ตำรวจ ‘คฝ.’ ขอร้อง

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มี “ตำรวจ คฝ.” หรือตำรวจกองร้อยควบคุมฝูงชน ซึ่งเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย ส่งเสียงมาขอให้ช่วยเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึก สะท้อนควาเดือดร้อนของ “ลูกน้อง” ส่งไปให้ “นาย” ส่งไปให้ “ผู้บังคับบัญชา” ได้รับรู้ รับทราบกันบ้าง

เรื่องมีอยู่ว่า ตอนนี้ม็อบกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหวกันมากขึ้น โดยเฉพาะ “ม็อบทะลุแก๊ส” ที่กลับมาป่วน กลับมาสร้างความรุนแรง

แยกสามเหลี่ยมดินแดงอีกครั้ง!!!

หลังหายเงียบไปหลายเดือน พอมาคราวนี้ก็ออกมาเหมือนเดิม ออกมาป่วน ออกมาเคลื่อนไหว มีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง

และดูเหมือนว่าท่าทางจะลากยาวเป็นรายวันอีกครั้ง

ทำให้ “ผู้บังคับบัญชา” มีการสั่งการให้นำกำลังตำรวจจาก ภูธรภาค 1 ภูธรภาค 2 ภูธรภาค 7 และ ตชด. เข้ามาเสริมกำลังตำรวจนครบาล

ที่สำคัญมีการสั่งเพิ่มจำนวนตำรวจที่จะต้องมาปฏิบัติหน้าที่เป็นกองร้อยควบคุมฝูงชน จากเดิมกองร้อยละ 155 นาย เป็น 170 นาย

นอกจากนี้ยังเพิ่ม “ชุดปฏิบัติการตอบโต้” โดยให้แต่ละภูธรจังหวัดจัดกำลังจังหวัดละ 3 ชุด ชุดละ 12 นาย เข้ามาเสริมอีก

เรียกว่าจัดเต็มกันเลยทีเดียว เบ็ดเสร็จแต่ละภูธรจังหวัดจะต้องใช้กำลังชุด คฝ. และชุดตอบโต้ทั้งหมด 340 + 36 = 376 นาย

ดูผ่านๆ แล้วหากไม่คิดอะไรมาก ก็เป็นการระดมกำลังตามหน้างาน ตามภารกิจ ตามสถานการณ์ การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ

แต่หากพิจารณาลงไปในรายละเอียด เอาง่ายๆ คิดซะว่า ภูธรจังหวัดหนึ่งมีโรงพักอยู่ในสังกัด 15 โรงพัก การที่จะทำให้มีกำลังพลเพียงพอสำหรับชุด คฝ.และชุดตอบโต้ จะต้องเอากำลังตำรวจมาโรงพักละ 25 นาย

ลำพังในปัจจุบันแทบจะไม่มีกำลังเพียงพอในการปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่อยู่แล้ว

หากผู้บังคับบัญชามีนโยบายส่งกำลังเข้าไปช่วยสนับสนุนนครบาล จะเหลือกำลัง “ตำรวจ” ในการปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่กี่นาย

แค่เรื่องการจัดกำลังที่ว่าจะส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่หลักแล้ว ยังมีเรื่องงบประมาณที่จะต้องใช้ในการสนับสนุนการปฏิบัติตามมาอีกหลายประเด็น

ทั้งเรื่องค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเดินทาง ค่าที่พัก ค่ายานพาหนะขนส่ง ที่แต่ละครั้งที่สั่งใช้กำลังก็แทบไม่เคยมีการสนับสนุนงบประมาณใดๆ จากหน่วยเหนือมาสนับสนุนเลย

ดูจากในช่วงนี้มีการสั่งให้ทำการฝึกกองร้อย คฝ.ในสังกัด โดย ตร.จัดงบประมาณสนับสนุนมาเพียงภูธรจังหวัดละ 20,000 บาท เฉลี่ยหัวละไม่ถึง 58 บาท

เอาแค่ค่าข้าวก็แทบไม่พอกินแล้ว!!!

อยากฝากไปถึงผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. ว่าเคยพิจารณาถึงเรื่องพวกนี้บ้างหรือไม่

เคยคำนึงถึงสิทธิสวัสดิการของตำรวจชั้นผู้น้อยบ้างหรือไม่ หรือคิดเพียงต้องการเอาอก ต้องการเอาใจ “ผู้มีอำนาจ” เท่านั้น

ครับ...สะท้อนความรู้สึกจากลูกน้องให้แล้ว ส่วน “นาย” ได้รับรู้ ได้รับทราบ หากกรีดเลือดออกมาเป็น “สีกากี” เหมือนกัน ก็น่าจะแก้ไขคลายความทุกข์ให้ “ลูกน้อง” หน่อยก็ดี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รอง ผบ.ตร.' ขาดแคลน

นี่ซิ...วงการ "สีกากี" ไม่ทันที่ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. จะเก็บของออกจากห้องทำงานหมด หลัง บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ปิดฉาก'ผบ.ต่อศักดิ์'

ชัดเจนแบบไม่ต้องเดา ไม่ต้องคาดการณ์ การแต่งตั้ง "นายพล" วาระประจำปี 2567 ปลายปีนี้ ผู้ที่มีอำนาจจัดทำบัญชีแต่งตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. อย่างแน่นอน!!!

ทิศทางสีกากีเปลี่ยน!

พอทุกอย่างลงตัว คลื่นลมสงบ สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หมายเรียกหมายจับ เริ่มขับเคลื่อนไปตามกระบวนการยุติธรรม ทิศทาง "สีกากี" ก็เลยชัดเจน แจ่มแจ้ง

บ่อนกับตำรวจ

เห็นท่าทีขึงขัง เอาจริงเอาจัง ในการปราบปรามการพนันทั้งแบบ "ออนไลน์" และแบบ "บ่อนพนัน" ของ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการแทน ผบ.ตร. ถึงขนาดมีนโยบายชัดเจน

เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' เปลี่ยน!

มีสัญญาณที่น่าสนใจ ที่น่าจับตา ภายในรั้ว "กรมปทุมวัน" หลังจากนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งเด้งแพ็กคู่ 2 นายพล ทั้ง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และบิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

แฉมาตายหมู่!

ช่วงนี้ขออนุญาตไม่รับนัดใคร ไม่ขอไปไหนไกลเกิน 2 ลี้ เดี๋ยวลุกจากเก้าอี้แถวหน้าเวทีมหกรรมแห่งการแฉ "แวดวงสีกากี" แล้วจะเสียม้า เสียที่ ไม่ได้ยินเรื่องราวเต็มสองหู ไม่ได้เห็นด้วยตาแบบชัดๆ