ถ้าเป็นไปตามแผนจริง ประธานาธิบดีของอินโดนีเซียจะเป็นผู้นำเอเชียคนแรกที่สร้างประวัติศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศในภาวะสงครามยูเครนเลยทีเดียว
นั่นคือจะไปเยี่ยมคู่กรณีสงครามถึงบ้าน
เพราะข่าวบอกว่าประธานาธิบดี Joko Widodo หรือ “โจโกวี” เตรียมจะเดินสายไปเยือนกรุงมอสโคของรัสเซียและกรุงเคียฟของยูเครนในสัปดาห์ที่จะถึงนี้
เพื่อปรึกษาหารือในการที่อินโดนีเซียจะเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอด G-20 ในเดือนพฤศจิกายนนี้
เป็นช่วงใกล้กันกับที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพประชุมสุดยอด APEC เหมือนกัน
ผมเชื่อว่านายก ฯประยุทธ์ จันทร์โอชา ของไทย ก็มีปัญหาคล้ายกับผู้นำอินโดนีเซีย
นั่นคือหากสงครามยูเครนลากยาวไปถึงสิ้นไป จะทำอย่างไรกับคำเชิญที่จะไปถึงผู้นำโลกที่เป็นคู่ขัดแย้งกันอยู่ขณะนี้
ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ได้ใช้วิธีการกดดันขอไม่ให้อินโดฯ เชิญปูตินแห่งรัสเซียไปร่วมประชุม G-20
แต่โจโกวีเห็นว่าไม่ควรจะถูกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากำหนดว่าเจ้าภาพควรจะเชิญใครหรือไม่เชิญใคร
เพราะหน้าที่เจ้าภาพคือการประสานให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันหาทางแก้ปัญหา
และการประชุม G-20 เป็นเรื่องความร่วมมือทางเศรษฐกิจสังคม
ไม่ควรให้สงครามยูเครนกลายเป็นอุปสรรคของการพบปะหารือของผู้นำระดับโลก
ว่าแล้ว โจโกวีก็ออกข่าวว่าได้เชิญปูตินมาร่วมด้วยแล้ว และท่านผู้นำรัสเซียก็ออกข่าวผ่านช่องทางของตัวเองว่ามีความประสงค์จะมาร่วมประชุมที่บาหลีของอินโดฯ ในปลายปีนี้ด้วย
โจโกวีรู้ว่าการออกข่าวว่าเชิญปูตินมาร่วมด้วยนั้นมีความเสี่ยงสำหรับเจ้าภาพ
เพราะมีความเป็นไปได้ว่าสหรัฐฯ กับยุโรปตะวันตกอาจจะ “คว่ำบาตร” การประชุมนี้ โดยประกาศไม่มีร่วมถ้าหากปูตินมา
โจโกวีทำอย่างไร?
ในฐานะเป็นประเทศใหญ่ มีประชากรกว่า 270 ล้านคน จะให้ถูกมองว่าถูกสหรัฐฯ กดดันจนทำอะไรไม่ถูกไม่ได้
จึงออกข่าวว่านอกจากจะเชิญปูตินแล้วก็จะเชิญประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครนมาด้วย
เพื่อแสดงความเป็นเจ้าภาพที่ไม่รังเกียจฝ่ายใดในความขัดแย้งนี้
แต่ผู้นำอินโดฯ ไม่ยอมให้เรื่องราวก็ยังคาราคาซังอยู่อย่างนี้ไปจนถึงสิ้นปี
โจโกวีตัดสินใจจะแสดงความเป็นผู้นำทางด้านการทูตนานาชาติด้วยการ “เดินสาย” ไปทุกจุดเพื่อจะได้ป่าวประกาศจุดยืนของอินโดฯ
เป็นการเดินเกมการทูตเชิงรุก ไม่ยอมตั้งรับอยู่ที่บ้าน คอยให้มหาอำนาจมากดดันรอบด้าน
จึงเป็นที่มาของข่าวว่าโจโกวีจะบินไปยังยูเครนและรัสเซียเพื่อพบกับผู้นำของแต่ละประเทศในปลายเดือนนี้
นี่ไม่ใช่แค่ข่าวลือหรือข่าวปล่อย แต่มาจากรัฐมนตรีต่างประเทศของอินโดนีเซีย Retno Marsudi ที่ยืนยันกับนักข่าวว่าประธานาธิบดีอินโดฯ จะไปเยือนกรุงเคียฟเพื่อพบกับประธานาธิบดี Volodymyr Zelenskyy ของยูเครนและมอสโกเพื่อพบกับประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin
