ว่าด้วยพรรคสร้างอนาคตไทย

เห็นว่าได้เริ่ม เปิดตัว ไปแล้ว...อย่างเป็นกิจจะลักษณะ เมื่อช่วงวันพุธ (20 เม.ย.) ที่ผ่านมา สำหรับพรรคการเมืองน้องใหม่อย่างพรรค สร้างอนาคตไทย ของ สี่กุมาร ที่ ถูกถีบ ออกมาจากรัฐบาล เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา และที่น่าสนใจ น่าคิดสะกิดใจ อยู่บ้างตามสมควร คือการไม่ต้องเสียเวลา แอบจิต อีกต่อไป ในการนำเสนอ ว่าที่นายกรัฐมนตรี รายใหม่ นั่นคืออดีตรองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กันแบบชัดๆ จะจะ...

-----------------------------------------------------

คือสำหรับท่านอดีตรองนายกฯ สมคิด ที่บางรายเคยเรียกขาน เคยให้ฉายา ในนาม ป๋าดัน อะไรทำนองนั้น ในฐานะที่ออกจะเชี่ยวชาญในการผลัก การดัน ให้เกิดแรงกระตุ้น แรงผลักดันในทางเศรษฐกิจอย่างเป็นพิเศษ คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า โดยบุคลิก ลีลา โดยวาสนาอาการของท่านนั้น

ออกจะมี ตบะ และ บารมี อยู่พอสมควรเหมือนกัน หรือถ้าว่ากันโดย รูปมวย โดยตำแหน่ง มือวาง น่าจะจัดอยู่ในประเภทมี ออปชัน พอที่จะก้าวขึ้นไป ท้าชิง หรือ ชิงแชมป์ กับใครต่อใคร รุ่นไหนต่อไหน ได้อย่างสมน้ำ สมเนื้อ หรือถ้าหากเป็นแวดวงเทนนิส ก็คงประมาณ มือวาง อันดับต้นๆ ไม่ต่ำไปกว่าอันดับ 8 โดยเด็ดขาด...

----------------------------------------------------

โดยเฉพาะในแง่ความอดทน อดกลั้น พร้อมที่จะ กลืนเลือด ตัวเองได้เสมอๆ...ไม่ว่าต้องอยู่ภายใต้ร่มไม้ชายคาของคุณพี่ โทนี่-โทนาฟ มาตั้งแต่แรก หรือกระทั่งมาบังแดด-บังฝน อยู่กับท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา แม้ต้องเจอกับแรงกด แรงดันที่มีลักษณะผิดแผก แตกต่างกันไปในแบบไหนในลักษณะไหน โอกาสที่จะได้ยินเสียงบ่น เสียงระบาย จากอดีตนักธุรกิจหรือนักการเมืองรายนี้แทบเป็นไปไม่ได้ เรียกว่า...ไม่ว่าจะ ถูกถีบ หรือ ถูกงับ-ถูกแง้บ ประการใดก็แล้วแต่ ท่านรองนายกฯ ป๋าดัน ท่านก็พร้อมที่จะกลืนเลือดได้เสมอๆ ไม่คิดจะโต้ตอบ แสดงอากัปกิริยาความไม่พออก-พอใจใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย พูดง่ายๆ ว่า...น่าจะถือเป็นผู้ที่ สอบผ่าน ในแง่ ขันติธรรม ได้พอสมควร...

--------------------------------------------------------

หรือสรุปได้ว่า...เป็นผู้ที่พร้อมจะ ทำงานใหญ่ หรือมีขีดความสามารถพอที่จะแบกรับภาระระดับหนักหนา-สาหัส ได้อย่างไม่ถึงกับต้องตั้งข้อสงสัย อีกทั้งด้วยความระมัดระวังไม่ว่าทั้งในแง่คำพูด-คำจา หรือการประพฤติ-ปฏิบัติ ไม่ให้เลยกรอบ ออกนอกกรอบมาโดยตลอด ไม่ว่าจะภายใต้การบังคับบัญชาของผู้กำหนดกรอบรายใดก็แล้วแต่ ไปจนถึงกรอบประเพณีทางสังคม การเปลี่ยนค่าย ย้ายค่าย หรือเปลี่ยนวิถีทางการเมือง จากค่ายหนึ่งไปสู่ค่ายหนึ่ง จากฟากหนึ่งไปสู่อีกฟากหนึ่ง เลยไม่ถึงกับน่าเกลียด น่าสยดสยอง น่าขนลุกขนพองมากมายซักเท่าไหร่ หรือออกจะเป็นอะไรที่ไหลลื่น ไม่ถึงกับขัดแย้ง แปลกแยก กับ จุดยืน เท่าที่เคยมีมา ไม่ว่าเมื่อครั้งยังเป็นครูบาอาจารย์ หรือผันตัวมาเป็น นักการเมือง ก็ตามที...

