สติ-ปัญญา-สัมปชัญญะในโลกยุคใหม่

การที่จะรักใคร-เชียร์ใคร...หรือคิดจะด่าใคร-เสียดสีใคร อันที่จริงก็คงขึ้นอยู่กับกระบวนการ ปรุงแต่ง หรือที่พวกฝรั่งปะกิตเขาเรียกว่า Concoction, Concoctive อะไรทำนองนั้น ภายใน อารมณ์-ความรู้สึก อันเนื่องมาจากการไหลไป-ไหลมา ของอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ เข้ามาพบ มาสัมผัส กับ โสตประสาททั้ง 6 อันได้แก่ หู-ตา-จมูก-ลิ้น-กาย-ใจ ของแต่ละคน แต่ละราย ซึ่งย่อมผิดแผก แตกต่าง กันไปตามสภาพ...

----------------------------------------------------

ดังนั้น...อะไรที่มันดันไม่สอดคล้อง กลมกลืน ไม่ลงร่อง ลงตัว ไปกับ อารมณ์-ความรู้สึก ย่อมก่อให้เกิดความคัน ความระเคืองระคาย เกิดอาการเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ หรือเกิดความรู้สึกอยากด่า อยากเสียดสี

อยากต่อต้านและปฏิเสธ อยากแสดงออกถึงความชิงชัง รังเกียจ ต่อสิ่งนั้นๆ ส่วนอะไรที่มันเข้ากันได้ดี ไปกันด้วยดี ทั้งไหล ทั้งลื่น ไม่สะดุดหยุดยั้ง ปานประดุจชักโครกที่สามารถกลืนกินอุจจาระเป็นก้อนๆ ได้แบบสบายๆ ความรู้สึกแห่งการโหยหา ถวิลหา ความหลงใหล ได้ปลื้ม ความอยากจะเชียร์ อยากจะลิ้มรสหน้าแข้ง แม้อาจต้องขนติดปากเพียงใดก็แล้วแต่ มันจึงอุบัติขึ้นมาแบบคนละด้าน คนละเรื่อง คนละม้วน ได้เสมอๆ...

----------------------------------------------------

และด้วยเหตุเพราะ อัตตา หรือความเป็น ตัวตน ของแต่ละคน แต่ละราย...ใช่ว่าจะเหมือนกัน เป็นพิมพ์เดียวกันซะที่ไหน ไม่ว่าหน้าตา ลายนิ้วมือ บุคลิกลักษณะความสูง-ต่ำ-ดำ-ขาว ย่อมผิดแผก แตกต่าง ไปจากกันและกันไม่ว่าในแง่หนึ่ง แง่ใด กระบวนการปรุงแต่งที่อุบัติขึ้นมาในอารมณ์-ความรู้สึก เลยย่อมผิดแผก แตกต่าง กันไปในแต่ละลักษณะ บ้างชอบเปรี้ยว ชอบหวาน ชอบเค็ม แม้แต่ชอบขม ชอบอะไรที่ออกไปทางปะแล่มๆ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย บรรดาความชอบ-ไม่ชอบ ความรัก-ความชัง ความถูกใจ-ไม่ถูกใจ ฯลฯ มันจึงจับตัวขึ้นมาเป็นคู่ๆ เหมือนกับความขาว-ความดำ ความมืด-ความสว่างหรือความอะไรต่อมิอะไรภายในโลกใบนี้ ที่มักต้องจับตัวเป็นคู่ๆ ไปด้วยกันเสมอๆ อันอาจถือเป็นธรรมชาติชนิดหนึ่ง หรือธรรมชาติที่ต้องอาศัยการ ปรุงแต่ง อะไรทำนองนั้น...

----------------------------------------------------

แต่ก็ด้วยเหตุที่โลกสมัยใหม่ โลกยุคใหม่...มันดันเกิดการประดิษฐ์ คิดค้น อุปกรณ์และเครื่องมือ ที่จะเป็นตัวสื่อสาร เป็นตัวระบาย อารมณ์-ความรู้สึก ใดๆ ก็ตามที ได้แบบฉับพลัน-ทันที และแบบชนิดทั้งลึก-ทั้งกว้าง ยิ่งกว่าเครื่องมือสื่อสารประเภทโทรเลข โทรศัพท์ หรือกระทั่งโทรทัศน์ถูกนำมารวมกันเอาเลยก็ว่าได้ อันทำให้ไม่เพียงแต่คนคนหนึ่งสามารถสื่อสารกับคนอีกคนหนึ่งได้โดยตรง โดยเร็ว โดยไว แต่ยังสามารถสื่อไปยังผู้คนอีกนับเป็นหมื่นๆ แสนๆ ล้านๆ หรือนับเป็นพันๆ ล้านเอาเลยก็ยังได้ ขึ้นอยู่กับใครที่คิดจะเข้าไป คลิก ไป Concoct หรือไป กดไลค์-กดไม่ไลค์ กันโดยอิสระและเสรี นั่นก็คืออุปกรณ์-เครื่องมือ ที่เรียกว่า อินเทอร์เน็ต ทั้งหลายนั่นเอง...

