อย่าถึงกับต้องไปถือสาหาความ

ถือซะว่า...ท่านอาจ หาเสียง มาซะจนเคย!!! คือการประกาศจะสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาก่อนล่วงหน้า 2 ปีเนี่ย ย่อมมิใช่น้อยๆ ดังนั้น...แม้ว่าได้มาแล้ว 1.3 ล้านเสียงอยู่ในมือ ได้เป็นว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. รอแค่ กกต. รับรองโดยไม่คิดจะงี่เง่าอะไรมาก แต่ก็อย่างว่า...คนมันเคย!!! ที่ไหน ยังมี เสียง ยังมีอะไรให้หา ให้เก็บเกี่ยวมาใช้ประโยชน์ มันก็เลยอดไม่ได้ที่จะต้องเร่เข้าไป แตะปลายนวม เอาไว้เล็กๆ-น้อยๆ...

-------------------------------------

ยิ่งมีอันต้องมาเจอกับ เสียง อย่างคุณน้อง คุณหลานหรือคุณเหลน รุ้ง ปนัสยา ซะอีกต่างหาก ผู้เคยร่วมทะลุฟ้า ทะลุแก๊สเคยร่วมประสานเสียงกับผู้ที่แดง-ไม่แดง...แต่ขอให้แรงเข้าว่า อย่างคุณหลาน เพนกวิน หรือเด็กชาย พริษฐ์ ชิวาว่า หรือ ชิวารักษ์

อะไรประมาณนั้น ไปจนคุณหลาน อานนท์ นำภา ฯลฯ ที่ต่างก็อยู่ภายใต้เครือข่ายของบรรดาพวกอาจารย์ พวกผู้เฒ่าประเภท แก่เพราะกินข้าว-เฒ่าเพราะอยู่นาน หรือเครือข่ายฝรั่งมังค่าเอาเลยก็ยังมี ฯลฯ มันเลยต้องถือเป็นเรื่องปกติ-ธรรมดา หรือเรื่องของความเคยตัว เคยชิน ที่ บุรุษผู้กล้ามใหญ่ที่สุดในปฐพี อย่างคุณน้า ชัชชาติ ท่านเลยอยากที่จะ โชว์กล้าม หรือ เบ่งกล้าม ในกรณี มาตรา 112 ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการลอกท่อ ขุดท่อ ของเมืองที่คนตกท่อ อย่าง กทม.เอาเลยแม้แต่น้อย...

--------------

ดังนั้น...ไม่ว่าท่านจะคิดเห็นเป็นประการใดก็แล้วแต่ จะรอให้ ความแค้น มันเย็นๆ แล้วค่อยตักออกมาเสิร์ฟ หรือจะ ลูกผู้ชาย...แก้แค้นสิบปียังไม่สาย คงต้องถือเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นทัศนะส่วนตัวของท่าน ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับนโยบาย 241 ข้อ ที่บรรดาชาว กทม.จะต้องชักสะพานแหงนถ่อรอคอย ว่าจะทำได้-ทำไม่ได้ ทำให้ครบทั้ง 241 ข้อ หรือทำซัก 2 ข้อ 4 ข้อ หรือ 1 ข้อ แบบที่ผู้นำประเทศอย่าง นายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา ก็เชื่อว่าตัวเองทำอะไรต่อมิอะไรมาตลอด 7 ปี 8 ปี ไม่ใช่แค่ 2 ข้อ 3 ข้อ หรือแทบไม่มีอะไรเลยซักข้อ อย่างที่พวกปากหอย ปากปู ด่ากราดในโซเชียลมีเดีย ชนิดวันต่อวัน เลยอาจอยากคิดจะทำต่อไปอีก 4 ปี หรือเผลอๆ... ยุทธศาสตร์ 20 ปี เอาเลยก็ไม่แน่!!!

----------------------------------

อันนี้นี่แหละ...ที่คงต้องคอยจับตา ติดตามกันไปเป็นระยะๆ สำหรับบรรดาผู้ ที่ได้ชื่อว่า นักการเมือง ทั้งหลาย ไม่ว่าประเภทที่เคยอาสาสมัครเป็น นักเลือกตั้ง มาโดยตลอด หรือผู้ที่เคยเป็น นักการทหาร ก่อนที่จะแปรสภาพ แปลงสภาพมาเป็นนักการเมือง ถือถุงกล้วย แบกกระเป๋ากล้วย ในภายหลังหรือไม่? เพียงใด? ก็ตามที ส่วนในเรื่องส่วนตัว ในทัศนคติส่วนตัว ถ้าหากมันไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานอารมณ์-ความรู้สึก แบบ โกรธ-เกลียด-เคียดแค้น-อาฆาต-พยาบาท-ริษยาและชิงชัง ซะเป็นหลัก แต่ยังพอที่จะฝึกหัด ฝึกปรือ พอเรียนรู้ถึงความสำคัญของสิ่งที่เรียกว่า ความรู้-รัก-สามัคคี ความพร้อมที่จะอดทน อดกลั้น  ความมี ขันติธรรม หรือมี กาละ-เทศะติดปลายนวมไว้เล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องถือว่า...พอรับได้ หรือพอใช้การได้ไปด้วยกันทั้งสิ้น!!!

