
ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้เกิดผลกระทบมายังภาคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักอย่างรถยนต์ หรือเหล็ก รวมไปถึงภาคพลังงานที่ดันราคาผันผวนในระดับสูงมามากกว่าสามเดือน จนเมื่อไม่นานมานี้ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเพิ่มขึ้นเกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลไปแล้ว เพราะแบบนี้จึงส่งผลให้ราคาขายปลีกในประเทศไทยที่ถือว่าเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันนั้นได้รับผลกระทบไปเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นราคาดีเซลหรือเบนซินที่ตอนนี้สูงจนเกินที่จะรับไหว
ในขณะที่รัฐบาลเองก็ออกมาตรการมาอย่างเข้มข้น เพื่อที่จะดูแลราคาน้ำมันโดยเฉพาะในกลุ่มดีเซลที่ปัจจุบันแบกรับภาระอย่างหนักหน่วงอยู่ ไม่ว่าจะเป็น การนำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่เดิมเก็บเข้ากองทุนจากการเติมน้ำมัน แต่ปัจจุบันดึงออกมาอุดหนุนให้กับผู้ที่เติมน้ำมันต่อลิตร ซึ่งปัจจุบันจากที่เคยมีเงินสะสมก็เริ่มลดน้อยลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจำเป็นต้องพึ่งพาการกู้เงินตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดวงเงินไม่เกิน 3 หมื่นล้านบาท รวมเงินกู้ตาม พ.ร.ฎ. 1 หมื่นล้านบาท
ซึ่งสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เป็นผู้ดำเนินการ แต่ปัจจุบันได้อนุมัติให้กู้รอบแรกไปแล้ว 2 หมื่นล้านบาท และเปิดให้สถาบันการเงินโดยเฉพาะของรัฐเข้ามาร่วม แต่..ล่าสุด สกนช.ได้ขยายเวลาให้สถาบันการเงินเสนอเงื่อนไขประมูลการปล่อยเงินกู้ เดิมกำหนดยื่นภายใน 31 ม.ค.65 ให้เลื่อนออกไปเป็น 31 มี.ค.นี้ เพื่อเปิดกว้างให้ทุกสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชนเข้ามาเสนอมากขึ้น และยังมั่นใจว่าจะมีสถาบันการเงินมาเสนออย่างแน่นอน ซึ่งจะเป็นไปตามเป้าหมายว่าจะได้รับเงินภายในเดือน เม.ย.2565 โดยย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีสถาบันการเงินไหนแจ้งว่าจะยกเลิกแต่อย่างใด
เมื่อมาพิจารณาดูจากมติดังกล่าว อาจจะพูดได้ว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากพอสมควรที่สถาบันการเงินจะปล่อยให้กู้เงินก้อนใหญ่ได้ในช่วงเวลานี้ แต่จากการยืนยันของ สกนช.และรัฐบาลที่สร้างความเชื่อมั่นว่าจะสามารถยื้อสถานการณ์ไว้ได้ และเยียวยาจนกลับมาปกติในที่สุด ซึ่งฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ณ วันที่ 20 มี.ค.2565 ติดลบ 32,831 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน ติดลบ 4,028 ล้านบาท และบัญชีก๊าซ LPG ติดลบ 28,803 ล้านบาท จำนวนเงินฝากที่กระทรวงการคลังและสถาบันการเงินมีจำนวน 16,500 ล้านบาท สภาพคล่อง ณ วันที่ 22 มีนาคม 2565 กลุ่มน้ำมันมีรายจ่ายวันละ 546.12 ล้านบาท กลุ่มก๊าซ LPG มีรายจ่ายวันละ 87.18 ล้านบาท
ด้าน วิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการ สกนช.ออกมากล่าวว่า กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงยังคงมีบทบาทหลักในการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศในช่วงที่เกิดวิกฤตด้านราคาพลังงาน โดยยังมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะเข้าไปชดเชยเพื่อให้น้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับราคาไม่เกิน 30 บาท/ลิตร และล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้ออกมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพประชาชนในหลายด้าน โดยจะใช้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปช่วยลดผลกระทบจากการปรับราคาก๊าซ LPG ให้ไม่ขึ้นสูงเกินไป
โดยพิจารณาตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกเดือน มี.ค.2565 ซึ่งยังคงมีความผันผวนเนื่องจากความขัดแย้งของรัสเชีย-ยูเครน ที่ราคาน้ำมันดูไบอยู่ที่ 111.15 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ราคาเบนซินอยู่ที่ 133.22 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ราคาดีเซลอยู่ที่ 139.51 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องจับตาอย่างเข้มข้นต่อไปเพราะหากราคาน้ำมันตลาดโลกยังผันผวนอย่างต่อเนื่องก็อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาขายปลีกหนักกว่านี้ ส่วนด้าน ครม.เองก็ได้มีการเห็นชอบร่างแผนรองรับวิกฤตการณ์ด้านน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2563-2567 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 2 เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติงานในเรื่องหลักเกณฑ์การบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยต้องมีจำนวนเงินเพียงพอเพื่อใช้ในการบริหารจัดการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพตามมาตรา 26 แห่งพระราชบัญญัติกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562
ซึ่งมีมติการปรับกลยุทธ์การถอนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (Exit Strategy) โดยเมื่อฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใกล้ติดลบ หากระดับราคาน้ำมันเชื้อเพลิงยังอยู่ในระดับวิกฤตจนส่งผลให้ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงติดลบ ให้เริ่มดำเนินกลยุทธ์ถอนกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงโดยปรับลดการช่วยเหลือลง ถ้าถึงจุดนั้นจริงๆ อาจจะเรียกว่าวิกฤตได้เต็มปากแน่นอน.
ณัฐวัฒน์ หาญกล้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ
ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

