ด้วยสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป!!!

มีคำพูดของพวกฝรั่งที่เชื่อในเรื่อง พระเจ้า ตามแบบฉบับคริสต์ศาสนิกชนทั้งหลาย ไม่ว่าในหนัง-ในหนังสือที่ใครต่อใครคงได้ยิน-ได้ฟังมามั่งแล้ว คือคำพูดประมาณว่า พระเจ้าท่านทรงดำเนินกรรมวิธีด้วยความลึกลับเสมอๆ อะไรทำนองนั้น ซึ่งคงไม่ต่างอะไรไปจากพวกอิสลามิกชน ที่เชื่อๆ กันว่า พระเจ้า หรือ พระอัลลอฮ์ นั้น ท่านสามารถมองเห็นกระทั่งมดสีดำตัวเล็กๆ ที่กำลังย่างเท้าอยู่ในความมืดได้แบบถนัดชัดเจน หรือท่านทรงรู้ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทั้งสิ้น ทั้งปวง จนแทบไม่ต้องเสียเวลาไปคาดเดา ว่าท่านจะดำเนินกรรมวิธีในการรับมือกับปัญหาแต่ละสิ่งละอย่าง ในแบบไหน ลักษณะไหน...

-----------------------------------------------------

ส่วนศาสนาพุทธของเราๆ-ทั่นๆ...ที่ไม่ได้ถึงกับจะประดิษฐ์ คิดค้น สิ่งที่เรียกว่า พระเจ้า เอาไว้ให้เป็นตัว-เป็นตน เลยอาจส่งผลให้พุทธศาสนิกชนตามแบบฉบับไทยๆ หันไปยึดมั่น-ถือมั่นตั้งแต่ สากกะเบือ ไปยัน เรือรบ เอาเลยก็ว่าได้ หันไปห้อยปลัดข่ง ปลัดขิก อะไรต่อมิอะไรไปตามมี-ตามเกิด แต่ถ้าว่ากันโดยหลักๆ แล้ว...

ผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์ อิทธิเดช ในการดลบันดาลให้แต่ละสิ่ง แต่ละอย่าง เป็นไปในแนวไหนต่อแนวไหน ตามแนวทางของศาสนาพุทธแล้ว ก็คงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า พระเจ้า ในศาสนาคริสต์ หรือศาสนาอิสลาม เขานั่นแหละ นั่นคือผู้ที่ได้วาง กฎ ต่างๆ ชนิดไม่ต่างอะไรไปจาก กฎเหล็ก หรือ กฎแห่งธรรมชาติ เอาไว้แต่เบื้องแรก หรือตั้งแต่ยังไม่มีโลก-ไม่มีจักรวาลเอาเลยก็เป็นได้ ว่าด้วยเหตุเพราะ สิ่งนี้-สิ่งนี้ สิ่งทั้งหลาย-ทั้งปวงจึงต้องเป็นไปตามนั้น หรือต้องกลายเป็น สิ่งนั้น-สิ่งนั้น อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย หรือที่เรียกกันสั้นๆ ง่ายๆ ว่า กฎแห่งกรรม นั่นแล...

--------------------------------------------------------

ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็น พระเจ้า หรือ ก๊อด ในศาสนาคริสต์-อิสลาม หรือ กฎ ในศาสนาพุทธของเราๆ-ทั่นๆ ก็แทบไม่ได้มีอะไรผิดแผก แตกต่าง ไปจากกันและกันแต่อย่างใด ด้วยเหตุนี้...ไม่ว่า พระเจ้า ท่านจะคิดแบบใด ลักษณะใด มุ่งประสงค์ไปในแนวไหนต่อแนวไหน ลึกลับหรือกระจ่างแจ้ง ทุกสิ่งทุกอย่าง...ย่อมหนีไม่พ้นต้องขึ้นอยู่กับความเป็นไปของฉากสถานการณ์นั้นๆ ณ ห้วงระยะเวลานั้นๆ หรือขึ้นอยู่กับว่า...ด้วยเหตุเพราะ สิ่งนี้-สิ่งนี้ ได้เป็นตัวก่อให้เกิด เหตุปัจจัย ใดๆ ขึ้นมาในสถานการณ์นั้นๆ หรือในห้วงระยะเวลานั้นๆ นั่นเอง ความเป็นไปของทุกสรรพสิ่งภายในโลกใบนี้ หรือกระทั่งภายในจักรวาลนี้ มันจึงต้องเป็นไปตามหลัก อิทัปปัจจยตา-ปฏิจจสมุปบาท อย่างไม่มีสิทธิ์ผันแปรไปเป็นอื่น...

-------------------------------------------------------

ดังนั้น...อะไรต่อมิอะไรที่ใครต่อใครหวังว่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ คาดว่าจะเป็นเช่นนั้น เช่นนี้ เอาไป-เอามาแล้ว...มันอาจไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง ที่คาด เอาเลยก็ไม่แน่!!! โดยเฉพาะถ้าหากไม่ได้ใคร่ครวญ พิจารณา ถึงองค์ประกอบต่างๆที่ชำแรกแทรกซึมอยู่ภายใต้ห้วงสถานการณ์แต่ละช่วง แต่ละระยะ แบบละเอียด รอบคอบ หรือประณีต-ลึกซึ้ง เอาจริงๆ เหมือนกับ ผู้ที่อยากให้ กระแสน้ำขึ้น เสมอๆ หรือผู้ที่อยากจะเห็น พระจันทร์เต็มดวง ทุกๆ คืน แต่สุดท้าย...ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดันต้องเป็นไปอย่างที่ นาย Hal Borland นักเขียน นักหนังสือพิมพ์และนักธรรมชาติวิทยาชาวอเมริกัน แกเคยพูดๆ เอาไว้ตั้งแต่เมื่อหลายต่อหลายสิบปีที่แล้วนั่นแหละว่า... Summer ends and autumn comes, and he who would have it otherwise would have high tides always and a full moon every night. หรือ ฤดูร้อนผ่านไป-ฤดูใบไม้ร่วงจึงจะตามมา ส่วนผู้ที่อยากจะเห็นเป็นอย่างอื่น ก็คงไม่ต่างไปจากผู้ที่อยากให้กระแสน้ำขึ้นเสมอๆ หรือให้พระจันทร์เต็มดวงในทุกๆ คืน นั่นแล...

