
ขยะ ปัญหาเรื้อรังที่นับวันก็เริ่มจะทวีคูณมากขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการขยายตัวของสังคมเมืองก่อให้เกิดขยะในหลายรูปแบบ ทั้งขยะจากอาหาร ขยะอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงขยะมูลฝอย จนเกิดเป็นปัญหายิบย่อยทางสังคม ทั้งสถาพสิ่งแวดล้อม สภาพอากาศ ขณะเดียวกันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคเชื้อโควิด-19 เองก็เป็นหนึ่งในต้นตอของปัญหาที่ปัจจุบันในสังคมมีขยะติดเชื้อตกค้างสะสมรอรับไปทำลายเป็นจำนวนมาก เกินกว่ากำลังที่สาธารณสุขจะดำเนินการได้
แม้ว่าปัญหาเก่าของขยะยังไม่สามารถแก้ไขได้เต็มประสิทธิภาพจากข้อจำกัดต่างๆ แต่เรื่องที่สังคมไทยจำเป็นจะต้องทำก่อนคือ การลดปัญหาของขยะติดเชื้อ ที่หากไม่มีการจัดการที่ถูกวิธีอาจจะส่งผลกระทบที่รุนแรงให้กับสังคมอีกทางก็เป็นได้ ด้วยเหตุนี้การทำงานแบบบูรณาการของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงจำเป็นต้องผลักดันให้เกิดขึ้น!
ทั้งนี้ได้มีการประสานหารือกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อหาวิธีการและแผนงานเพื่อมาแก้ไขปัญหาดังกล่าวร่วมกัน จนเป็นที่มาของมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งทางด้านกระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่มีเตาเผาและมีความพร้อมเพื่อรับขยะติดเชื้อไปกำจัดให้หมด
และหลังจากที่มีมติ ครม.ออกมา กระทรวงอุตสาหกรรมก็ได้เร่งรัดการแก้ไขปัญหาขยะติดเชื้อ โดยออกประกาศ ณ วันที่ 8 ต.ค.2564 เรื่องนโยบายการนำขยะมูลฝอยติดเชื้อมาเป็นเชื้อเพลิงในเตาเผาของโรงงานเป็นการชั่วคราว ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เพื่อให้เร่งดำเนินการนำขยะติดเชื้อไปเผาในโรงงานที่มีความพร้อมและมีศักยภาพ
โดย นายวันชัย พนมชัย อธิบดี กรอ. กล่าวว่า กรอ.เตรียมเร่งออกใบอนุญาตโรงงาน 3 ประเภท นำมูลฝอยติดเชื้อมาเป็นเชื้อเพลิงในเตาเผาของโรงงานเป็นการชั่วคราว เพื่อกำจัดขยะติดเชื้อที่สะสมและตกค้างรอการกำจัดเกินระบบอยู่ประมาณ 2,800 ตัน เนื่องจากขณะนี้มีโรงงานเพียง 1 แห่งที่ได้รับใบอนุญาต คาดว่าสิ้นปีนี้จะมีโรงงานเข้ามาเพิ่มอีกรวมเป็น 10 โรงงาน เพื่อให้กระจายทั้ง 4 ภูมิภาค จะสามารถรองรับการกำจัดขยะติดเชื้อได้ 1,300 ตัน
สำหรับโรงงานทั้ง 3 ประเภทที่มาขออนุญาตกำจัดขยะติดเชื้อได้ชั่วคราว คือ 1.โรงงานเฉพาะโรงงานผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชนหรือขยะอุตสาหกรรมหรือแบบผสมผสาน ทั้งแบบเผาตรงหรือใช้เชื้อเพลิงขยะมูลฝอย (อาร์ดีเอฟ), 2.โรงปูนซีเมนต์หรือโรงงานกำจัดของเสียเฉพาะที่กำจัดโดยกระบวนการเผา และ 3.โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่ายไอน้ำที่ใช้เชื้อเพลิงขยะชุมชนหรือขยะอุตสาหกรรมหรือแบบผสมผสาน ทั้งแบบเผาตรงและใช้เชื้อเพลิงอาร์ดีเอฟ
ซึ่งในตอนนี้มีโรงงานที่ได้รับใบอนุญาตแห่งเดียว คือ โรงงานทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) สามารถรับขยะติดเชื้อมากำจัดได้ มีศักยภาพด้านเตาเผา 350 ตันต่อวัน และมีโรงงานอุตสาหกรรมที่ยื่นขอใบอนุญาตรับกำจัดขยะติดเชื้ออีก 3 แห่ง เชื่อว่าจนถึงสิ้นปีจะได้ 10 แห่ง จะช่วยลดปริมาณขยะติดเชื้อที่ล้นระบบลง และรองรับการเปิดประเทศ
อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนการดำเนินการตั้งแต่การคัดแยก รวบรวมบรรจุจัดเก็บ และซีลที่ต้นทาง ตลอดจนการขนส่ง กรมอนามัยจะเป็นผู้กำกับดูแลทั้งหมด และกระทรวงอุตสาหกรรมจะกำกับดูแลในขั้นตอนของการรับขยะติดเชื้อเข้าสู่เตาเผา ตลอดจนเผาตามหลักเกณฑ์ที่กรมอนามัยกำหนดอย่างเคร่งครัด
แม้ว่าสถานการณ์ขยะติดเชื้อมีแนวโน้มลดลงจากการคลี่คลายของโรคโควิด-19 ที่น่าจะทำให้สถานกักตัวทยอยปิดลง แต่การแก้ปัญหาขยะก็ยังไม่หมดอย่างแน่นอน เพราะภารกิจของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลังจากนี้อาจจะต้องอาศัยกลไกการทำงานดังกล่าวไปช่วยแก้ปัญหาขยะอื่นๆ ในสังคมเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะเป็นเครื่องผลักดันให้ปัญหาขยะในประเทศไทยดีขึ้นก็เป็นได้...
ณัฐวัฒน์ หาญกล้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ
ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