แต่โจโกวีไม่ได้อยู่ดีๆ ก็บินไปหาคู่กรณีสงครามเฉยๆ
เขารู้ว่าจะต้องปรึกษาหารือกับผู้นำทางโลกตะวันตกเสียก่อนเพื่อไม่ให้ใครในค่าย NATO และ EU หรือสหภาพยูโรปต้องเกิดข้อสงสัยว่าอินโดฯ กำลังจะเล่นเกมอะไร
ด้วยเหตุนี้ก่อนจะบินไปหาคู่ต่อสู้ในสงคราม โจโกวีก็เข้าร่วมประชุม Group of Seven หรือ G-7 ที่เยอรมนีเสียก่อน
การประชุมของ G-7 มีขึ้นในช่วงวันที่ 26-27 มิถุนายนนี้
ส่วนการประชุมสุดยอดของ NATO ที่มาดริด ประเทศสเปน, จะตามมาวันที่ 29-30 มิถุนายน
โจโกวีคงมาพบปะกับผู้นำด้านตะวันตกเพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนที่จะบินไปหาปูตินและเซเลนสกี
“ประธานาธิบดี Jokowi จะเป็นผู้นำเอเชียคนแรกของเอเชียที่ไปเยือนทั้ง 2 ประเทศท่ามกลางความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่” รัฐมนตรีต่างประเทศมาร์ซูดีกล่าวในการบรรยายสรุปผ่านสื่อออนไลน์วันก่อน
เธอบอกว่า “แม้ว่าสถานการณ์จะยากและปัญหาก็ซับซ้อน…ประธานาธิบดี Jokowi ได้ตัดสินใจที่จะพยายามมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา และไม่ยอมอยู่เฉย”
รัฐมนตรีต่างประเทศบอกด้วยว่า โจโกวีจะให้ความสำคัญกับการจัดการบริหารวิกฤตการณ์ด้านมนุษยธรรมและด้านอาหารระหว่างการเยือนพร้อมๆ กับการเรียกร้องสันติภาพด้วย
ในจังหวะเวลาเดียวกันนั้น สำนักข่าว Tass ของรัสเซียอ้างแหล่งข่าวของทำเนียบประธานาธิบดี หรือเครมลิน ยืนยันว่าประธานาธิบดีอินโดนีเซียจะไปเยือนมอสโกในวันที่ 30 มิถุนายน
“นี่จะเป็นการเยือนที่สำคัญมาก เรากำลังเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้” แหล่งข่าวกล่าว
พร้อมเสริมว่า รัสเซียจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G-20 ที่บาหลี “อย่างแน่นอน”
ผมสนใจเกมการทูตของโจโกวีเป็นพิเศษ เพราะเท่ากับว่าวิกฤตระดับโลกครั้งนี้เปิดทางให้ผู้นำของเอเชียอย่างเขาสามารถพลิกสถานการณ์ให้มีบทบาทที่ไม่เคยมีโอกาสได้เล่นมาก่อน
แต่เมื่อดูเหมือนว่าตัวละครหลักในวิกฤตครั้งนี้จะเข้าสู่ “ทางตัน” เพราะไม่มีใครยอมใคร และต่างฝ่ายต่างมีเงื่อนไขที่ยอมอีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้
ผู้นำจากอาเซียนอย่างอินโดนีเซียก็ย่อมจะมีสิทธิ์สวมบทบาทของ “ผู้ไกล่เกลี่ย” ได้อย่างแนบเนียนเช่นกัน
จึงสมควรที่ไทยกับอินโดนีเซียในฐานะเจ้าภาพประชุมสุดยอด G-20 และ APEC ในปลายปีนี้จะประสานกิจกรรมทางการทูตร่วมกันเพื่อทำหน้าที่เป็น “สะพาน” และ “ผู้อำนวยความสะดวก” เพื่อคลี่คลายวิกฤตระดับโลกคราวนี้
สำเร็จหรือไม่เพียงใดไม่สำคัญเท่ากับว่าเราต้องแปรวิกฤตครั้งนี้เป็นโอกาสให้จงได้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


