
นักการเมืองบางพรรค กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม มีความสามารถในการสร้างวาทกรรมชวนเชื่อเป็นอาวุธสำคัญในการทำสงครามข่าวสาร แย่งชิงมวลชน ไม่ว่าจะเป็นวาทกรรมที่คิดขึ้นมาเอง หรือไปลอกมาจากวรรณกรรมหรือคำคมของบุคคลสำคัญทั้งในประเทศและต่างประเทศ
และวาทกรรมที่พวกเขาใช้ก็ได้ผลดีกับกลุ่มคนที่อาจจะเรียกว่า “สาวก” ที่ยกย่องเทิดทูนแกนนำของพรรคและของกลุ่ม วาทกรรมที่เราได้ยิน เช่น ปลดแอก ประชาธิปไตย เสรีภาพ นิติสงคราม ตุลาการภิวัตน์ สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส กดขี่ กดทับ เผด็จการ สืบทอดอำนาจ เป็นต้น
บางครั้งก็เอาชื่อเพลงดังจากละครเพลงมาเรียกร้องผู้มีอำนาจในการบริหาร นั่นคือเพลง Do you hear the people sing? เหมือนประหนึ่งกำลังถามผู้บริหารประเทศในเวลานี้ว่าได้ยินเสียงร้องของประชาชนบ้างไหม เหมือนกำลังบอกว่าผู้บริหารเป็นเผด็จการที่ไม่ยอมฟังเสียงประชาชน การที่วาทกรรมของพวกเขาได้ผลนั้น สามารถวิเคราะห์สาเหตุได้หลายประการ
1) เขาประกาศตนเป็นคนรุ่นใหม่ที่เข้ามาเพื่อการเปลี่ยนแปลง ทำให้คนที่เบื่อและไม่พอใจกับสภาพเดิมๆ ที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคล้อยตามได้ง่าย
2) เขาใช้ทั้งหลักการของคอมมิวนิสต์และหลักการของการตลาดในการสื่อสารอย่างมีตรรกะ ที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายคล้อยตามได้ง่าย
3) เขาเลือกกลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง นั่นคือเยาวชนที่ยังไม่มีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองครบทุกมิติ แต่เป็นกลุ่มที่มีอัตตาสูง เชื่อมั่นในตนเองว่ารู้ดี เป็นกลุ่มคนที่ไม่พอใจสภาพปัจจุบัน ดังนั้นจึงพร้อมที่จะทำตามข้อเสนอหรือการยุยงของพรรคการเมืองและกลุ่มการเมืองที่ต้องการให้พวกเขาออกมาเรียกร้องสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “ประชาธิปไตย”
4) เขาจะเอ่ยชมการกระทำของเยาวชนที่ออกมาชุมนุมเรียกร้องสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “ประชาธิปไตย” ว่าเป็นพวกที่กล้าหาญ กล้าแสดงออก พร้อมที่จะออกมาจัดวางอนาคตของตนเอง
5) เขามีความสามารถในการวางยุทธศาสตร์การทำสงครามข่าวสาร ทั้งความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย และการเลือกใช้ช่องทางในการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้สื่อของกลุ่มเป้าหมาย และยังสามารถใช้การสร้างพฤติกรรมกลุ่มด้วยการให้กลุ่มเป้าหมายช่วยกัน Share ข้อความไปอย่างกว้างขวางเป็น ให้ได้รับรู้กันในวงกว้างและความถี่สูง
วิธีการทั้งหมดเหล่านี้ใช้ประกบกับหลักการคอมมิวนิสต์และหลักการตลาด ทำให้พวกเขาสามารถรักษากลุ่มเป้าหมายให้ภักดีกับพวกเขาได้อย่างเหนียวแน่น พวกเขาจะขยันสื่อสาร และเหล่าบรรดาสาวกก็จะช่วยกัน Share จนทำให้คนบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางของพวกเขาตกใจ หวั่นไหวว่าเยาวชนไทยกำลังออกนอกลู่นอกทาง มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม มีทัศนคติและความเชื่อที่เป็นอันตรายต่อประเทศชาติ ทั้งๆ ที่แท้ที่จริงแล้วกลุ่มคนดังกล่าวนั้นมีจำนวนน้อย แต่เป็นคนที่ขยันสื่อสาร เป็น Active minority ในขณะที่เยาวชนที่คิดดี ทำดี ทัศนคติดียังมีอีกมาก แต่คนเหล่านี้เป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นพลังเงียบ (Silent majority) เพราะว่าหนึ่งในยุทธศาสตร์ของสงครามข่าวสารที่คนพวกนี้ใช้ก็คือจะรุมด่าคนที่ออกมาแสดงความคิดเห็นตรงกันข้ามกับแนวทางของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของชาติ ไม่ว่าจะเป็น ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หรือการแสดงความชื่นชมประเทศไทย หรือการแสดงตนเป็นแนวร่วมของรัฐบาล พวกเขาจะเข้าไปรุมด่าคนที่คิดต่างด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย ที่เรียกกันว่า “ทัวร์ลง” จนทำให้คนจำนวนมากไม่อยากที่จะแสดงตนเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับคนกลุ่มนี้