-------------------------------------------------------

ส่วนในแง่ของฝีไม้-ลายมือ หรือขีดความสามารถ...ถ้าว่ากันในแง่พวก เศรษฐศาสตร์กระแสหลัก ท่านคงไม่ถือเป็นสองรองใครอยู่แล้วแน่ๆ คือเป็นผู้เก่งในการกระตุ้น ในการผลัก การดัน จนได้รับสมญานามว่า ป๋าดัน อย่างมิมีใครคิดปฏิเสธ ด้วยเหตุนี้จึงสามารถไปกันได้ด้วยดี ไม่ว่ากับคุณพี่ โทนี่-โทนาฟ หรือแม้แต่กับท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา ที่ออกจะถนัดในการ ถือปืน-แบกปูน-ไปโบกตึก ก็ตามที แต่ก็นั่นแหละ...ในโลกทุกวันนี้ หรือโลกในอนาคตเบื้องหน้า ที่มักทำให้บรรดาพวก กระแสหลัก ทั้งหลาย ล้วนแล้วแต่ ตกม้าตาย กันชนิดรายแล้ว รายเล่า สิ่งเหล่านี้...ก็ยังต้องถือเป็น คำถาม ถึงความเหมาะ ความควร ในฐานะ ว่าที่นายกรัฐมนตรี รายใหม่อยู่ตามสมควรเหมือนกัน...

---------------------------------------------------

แต่โดยสรุปรวมความแล้ว...การที่ สี่กุมาร แห่งพรรค สร้างอนาคตไทย พร้อมที่จะนำเสนอให้ท่านก้าวขึ้นสู่รายการ แชมป์ชิงแชมป์ แบบชนิด สว่างจิต ไม่จำเป็นต้อง แอบจิต อีกต่อไป ก็ต้องถือว่ามี ระดับราคา หรือพอมี ราคาต่อรอง ที่มิอาจ ดูเบา ได้ง่ายๆ โดยเฉพาะถ้าหากฉากสถานการณ์ในอนาคตเบื้องหน้า กลายเป็นตัวเพิ่มน้ำหนักให้กับ เศรษฐกิจ เป็นเบื้องหลัก ในขณะที่ การเมือง อาจต้องเจอกับการหาจุดลงตัว หาข้อยุติ ได้ยากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ อันเนื่องมาจากต่างฝ่ายต่างเละเป็นขี้-เละเป็นโจ๊กไปด้วยกันทั้งสิ้น...

----------------------------------------------------

แต่ก็นั่นแหละ...ในแง่ของความเป็น ของใหม่ เป็น พรรคการเมืองใหม่ โอกาสที่จะวางขายอะไรต่อมิอะไรในท้องตลาด มันคงไม่ถึงกับง่ายกันซักเท่าไหร่นัก แนวโน้มที่จะผงาดขึ้นมาเป็น เบอร์หนึ่ง ไม่ต้องเป็น เบอร์สอง รองใคร เหมือนอย่างเท่าที่เคยเป็นมา ของท่านรองนายกฯ สมคิด จึงน่าจะอยู่ที่ประมาณซัก 20-30 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่น่าจะเกินไปกว่านั้น เพราะที่ยังมาแรง แซงโค้ง อยู่ใน ตลาดการเมือง ทุกวันนี้ น่าจะยังเป็นประเภท หน้าเก่า-หน้าเดิม นั่นแหละเป็นหลักใหญ่ ด้วยเหตุเพราะไม่ว่าจะปฏิวัติแล้ว-ปฏิวัติอีก ปฏิรูปแล้ว-ปฏิรูป หรือฉีกรัฐธรรมนูญแล้ว-ฉีกรัฐธรรมนูญอีก แต่อะไรก็ตามที่ถูกเขียนขึ้นมาใหม่ เปลี่ยนใหม่ ปรับใหม่ มันก็ยังคงต้องเป็นไปในทิศทางเดิมๆ อยู่อีกเช่นเดิมนั่นแล...

--------------------------------------------------

ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้...จาก Michael D. Eisner... Recovering from failure is often easier than building from success. – การฟื้นตัวจากความล้มเหลว...มักจะง่ายกว่าการสร้างตัวจากความสำเร็จ...”

-------------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ว่ากันไปเรื่อยๆ!!!

เห็นว่า...ตั้งแต่สัปดาห์หน้า วันที่ 1 มิ.ย. บรรดา ขาเฮ และ ขาหื่น ทั้งหลาย

ว่าด้วย...อนาคตของ “บิ๊กตู่”

หมู่นี้รู้สึกว่า...เสียงด่า เสียงทอ ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ของหมู่เฮา น่าจะซาๆ ไปพอสมควร จะด้วยเหตุเพราะใครต่อใครหันไปสนใจเรื่องอื่น