เปิดประเทศฉลุย

หลังจากที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ได้ประกาศการผ่อนคลายมาตรการการเดินทางเข้าประเทศให้กับผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่ไม่ต้องมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ก่อนการเดินทางเข้าประเทศ หรือเดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว โดยให้มีการแสดงหลักฐานการรับวัคซีนครบโดสก็สามารถที่จะเดินทางในประเทศไทยได้ หลังจากที่ปัจจุบันโควิด-19 มีแนวโน้มคลี่คลายลง

แน่นอนว่าประตูบานแรกที่นักท่องเที่ยวได้เหยียบถึงพื้นคือ "สนามบินสุวรรณภูมิ" ซึ่งจะต้องเตรียมความพร้อมอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเยือนยังประเทศไทย โดยวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พร้อมทั้งผู้บริหารที่เกี่ยวข้อง

ได้ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมตามนโยบายเปิดประเทศของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีความพร้อมแล้วในการรองรับผู้โดยสารระหว่างประเทศที่จะเดินทางมายังประเทศไทยในทุกด้าน ทั้งกระบวนการคัดกรอง การให้บริการผู้โดยสาร อาคารจอดรถ และการให้บริการขนส่งสาธารณะ

ขั้นตอนเตรียมการรองรับนักท่องเที่ยวนั้น กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ประสานงานสายการบิน เพื่อประชาสัมพันธ์ขั้นตอนการเดินทางเข้าประเทศไทยบนสายการบิน สร้างความเข้าใจให้ผู้โดยสารปฏิบัติตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง พร้อมทั้งจัดทำป้ายประชาสัมพันธ์ ป้ายบอกทางภายในท่าอากาศยาน รวมทั้งจัดเสากั้นทางเดินในพื้นที่อาคารผู้โดยสารเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และจัดเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำช่วยเหลือ โดยต้องดำเนินการให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกและเกิดความประทับใจ

คงต้องบอกว่าเราต้องเดินหน้าต่อไป การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว ไม่ว่าจะเป็นภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมการบิน และด้านท่องเที่ยว โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยวที่ได้สร้างเม็ดเงินอย่างมหาศาล แต่เมื่อทั่วโลกรวมถึงไทยเราต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 นำมาซึ่งหายนะ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องหยุดชะงักลง ทั่วโลกตัดขาดซึ่งการเดินทาง ถือเป็นเวลาเกือบสามปีที่ผู้คนทั่วโลกต้องอยู่กันอย่างเหมือนโดนแช่แข็ง ทุกธุรกิจ ทุกอุตสาหกรรมก็เช่นเดียวกัน

ดังนั้นคงจะไม่มีข้อโต้แย้งว่า การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวครั้งนี้จะมีผลเสียมากกว่าผลดี ดูได้จากข้อมูลรายละเอียดจากบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ที่ได้รายงานตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เริ่มหลั่งไหลเดินทางเข้ามายังประเทศไทยตั้งแต่วันแรกตามนโยบายเปิดประเทศ คือ วันที่ 1 พ.ค. พบว่ามีผู้โดยสารรวม 20,606 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารชาวไทย 3,290 คน และชาวต่างชาติ 17,316 คน ขณะที่วันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมามีจำนวนผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศทั้งหมด 16,535 คน ส่วนวันที่ 3 พ.ค. คาดว่าจะมีผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ 16,681 คน และวันที่ 4 พ.ค. คาดว่าจะมีผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ 17,770 คน 

ขณะเดียวกันเพื่อไม่ให้เกิดช่องว่าง ทอท.เตรียมพร้อมเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสาร (SAT 1) ไว้ด้วย เพื่อรองรับผู้โดยสารหากมีการเดินทางกลับมาอย่างก้าวกระโดด ซึ่งเดิม ทอท.มีแผนจะเปิดให้บริการในปี 66 แต่คาดว่าช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ (ต.ค.-พ.ย.) เป็นฤดูกาลท่องเที่ยว การเดินทางอาจจะกลับมาใกล้เคียงกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 เมื่อปี 2562 และคาดปี 2566 จะมีปริมาณผู้โดยสารกลับมาปกติเท่ากับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งจะเป็นข่าวดีกับทุกภาคส่วนในไทย โดยจะส่งผลให้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ของคนไทย ก็หวังว่าภาคการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจจะฟื้นตัวโดยเร็วไว ขอปรบมือรัวๆ ให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ขณะเดียวกันสิ่งที่ขาดไม่ได้คือความปลอดภัยต้องมีความพร้อมตลอดเวลา อย่าทำแค่วัวหายแล้วล้อมคอก เกิดเหตุแล้วถึงมาสั่งป้องกันคุมเข้ม เหมือนกับเหตุการณ์เช่นเมื่อวันที่ 3 พ.ค.2565 เวลา 11.53 น. ที่มีผู้บุกรุกเขตการบิน โดยใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ได้เข้ามาทางช่องทางที่ 3 มีการใช้อาวุธปืนปลอมและขวานขู่เจ้าหน้าที่

แม้จะไม่มีใครบาดเจ็บ แต่นั่นก็หมายถึงมาตรฐานความปลอดภัยอยู่ที่ไหน แล้วอย่างนี้จะให้นักท่องเที่ยวเชื่อมั่นในความปลอดภัยได้อย่างไรกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร

ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด

เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย

ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน

เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย

อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP

อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ

ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย

ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า