-------------------------------------------------------

เหตุที่ต้องลากยาวว์ว์ว์ไปถึงเรื่องศาสหนง ศาสนา เรื่องวาทะ วาที อะไรต่อมิอะไรชนิดไปไกลถึงขั้นนี้ ก็คงไม่มีอะไรมากมายหรอกทั่น เพียงแต่ต้องการสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของสิ่งที่เรียกว่า ฉากสถานการณ์ ที่ดำรง คงอยู่ ไม่ว่าในสังคมไทย ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ไปจนสังคมโลกเอาเลยก็ว่าได้ ว่าเอาเข้าจริงๆ แล้ว...มันก็คือ เหตุปัจจัย ที่ทำให้ สิ่งนี้-สิ่งนี้ เลยมีอันต้องเป็นไป หรือกำลังต้องไปสู่ สิ่งนั้น-สิ่งนั้น อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย คืออะไรที่มันดูแย่ๆ ดูจะหนักไปทางห่วยแตก หรือไม่คิดจะไปไหนต่อไปไหนกันมั่งเลย ฯลฯ เอาเข้าจริงแล้ว มันก็คงไม่ต่างไปจากฤดูร้อนที่จะต้องเป็นไปก่อนหน้าที่ฤดูใบไม้ร่วงจะมาถึง ไม่ต่างไปจากกระแสน้ำลงก่อนที่จะเอ่อขึ้นมาใหม่ ไม่ต่างไปจากพระจันทร์ที่เว้าๆ แหว่งๆ ก่อนที่จะเต็มดวงในช่วงถัดๆ ไป...

-------------------------------------------------------

ความย่ำแย่ ความห่วยแตก หรือความไม่คิดจะไปไหนต่อไปไหนกันมั่งเลย...มันจึงไม่ต่างอะไรไปจาก เงื่อนไข ที่จะนำมาซึ่งฉากสถานการณ์แห่งฤดูใบไม้ร่วงที่กำลังจะมาเยือน นำมาสู่การเอ่อขึ้นมาใหม่ของกระแสน้ำ นำมาซึ่งความนุ่มนวลละมุนละไมของพระจันทร์เต็มดวง ที่กระจ่างและสว่างไปทั่วฟากฟ้านั่นเอง คือถ้ามันไม่แย่ถึงระดับนี้ ไม่ห่วยแตกถึงเพียงนี้ หรือไม่เอาแต่วนไป-วนมาไม่คิดจะไปไหนซักกะที มันก็คงไม่อาจก่อให้เกิด เหตุปัจจัย ที่จะนำไปสู่สิ่งใหม่ๆ นำไปสู่ความเป็นไปที่ พระเจ้า ท่านได้ออกแบบและดีไซน์เอาแล้วล่วงหน้าได้เลย ความไม่เข้าท่า-เข้าทาง ไม่เป็นไปดังใจ หรือเป็นไปตามความปรารถนา-ต้องการของใครต่อใคร มันจึงกลายเป็นสิ่งที่ทำให้ สิ่งนี้-สิ่งนี้ ย่อมต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นไปตาม กฎเหล็ก กฎแห่งธรรมชาติ กฎของพระเจ้า หรือ กฎอิทัปปัจจยตา-ปฏิจจสมุปบาท อย่างมิอาจปฏิเสธ...

-----------------------------------------------------------

ด้วยเหตุนี้...เพียงแค่พยายาม เข้าถึง และ เข้าใจ ต่อความเป็นไปตามธรรมชาติ ต่อกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่ถูกสร้าง ถูกวาง ถูกกำหนดเอาไว้ตั้งแต่แรก ก็คงไม่ต้องเสียเวลาดิ้นรน กระวนกระวาย ให้มากเรื่อง-มากความ แค่ พักชมโฆษณาจั๊กกู้กั๊บ เดี๋ยวเดียว...ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะมาถึงในอีกไม่ช้า-ไม่นาน ไม่ใกล้-ไม่ไกลนับจากนี้ต่อไป สู้หันมา อยู่ให้เป็น-เย็นให้พอ-รอให้ได้ น่าจะเหมาะกว่า ดีกว่าเป็นไหนๆ หรือหันมาสนใจเรื่องราวทาง ศาสนา ให้มากๆ เข้าไว้นั่นแหละเข้าท่าที่สุด...

--------------------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Dhammapada... Avoid evils, Do good, Purify your heart, This is teaching of the Buddhas.- สัพพะ ปาปะสัส อะกะระณัง กุสลัสสูปสัมปทา สจิตตังปริโยทะปะนัง เอตัง พุทธนะสาสะนัง อย่าทำบาปทำแต่กุศล ทำจิตใจให้ผ่องใส นี้คือคำสอนของพระพุทธเจ้า...

------------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น