คุณค่าของ “วัฒนธรรม-ประเพณี”

ไม่ได้รด-ไม่ได้ราด-ไม่ได้สาดน้ำสงกรานต์กับใครต่อใครมาร่วมๆ เกือบ 3-4 ทศวรรษมาแล้วเห็นจะได้ และเมื่อมาถึงทุกวันนี้สำหรับบรรดาผู้มีคุณค่า ราคา สมควรที่จะราด จะรด ส่วนใหญ่...ท่านก็มักลา-ละ-สละไปจากโลกใบนี้กันไปหมดแล้ว ส่วนเท่าที่เหลืออยู่ อาจด้วยเหตุเพราะท่านเชื้อไวรัสโควิดนั่นแหละ ที่ทำให้โอกาสจะสวมหน้ากาก 2 ชั้น 3 ชั้น เพื่อไปราด ไปรด ไปรินน้ำเย็นๆ ใส่มือ ใส่หลัง ใส่ไหล่ มันคงไม่ถึงกับถนัดมากมายซักเท่าไหร่...

---------------------------------------------------

ด้วยเหตุนี้...สงกรานต์ปีนี้ คงหนีไม่พ้นต้อง แบบบ์บ์บ์แห้งง์ง์ง์ อีกเช่นเคย แต่กระนั้นก็ตามแม้จะมีอุปสรรค มีสิ่งโน้น สิ่งนี้ เป็นตัวขัดขวาง กางกั้น มากบ้าง-น้อยมั่งไปตามสภาพ แต่สิ่งที่เรียกว่า วัฒนธรรม-ประเพณี ยังคงเป็นอะไรที่ฝังราก ฝังลึก อยู่ภายในจิตสำนึกและจิตไร้สำนึกของผู้คนในสังคมแต่ละสังคม เกินกว่าที่จะลบล้าง ลบร่องรอย ให้เลือนหาย เหือดหาย กันไปได้ง่ายๆ

และด้วยเหตุเพราะ สิ่งนี้-สิ่งนี้ นี่เอง...เอกลักษณ์ หรือ อัตลักษณ์ ของสังคมหนึ่งๆ มันจึงได้ถูกถักทอ บูรณาการ จนกลายมาเป็น โครงสร้าง ของสังคมนั้นๆ อันเป็นสิ่งที่มี ลักษณะพิเศษ ผิดแผก แตกต่าง ระหว่างกันและกันอย่างมิอาจปฏิเสธ หรืออาจถือเป็น ความหลากหลายทางชีวภาพ เอาเลยก็ย่อมได้...

-----------------------------------------------------

ดังนั้น...การออกแบบ ดีไซน์ ให้องค์ประกอบต่างๆ ของสังคม ไม่ว่าจะเป็นตัวบทกฎหมาย ระเบียบแบบแผนในการประพฤติและปฏิบัติ ไปจนระบอบการเมือง-การปกครอง ฯลฯ เกิดความสอดคล้อง-เหมาะสมไปกับสังคมนั้นๆ มันเลยคงไม่ต่างไปจากการออกแบบเสื้อผ้า ถุงน่อง รองเท้า เพื่อให้เกิดความสวยงาม สวยหรู ดูดี สวมใส่ได้แบบสบายๆ คล่องเนื้อ คล่องตัว อะไรประมาณนั้น โดยถ้าหากเมื่อไหร่สิ่งซึ่งจะนำมาสวมใส่ มันเกิดคับไป หลวมไป หรือไม่พอดิบ พอดี กับสิ่งที่ถูกถักทอบูรณาการ จนกลายมาเป็น “โครงสร้าง” ของสังคม อย่างเช่นบรรดา วัฒนธรรม-ประเพณี ทั้งหลายแล้ว ปัญหามันก็เลยขึ้นอยู่กับว่า สุดท้าย...จะเลือก ตัดรองเท้า ให้เหมาะสมกับ ตีน หรือจะเลือก ตัดตีน เพื่อให้สวมรองเท้าใหม่ๆ ให้จงได้!!!

---------------------------------------------------

อันนี้นี่แหละ...ที่มันเลยก่อให้เกิด ปัญหา ความขัดแย้ง แปลกแยกและแตกแยกของผู้คนในสังคมเป็นจำนวนมิใช่น้อย โดยเฉพาะระหว่างบรรดา คนรุ่นเก่า กับบรรดา คนรุ่นใหม่ ทั้งหลาย หรือระหว่างผู้ที่เคยถูกหล่อหลอม ถูกถักทอบูรณาการจนเกิดความคุ้นชิน คุ้นเคย ต่อสิ่งที่เรียกว่า วัฒนธรรม-ประเพณี มาตั้งแต่เกิด หรือมาตั้งแต่จำความได้ โดยไม่ว่า วัฒนธรรม-ประเพณี นั้นๆ จะเป็นอะไรที่เชยซ์ซ์ซ์แสนเชยซ์ซ์ซ์ ดี-ไม่ดี น่าเคารพยกย่อง-หรือน่าดูหมิ่น ดูแคลน ตามมาตรฐานใดๆ ก็แล้วแต่ที่จะสรรหามาเป็นตัวกำกับ แต่ถ้าลองให้ถึงกับต้องลงทุน ตัดตีน เพื่อหาทางใส่รองเท้าแบบใหม่ให้จงได้ แม้รองเท้าเหล่านั้น...จะเป็นอะไรที่ดูเก๋ ดูเท่ ดูดีเพียงใดก็แล้วแต่ แต่มันออกจะเป็นอะไรที่เจ็บปวด รวดร้าว เกินกว่าจะรับได้ สู้หันมาตัดรองเท้าให้เหมาะสมกับฝ่าตีนในแต่ละแบบ แต่ละคู่ น่าจะเข้าท่ากว่าเป็นไหนๆ...