---------------------------------------------------

อันนี้นี่แหละทั่น...ที่มันทำให้อะไรที่เคยเป็นไปตามธรรมชาติ เป็นไปตามปกติ-ธรรมดาโดยทั่วไป ไม่ว่าการแสดงออกถึง อารมณ์-ความรู้สึก ด้วยการด่าว่า ด่าทอ ไปจนการยกย่อง เยินยอ และสรรเสริญ มันจึงไม่เพียงก่อให้เกิดการ ปรุงแต่ง กันภายในวงข้าว วงเหล้า ในซอกมุมใดๆ ของบ้านช่อง ห้องหอ ในคลับ ในบาร์ ฯลฯ แบบประเภทการซุบซิบนินทาของบรรดา คนเมา หรือคนที่ขาดสติ ไร้สติ ทั้งหลาย แต่มันกลับสามารถแพร่สะพัดไปสู่ผู้คนนับเป็นจำนวนล้านๆ ที่หนีไม่พ้นต้องนำเอาการ ปรุงแต่ง ดังกล่าว ไปต่อเติม เสริมแต่ง แต่งแต้ม แต่งเติม จนแทบไม่ได้เรื่อง-ไม่ได้ราว หรือต้องกลายเป็นเรื่อง-เป็นราว เป็น ปัญหา ตั้งแต่ระดับ ปัจเจกบุคคล ไปถึง สังคมทั้งสังคม เอาเลยก็ไม่แน่!!!

-------------------------------------------------------

ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ อภิมหาพระ อย่าง ท่านพุทธทาสภิกขุ ท่านเลยต้องออกมาให้คำชี้แนะ ชี้นำ ในช่วงระหว่างที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามเมื่อมันไหลเข้ามาสู่โสตประสาทสัมผัสทั้ง 5 และทั้ง 6 อันดับแรก...ต้องหาทางเผชิญหน้ากับมันโดยอาศัย สติ จะด้วยการ ฝึกสติ หรือ ฝึกสมาธิ ก็แล้วแต่ เพื่อให้สิ่งที่เรียกว่า สติ สามารถโดดเข้ามา ยืนคุม สิ่งที่มันกำลังไหลเข้ามาได้โดยอัตโนมัติ จากนั้น...สิ่งที่เรียกว่า ปัญญา ก็จะโผล่ตามมาโดยธรรมชาติของตัวมันเอง จนก่อให้เกิดกระบวนการแห่ง สัมปชัญญะ หรือกระบวนการแห่งการใคร่ครวญ พิจารณา สิ่งที่มันไหลๆ เข้ามาในแต่ละแง่ แต่ละมุม แต่ละด้าน โดยไม่ว่าสิ่งนั้นๆ มันจะเป็นอะไรก็ตาม สุดท้ายแล้ว...มันย่อมหนีไม่พ้นไปจากความเปลี่ยนแปลง ต้องเปลี่ยนไป-เปลี่ยนมาอยู่เสมอๆ ไม่มีอะไรจีรัง ยั่งยืน คงทน ถาวรตลอดชั่วนิรันดรกาล ไม่เที่ยงแท้ แน่นอน หรือไม่อาจยึดมั่น ถือมั่น ไปด้วยกันทั้งสิ้น ยึดเมื่อไหร่ก็ย่อมเป็น ทุกข์ เมื่อนั้น เนื่องจาก มันเป็นเช่นนั้นเอง-มันเป็นพรรค์นั้นแหละ....

--------------------------------------------------

สิ่งที่เรียกว่า สติ-ปัญญา-และสัมปชัญญะ จึงเป็นอะไรที่สำมะคัญเอามากๆ ยิ่งโดยเฉพาะสำหรับโลกยุคนี้ สมัยนี้ อย่างมิอาจปฏิเสธได้โดยเด็ดขาด ยิ่งเมื่อโลกทั้งโลกมันชักชุลมุน-ชุลเก ชุลมุน-วุ่นวาย ยิ่งเข้าไปทุกที เกิดการบุกโน่น บุกนี่ เกิดการสู้รบ ก่อสงคราม ทำสงคราม จนนำไปสู่ฉากสถานการณ์แบบที่นักคิดเมื่อครั้งอดีต ท่านต้องให้คำจำกัดความเอาไว้ประมาณว่า In time of war, the first casualty is truth หรือ ยามสงคราม...ความจริงจะถูกประหัตประหารก่อนอื่น อะไรประมาณนั้น ยิ่งต้องอาศัย สติ-ปัญญา-สัมปชัญญะ ในการใคร่ครวญ พิจารณา สิ่งที่มันกำลังไหลไป-ไหลมา ให้จงหนัก อย่าด่วนไปเชียร์อเมริกา เชียร์ยูเครน หรือเชียร์รัสเซียให้มากมายเกินไปนัก เพราะสุดท้ายแล้ว...ไม่เพียงแต่มันเป็นเช่นนั้นเอง มันเป็นพรรค์นั่นแหละ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง เผลอๆ...ด้วยการ ปรุงแต่ง แบบลวกๆ หรือแบบไม่ได้คิด ไม่ได้พิจารณาให้ถ้วนถี่ ย่อมอาจก่อให้เกิดการหันมาตีกัน กัดกันเอง ในหมู่ ทวยไทย ทั้งหลาย อย่างชนิดแทบไม่น่าเชื่อ แต่ก็ยังต้องเชื่อจนได้!!!

-------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (อิติวุตตก)...“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย...ธรรมชาติที่ไม่เกิด-ไม่เป็น-ไม่มีใครทำ-ไม่มีอะไรปรุงแต่งนั้น...มีอยู่ เพราะถ้าไม่มีธรรมชาติที่ไม่เกิด-ไม่เป็น-ไม่มีใครทำ-ไม่มีอะไรปรุงแต่ง ความพ้นไปจากธรรมชาติที่เกิด-ที่เป็น-ที่มีใครทำ-ที่มีอะไรปรุงแต่ง (นิพพาน) ก็จะปรากฏไม่ได้...”

-------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น