักษิณไม่ยอมติด ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็เป็นรัฐบาลพรรคของคุณทักษิณ  การขับเคลื่อนมวลชนออกมาสนับสนุนการไม่ยอมเข้าคุก ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลของคุณทักษิณ จึงมีความเป็นไปได้สูง หรือแม้ว่า คุณทักษิณยอมติดคุก แต่มวลชนคนรักทักษิณไม่ยอม ก็จะมีการลงถนนอยู่ดี  เมื่อฝ่ายหนึ่งลงถนน อีกฝ่ายหนึ่งก็ย่อมลงด้วย วังวันของมวลชนปะทะมวลชนที่เพิ่งจะยุติไปจากการรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 ก็จะเวียนกลับมาอีก  และการทำรัฐประหารก็อาจจะกลับมาอีก ถามว่า สมการนี้ ใครเสียประโยชน์มากที่สุด ?

ปกติ การทำรัฐประหาร---------หากไม่ใช่ทำรัฐประหารตัวเอง แบบที่จอมพล ป. พิบูลสงครามทำในปี พ.ศ. 2494 หรือจอมพลสฤษดิ์ในปี พ.ศ. 2501 หรือจอมพลถนอมในปี พ.ศ. 2514 ที่สามจอมพลทำรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของตัวเองและตั้งตัวเองขึ้นมาเป็นรัฐบาลอีก------ผู้เสียประโยชน์มากที่สุด คือ รัฐบาลที่ถูกยึดอำนาจ  ดังนั้น หากคุณทักษิณยังอยู่ในประเทศ และเกิดรัฐประหารขึ้นจากการปะทะกันระหว่างมวลชนสองฝ่าย ผู้เสียประโยชน์ที่สุดก็คือ รัฐบาลพรรคพลังประชาชนที่มีคุณสมัคร สุนทรเวชเป็นนายกรัฐมนตรี รวมทั้งรัฐมนตรีพรรคพลังประชาชนที่จะต้องเสียตำแหน่งไปให้คณะรัฐประหาร ขณะเดียวกัน กว่าทหารจะตัดสินใจทำรัฐประหาร ก็น่าจะต้องปล่อยให้มวลชนสองฝ่ายออกมาแสดงพลังจนสถานการณ์สุกงอม ซึ่งภายใต้เงื่อนไขแบบนั้น เศรษฐกิจก็ย่ำแย่ไปด้วย  บ้านเมืองจะต้องปั่นป่วนสับสนวุ่นวายพอสมควร

ดังนั้น ฝ่ายที่ไม่อยากให้คุณทักษิณอยู่เป็นปัญหาในประเทศ ก็น่าจะได้แก่ รัฐบาลพลังประชาชนเอง รวมทั้งนายทุนพ่อค้าแม่ขายโดยทั่วไป ไม่นับพ่อค้าแม่ค้าที่ขายของตามที่ชุมนุม  มวลชนที่ต่อต้านคุณทักษิณคงไม่อยากให้คุณทักษิณออกนอกประเทศ แต่อยากให้อยู่จนมีคำพิพากษาตัดสิน และถ้าตัดสินให้ติดคุก ก็คงอยากให้คุณทักษิณติดคุกมากกว่าจะเห็นคุณทักษิณหลบหนีไปใช้ชีวิตชิลๆในต่างประเทศ  ส่วนมวลชนคนรักทักษิณก็ไม่อยากให้คุณทักษิณต้องระหกระเหินไปต่างประเทศ แต่อยากให้คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ซึ่งจะขัดกับคุณสมัครที่เพิ่งเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกได้เพียงไม่กี่เดือน และกำลังเป็นอยู่ และก็จะเป็นต่อ

เรื่องคุณสมัครนี่ถือเป็นนิทานสอนใจให้คุณที่หวงพรรคอย่างคุณทักษิณได้อย่างดี ที่จำเป็นต้องทดลองให้คนอื่นมาเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นนายกรัฐมนตรีแทนตัวเอง  นิทานเรื่องนี้สอนว่า “อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคนนอกครอบครัว”

เมื่อรัฐบาลพลังประชาชนไม่อยากให้เกิดรัฐประหารเพราะตนเพิ่งได้เป็นรัฐบาล ก็ย่อมไม่อยากให้มวลชนเสื้อแดงออกมาสำแดงพลังมากเกินไป  แต่คนที่คิดต่างจากรัฐบาล แต่เป็นฝั่งเดียวกับรัฐบาลคือ แกนนำม็อบ  ตามคติ “ม็อบมี ตัวพี่ก็ต้องมา ถ้าม็อบไม่มา ตัวพี่ก็ไม่มี.....”