หลักการคอมมิวนิสต์ที่พวกเขานำมาใช้เป็นขั้นตอนคือ
1) จะต้องใช้วาทกรรมที่ทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ด้อยโอกาส ถูกกดขี่ข่มเหงเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับความเป็นธรรม
2) พวกเขาคือคนที่จะมาทวงความเป็นธรรมให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ให้พ้นจากการถูกกดขี่ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบ
3) ดังนั้นจะต้องเลือกพวกเขามาเป็นผู้บริหารประเทศ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง
4) การสื่อสารของพวกเขาจะใช้ลีลาอารมณ์ของการโฆษณาชวนเชื่อ คือ เน้นเรื่องการปลุกเร้าอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผล ต้องการให้เกิดการกระทำ (Action) มากกว่าการคิดอย่างมีเหตุผล
สำหรับหลักการตลาดที่พวกเขานำมาใช้ก็คือ การกำหนดกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน และดำเนินยุทธศาสตร์ในการตอบสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เน้นการแก้ปัญหาให้แก่กลุ่มเป้าหมายให้ดีกว่าคู่แข่ง โดยจะต้องเรียนรู้ว่าปัญหาที่กลุ่มเป้าหมายต้องการแก้ไขคืออะไร แล้วนำเสนอแนวทางแก้ไขให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย ให้คำมั่นสัญญาว่าจะแก้ไขปัญหาให้กลุ่มเป้าหมายได้ โดยมีขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1) การเลือกกลุ่มเป้าหมายที่มีปัญหาและต้องการแก้ปัญหา
2) การเรียนรู้ปัญหา (pain points) ของกลุ่มเป้าหมาย
3) ตอกย้ำให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกไม่พอใจกับ pain points เหล่านั้น
4) เสนอตัวว่าจะเป็นผู้มาแก้ปัญหา (solution) ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย
5) สร้างเนื้อหาที่โดนใจกลุ่มเป้าหมายด้วยวาทกรรม
6) เมื่อกลุ่มเป้าหมายทำตามที่เขาแนะนำก็จะชมเชยว่าพวกเขาทำสิ่งที่ถูกต้องด้วยความกล้าหาญและความฉลาด เหมือนเจ้าของสินค้าที่จะชมลูกค้าของตนว่าเป็น smart consumers
7) จะมีการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ มียุทธศาสตร์ด้านเนื้อหา (Content strategies) ที่โดนใจกลุ่มเป้าหมาย
8) เลือกใช้ช่องทางการสื่อสารที่เขารู้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเขาสิงสถิตอยู่ตลอดเวลา ในเวลานี้พื้นที่ดังกล่าวคือ Twitter
เขาทำสงครามกับรัฐบาลแบบนี้ รัฐบาลพร้อมที่จะวางยุทธศาสตร์ต่อกรกับพวกเขาแล้วหรือยังคะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดร.เสรี' ฟาดรัฐบาลเศรษฐา หาเงินไม่ได้ ใช้เงินเปลือง ทำเศรษฐกิจประเทศตกต่ำ
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตอนลุงตู่อยู่เศรษฐกิจไม่ได้วิกฤต ไม่ได้ดำดิ่งลงเหว แต่เพื่อไ
โอ้ปากหนอปาก เพราะพูดมากและปากไว
พวกเราคงเคยได้ยินสุภาษิต คำพังเพยและคำคมเกี่ยวกับคำพูดมากมาย เช่น “ก่อนพูดเราเป็นนายของคำพูด แต่เมื่อพูดไปแล้วคำพูดจะเป็นนายเรา” นั่นหมายถึงคำพูดที่เราพูดออกไปจะบังคับให้เราต้องรักษาสัญญา ท
นิรโทษกรรม...ที่ยังไม่ 'ตกผลึก'
จนถึงทุกวันนี้...ผู้ที่ต้องตกระกำ ลำบาก ต้องติดคุก-ติดคดี ต้องถ่อร่างขึ้นโรง-ขึ้นศาล ในเรื่องราวต่างๆ นานา ไม่ว่าย้อนหลังไปตั้งแต่เมื่อกว่าสิบปีที่แล้ว หรือไม่กี่เดือน-กี่ปีมานี้เอง
ตร.ก็ว้าวุ่นเลย
เปิดชื่อ 8 กุนซือข้างกาย ผบ.ต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แม่ทัพใหญ่กรมปทุมวัน ต้องบอกว่า "ไม่ธรรมดา" ล้วนระดมยอดฝีมือ "สีกากี" หลากหลายหน้างานมาช่วยขับเคลื่อน "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ"
เค้าโครงชีวิตปี2567
ลัคนากันย์-ตามหาความฝันและปฏิวัติทางชีวิต-ตั้งแต่ต้นปีดวงแตกยับเยินเหมือนหัวหน้าเทวดาประจำปีเข้าห้องไอซียู.-รอดและได้ตลอด
สุนัขหางด้วน!!!
อภิมหาพระ หรือ อภิมหาปราชญ์ แห่งวงการศาสนา...อย่างท่านอาจารย์ พุทธทาสภิกขุ นั้น อาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาผู้ที่พร้อมปฏิเสธ ต่อต้าน คัดค้าน อะไรต่อมิอะไรหลายอย่างที่ออกไปทาง