-----------------------------

เพราะโดย อำนาจ  หน้าที่ และ ความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะในฐานะ ผู้นำประเทศ หรือ ผู้ว่าฯ กทม. ตลอดไปจนใครต่อใครที่ต้องมีสิ่งเหล่านี้ หรือต้องแบกรับสิ่งเหล่านี้ไว้บนบ่า บนหลัง บนไหล่ ยังไงๆ...ย่อมหนีไม่พ้นที่ต้อง แยกเรื่องส่วนตัว หรือ ทัศนคติส่วนตัว ออกไปจาก การทำหน้าที่ หรือการปฏิบัติหน้าที่ ที่ล้วนแล้วแต่มี ความรับผิดชอบ เป็นตัวควบคุม กำกับ ไปด้วยกันทั้งสิ้น เพราะถ้ามีแต่เพียง อำนาจ และ หน้าที่ โดยปราศจาก ความรับผิดชอบ ใดๆ ซะอย่างแล้ว ไม่ว่าจะฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหน   ไม่ว่าจะคิดเห็นในทางส่วนตัว มีทัศนคติส่วนตัว ออกในรูปไหนต่อรูปไหนก็เถอะ สุดท้ายแล้ว...ย่อมเละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก เละเป็นเต้าหู้ตกโต๊ะ ไปด้วยกันทั้งนั้น...

----------------------------------

ดังนั้น...การที่ท่านว่าที่ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ท่านโดดมารับงานใหญ่ แบกงานใหญ่ กลายสภาพเป็น ผู้ว่าฯ กทม. ด้วยจำนวนเสียงระดับ 1.3-1.4 ล้าน แบบชนิดแลนด์สไลด์ แอฝะล้านช์ กันเห็นๆ ถ้าหากท่านยังเอาแต่คิดจะ โชว์กล้าม ยังเอาแต่ หาเสียง เห็นอะไรที่เป็นสุ้ม-เป็นเสียง แล้วอดรนทนไม่ได้ ต้องออกัสซั่ม หรือต้องเร่ไปโชว์กล้าม ไปหิ้วถุงแกง แบบฉับพลัน-ทันที โดยอาจเผลอๆ หรืออาจลืมๆ ไปแล้วว่า ความรับผิดชอบ ในฐานะ ผู้ว่าฯ กทม. นั้นคืออะไรกันแน่??? ลืมไปแล้วว่าเคย สมรักษ์ คำสิงห์ (โม้) อะไรต่อมิอะไรเอาไว้ถึง 241 ข้อ อันนี้...ไม่ว่าท่านจะรอๆ ให้ ความแค้น จับตัวเย็นๆ เป็นน้ำแข็ง หรือเป็นเยลลีในตู้ฟรีซหรือไม่? อย่างไร? ก็ตามที แต่คงไม่น่าจะกี่วัน กี่สัปดาห์ กี่เดือน หรือกี่ปีก็แล้วแต่ โอกาสที่ท่านจะกลายสภาพเป็น บิ๊กตู่  หรือกลายเป็นอะไรที่ น่าเบื่อ...ฉิบหาย ทั้งที่ทำอะไรต่อมิอะไรไม่รู้กี่ร้อย กี่พันข้อ ตลอด 7 ปี-8 ปี ย่อมมีความเป็นไปได้ไม่ต่างอะไรไปจากกันและกันนั่นแล...

----------------------------------

คือพูดง่ายๆ ว่า...ไม่ว่าจะมาจาก การเลือกตั้ง แบบแลนด์สไลด์ แบบแอฝะล้านช์ กันไปถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน หรือมาจาก การแต่งตั้ง การสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นรัฏฐาธิปัตย์ หรือมาจากอะไรต่อมิอะไรก็ตามที แต่ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมตกอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ กฎเหล็ก หรือกฎแห่งอนิจจลักษณะ ด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง อย่างที่ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ปัจจุบัน ท่านได้สรุปเอาไว้ต่อบรรดา นักการเมือง ทั้งหลายในทุกๆประเภทนั่นแหละว่า... มีลาภ-เสื่อมลาภ...มียศ-เสื่อมยศ...มีอำนาจ-เสื่อมอำนาจ อันล้วนแต่เป็น อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา ไม่อาจยึดมั่น-ถือมั่น ไม่อาจเบ่งกล้าม โชว์กล้าม ไปโดยตลอดชั่วนิจนิรันดร์กาลได้เลย ด้วยเหตุนี้...การคิด การแสดงออก หรือการทำอะไรต่อมิอะไรก็ตาม ไปตาม อำนาจ และ หน้าที่ โดยมี ความรับผิดชอบ ในแต่ละขอบเขตเป็นพื้นฐาน ย่อมทำให้ไม่อาจคิดอะไร ทำอะไร ตามความปรารถนาและต้องการของ อัตตา หรือของ ตัวกูเอง ได้โดยลำพังล้วนๆ ไม่ว่าจะยังแค้นตาแม้นหรือไม่ เพียงใดก็เถอะ ไม่งั้น...โอกาสกล้ามเหี่ยว กล้ามหด กลายเป็นผู้พิการ ง่อยเปลี้ย เสียขา เป็นผู้ที่น่าเบื่อไม่ต่างไปจากบรรดาผู้น่าเบื่อทั้งหลาย ย่อมมีความเป็นไปได้อยู่แล้วแน่ๆ...

--------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Froude ... The upward sweep of excellence is proportioned. With strictest accuracy, to oblivion of the self which is ascending. - การก้าวขึ้นสู่เบื้องสูงแห่งคุณธรรมและความดี ย่อมมีส่วนสมดุลอย่างเคร่งครัดกับการลด-ละ-เลิก...อัตตา...ซึ่งมักทวีขึ้นไปตามลำดับ...”

-------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น