ดังนั้น เมื่อพิจารณาโดยรวมๆแล้ว ฝ่ายที่อยากให้คุณทักษิณอยู่น่าจะมีพลังน้อยกว่าฝ่ายที่อยากให้คุณทักษิณออกไป  คุณทักษิณจึงเสมือนถูกเนรเทศจากคนฝ่ายต่างๆที่กล่าวไปข้างต้น  รวมความคือ เพื่อความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

เพราะหากอยู่แล้ว โอกาสม็อบชนม็อบมีสูงมาก และรัฐบาลพลังประชาชนจะเสียประโยชน์มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี

ในการเมืองเอเธนส์เมื่อสองพันห้ากว่ามาแล้วก็เช่นกัน คนที่ประชาชนลงคะแนนเสียงเนรเทศคือ คนที่มีบทบาททางการเมืองสูง และมีคู่แข่งหรือศัตรูทางการเมืองที่พยายามหาทางกำจัดโดยการปลุกปั่นให้ข้อมูลแก่ประชาชนถึงข้อเสียต่างๆ  แต่ละคนล้วนมีสถานะเป็น “อินฟูลเอนเซอร์” ทั้งนั้น เพราะถ้าไม่เป็น “อินฟูลเอนเซอร์” ก็ไม่รู้จะต้องเนรเทศทำไม อยู่ไปก็ไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรได้อยู่แล้ว

ในการเมืองเอเธนส์ ตามหลักฐานประวัติศาสตร์ เกณฑ์จำนวนคะแนนเสียงประชาชนที่จะทำให้คนๆหนึ่งถูกเนรเทศมีสองแหล่งข้อมูล  แหล่งแรกกล่าวว่า จะต้องมีคนมาลงคะแนนเสียงอย่างน้อย 6,000 คน และในจำนวนเสียง 6,000 นั้น ใครที่ได้รับคะแนนมากที่สุด คือผู้ที่ต้องถูกเนรเทศ ส่วนอีกแหล่งหนึ่งกล่าวว่า คนที่จะถูกเนรเทศจะต้องได้รับคะแนนเสียงขับไล่ 6,000 เสียงเป็นอย่างน้อย

ไม่ว่าจะเกณฑ์จะเป็นแบบไหนก็ตาม แต่บ้านเมืองมีป่วนแน่ หากคนๆนั้นไม่ยอมรับการเนรเทศโดยการเดินทางออกนอกเอเธนส์  เพราะหากคนหกพันคนลงคะแนนให้เนรเทศ แต่คนที่เหลือเกิดไม่ต้องการเนรเทศ แต่ไม่ได้มาลงคะแนน สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ก็คือ คนหกพันจะปะทะกับคนที่เหลือที่มีจำนวนถึงสามหมื่นกว่าคน หรือแม้ไม่ถึงสามหมื่น เอาแค่หกพันปะทะหกพัน นครรัฐโบราณอย่างเอเธนส์ก็ย่ำแย่แล้ว หากคนที่เป็นคู่แข่งทางการเมืองหรือ “อินฟลูเอนเซอร์” แต่ละคนปั่นม็อบออกมาให้ตีกัน ซึ่งไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร ใครจะแพ้ ใครจะชนะ

ดังนั้น เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงถึงสูญเสียทุกอย่างรวมทั้งชีวิต  คนที่ถูกเนรเทศในเอเธนส์จึงยอมรับการเนรเทศมากกว่าจะฝืนมติมหาชน แม้ว่าจะไม่ใช่มหาชนจริงๆก็ตาม  เพราะกฎการเนรเทศของเอเธนส์คือ ให้ออกจากเอเธนส์ไป 10 ปีโดยไม่มีการยึดทรัพย์หรือถอนสถานการณ์เป็นพลเมือง เมื่อครบ 10 ปี กลับมาทุกอย่างก็เหมือนเดิม ถ้าโชคดี ที่ประชุมสภาประชาชนเอเธนส์เปลี่ยนใจ ก็สามารถลงมติเรียกตัวกลับและอภัยโทษให้ได้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ศิริกัญญา' มอง 'ขุนคลังคนใหม่' ทำงานได้เต็มที่ ไม่ต้องแบ่งเวลามาเป็นเซลส์แมนประเทศ

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในส่วนของกระทรวงการคลัง ว่า ปรากฎว่ามีรัฐมนตรีในกระทรวงการคลังถึง 4 คน ซึ่งน่าจะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ อันที่จริงกรมในกระทรวงก็มีไม่ได้มากคงแบ่งกันดูแลคนละกรมครึ่ง

ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ตอนที่ 8)

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490

'อรรถกร' รับกรอกประวัติแล้ว แต่ไม่รู้นั่ง รมช.เกษตรฯ มั่นใจ 'ธรรมนัส' ให้คำปรึกษาได้

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวถูกส่งชื่อเสนอเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ครั้งนี้ ว่า ตนไม่ทราบ แต่ว่าได้มีการกรอกประวัติไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนพร้อมทำหน้าที่