----------------------------------------------------

ความมุ่งมั่นและเพียรพยายามของบรรดา คนรุ่นใหม่ ทั้งหลาย...ในอันที่จะตัดตีน คนรุ่นเก่า ในแต่ละราย เฉือนส้นเท้าทิ้ง ตัดนิ้วหัวแม่โป้ง ตัดนิ้วก้อย หรือพยายามห่อเท้า มัดเท้า เพื่อให้สามารถยัดลงไปในรองเท้าไนกี้ อาดิดาส ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ให้จงได้ ชนิดไม่คิดจะให้นับญาติ นับมิตร ไม่ต้องมีพี่-มีเชื้อ มีอาวุโส มีครูบาอาจารย์ ฯลฯ อันถือเป็นภาพสะท้อนของความเหลื่อมล้ำ ต่ำสูง ความเป็น ศักดินา อะไรทำนองนั้น ไม่คิดจะให้ ยิ้มสยาม ใดๆ กันอีกต่อไป เพราะอาจเป็นตัวสะท้อนความสมองโล่ง สมองกลวง ไปจนถึงการคิดปฏิรูปโน่น ปฏิรูปนี่ ฯลฯ อันที่จริงอาจถือเป็นความกล้าหาญและความเสียสละอยู่บ้าง สำหรับบรรดาผู้ที่ บริสุทธิ์ใจ ทั้งหลาย แต่ก็นั่นแหละ...การไม่คำนึงถึงข้อเท็จจริง ความจริงทางสังคม ที่มันต้องมี อดีต มันถึงจะมี ปัจจุบัน และ อนาคต ปรากฏเป็นตัวเป็นตนขึ้นมาจริงๆ มันเลยทำให้บรรดาความขัดแย้ง แปลกแยก ในลักษณะดังกล่าว ต้องกลายเป็น ความแตกแยก ขึ้นมาจนได้...

-----------------------------------------------------

และดูเหมือนว่า สังคมไทย ของบรรดาหมู่เฮา ชาวไทยแลนด์ แดนสยามทั้งหลายทุกวันนี้...หนีไม่พ้นต้องเดินหน้าเข้าสู่ โหมดแห่งความขัดแย้ง-แตกแยก ในลักษณะทำนองนี้ อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ ไม่ว่าจะโดยผ่านกระบวนการ เลือกตั้ง ตั้งแต่ระดับเล็กๆ ระดับ อบต.-อบจ. ไปจนถึงผู้ว่าฯ กทม. หรือแม้กระทั่ง เลือกตั้งทั่วไป ที่จะอุบัติขึ้นมาในปีนี้ ปีหน้าก็แล้วแต่จะว่ากันไป โดยภายใต้ความขัดแย้งดังกล่าว ยังหนีไม่พ้นต้องถูกสอดแทรก ถูกยักย้าย ถ่ายเท ถูกแมนิพิวเลท โดยอำนาจและอิทธิพลของบรรดาผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการผลิตรองเท้ารุ่นใหม่ๆ อย่างชนิดเป็นงาน เป็นการ เป็นระบบและกิจการซะอีกด้วย...

------------------------------------------------------

โดยบรรดาความขัดแย้งเหล่านี้นี่เอง...ที่จะกลายเป็นตัว กำหนดสังคมไทย ในอนาคตเบื้องหน้า ว่าจะเป็นไปในรูปไหน? แบบไหน? ถึงเวลาแล้วหรือยัง??? ที่บรรดา ทวยไทย ทั้งหลายจะต้องถูกบังคับ ถูกกดดัน ถูกชี้แนะ ชี้นำ ให้ต้องหันมา ตัดตีน เพื่อให้เข้ากับรองเท้าคู่ใหม่ๆ แบบใหม่ ให้จงได้ หรือยังสามารถลากเกี๊ยะ ลากรองเท้าแตะ หรือเดินเท้าเปล่าๆ แบบที่เคยเดินๆ กันมาตามท้องนา-ท้องไร่ซะจนเคย อันนี้...เอาเข้าจริงๆ แล้ว คงไม่ได้ขึ้นอยู่กับกฎหมาย ระเบียบแบบแผนในการปฏิบัติ หรือระบอบการเมือง-การปกครองใดๆ เอาเลยก็ว่าได้ แต่ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า วัฒนธรรม-ประเพณี นั่นเอง ว่ายังคงมีฤทธิ์ มีเดช มีอานุภาพมากพอ ที่จะทำให้ อดีต และ ปัจจุบัน สามารถเชื่อมต่อไปสู่ อนาคต เบื้องหน้า ได้อย่างนุ่มนวล ประณีต และละเอียดอ่อนมาก-น้อยเพียงใด???

-------------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก John Gardner... “History never looks like history when you are living through it. – ประวัติศาสตร์ย่อมดูไม่เหมือนประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะเมื่อเรากำลังใช้ชีวิตอยู่ในช่วงระยะนั้น...”

-------------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น