ความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดีอาระเบียกับสหรัฐมีเอกลักษณ์เฉพาะถ้ามองจากมุมความเป็นผู้นำในโลกของตนเอง
นโยบายความเป็นเจ้า:
เป้าหมายสำคัญที่รัฐบาลสหรัฐยึดถือตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คือ สหรัฐครองความเป็นเจ้า (U.S. hegemony) อาจใช้คำอื่นๆ เช่น ผู้รักษาระเบียบโลก โดยรวมคือสหรัฐมีอิทธิพลเหนือชาติอื่นๆ และไม่ปรารถนาเห็นประเทศอื่นๆ ขึ้นมาแข่งบารมี
บางครั้งพูดชัดเจน เช่น ค.ศ.1991 เมื่อสิ้นสหภาพโซเวียต ประธานาธิบดี George H. W. Bush ประกาศว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศก้าวเข้าสู่ระเบียบโลกใหม่ (new world order) หลักยึดใหม่ของกระทรวงกลาโหมที่ว่า ประเทศ/ตัวแสดงใดที่มีศักยภาพเป็นภัยคุกคามถือว่าเป็นปรปักษ์
ภาพ: ผู้นำซาอุฯ กับผู้นำสหรัฐ
ภายใต้นิยามดังกล่าวสามารถระบุปรปักษ์ของรัฐบาลสหรัฐได้ทันที
มิถุนายน 2022 วลาดีมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ผู้นำรัสเซียกล่าวว่า นับจากสิ้นสงครามเย็น สหรัฐกลายเป็นอภิมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียว พวกชนชั้นนำตะวันตกคิดว่าพวกเขาควบคุมได้ คิดว่าระบบโลกที่ตะวันตกเป็นผู้ควบคุมจะคงอยู่ต่อไป พยายามควบคุมประเทศอื่นๆ แต่ถูกท้าทายเมื่อบางประเทศพัฒนาเติบใหญ่ขึ้นมา
ด้านมุมมองของคนอเมริกัน ผลสำรวจของ YouGov เมื่อต้นปี 2021 ระบุว่าคนอเมริกันที่ภาคภูมิใจในประเทศมักให้เหตุผลว่าเป็นเพราะสหรัฐเป็นประเทศที่มีเสรีภาพ ยิ่งใหญ่ที่สุด เป็นผู้นำในเวทีโลก
แนวคิดสหรัฐเป็นผู้นำโลกหรือเป็นผู้นำโลกเสรีเป็นที่รับรู้กันทั่วไปไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม
ผู้นำโลกมุสลิม:
นานมาแล้วที่ทางการซาอุฯ ประกาศว่าตนเป็นผู้นำกลุ่มประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นผู้ปกป้องผลประโยชน์ของโลกอาหรับ
นับจากปี 1986 เป็นต้นมา กษัตริย์ซาอุฯ จะเรียกตนว่า “ผู้พิทักษ์แห่งสองมัสยิดศักดิ์สิทธิ์” (Custodian of the Two Holy Mosques) ระบุบทบาทของพระองค์ในฐานะผู้นำมุสลิมและไม่ใช่ผู้นำมุสลิมซาอุฯ เท่านั้นแต่เป็นผู้นำมุสลิมโลก
มีนาคม 2022 คำพูดของมกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน (Mohammed bin Salman) สรุปได้ความว่า ซาอุฯ จะปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ตามแนวทางอิสลาม คงอยู่คู่อิสลาม ยึดมั่นหลักศาสนาอย่างถูกต้องไม่บิดเบือน กำลังพัฒนาให้ทันสมัยและมีบทบาทในโลกมุสลิมต่อไป
ประเด็นจากจุดยืนที่แตกต่างของผู้นำ 2 โลก:
ประการแรก จะยอมให้อิสลามอยู่ใต้อำนาจรัฐบาลสหรัฐได้อย่างไร
ด้วยเหตุผลความเป็นผู้นำโลกมุสลิม ถ้าวิเคราะห์ในเชิงหลักการรัฐบาลซาอุฯ ไม่อาจประกาศว่าตน “อยู่ใต้อำนาจ” รัฐบาลสหรัฐ ได้แค่ร่วมมือกันในบางข้อที่ไม่ขัดคำสอนศาสนา
ประการที่ 2 ละเมิดสิทธิมนุษยชนคือละเมิดอิสลามหรือไม่
ถ้าหากรัฐบาลสหรัฐชี้ว่าซาอุฯ ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน ไม่น่าจะเป็นพฤติกรรมที่ขัดแย้งกับคำสอนศาสนา เพราะรัฐบาลซาอุฯ เป็นตัวแทนผู้ยึดมั่นอิสลามอยู่แล้ว (ไม่นับกรณีการทำผิดส่วนบุคคล)
แต่มีข้อที่ชาติตะวันตกตีความว่าสังคมซาอุฯ ละเมิดสิทธิมนุษยชน และเป็นข้อกล่าวหาที่แท้จริงแล้วเป็นการปฏิบัติตามคำสอนศาสนา รัฐบาลซาอุฯ ในฐานะผู้พิทักษ์อิสลามย่อมต้องต่อต้านนโยบายสิทธิมนุษยชนของชาติตะวันตก จึงเป็นความขัดแย้งของผู้นำ 2 โลกที่ยากจะบรรจบกัน
ธันวาคม 2021 ในงานประชุมสุดยอดประชาธิปไตยครั้งแรก (Summit for Democracy) ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศชัดว่าจะสนับสนุนประชาธิปไตยทั่วโลก สนับสนุนนักปฏิรูปประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชนสากล ตั้งงบประมาณช่วยเหลือนักปฏิรูปในประเทศต่างๆ คำถามคือรัฐบาลไบเดนจะอ้างเหตุผลใดก็ได้ การส่งเสริมกลุ่มเคลื่อนไหวในประเทศต่างๆ (ในกรณีนี้คือซาอุฯ) เท่ากับกำลังบ่อนทำลายอิสลามหรือไม่ นี่คือคำถามใหญ่ที่จะไม่มีวันหายไป ไม่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะพูดถึงอย่างเจาะจงหรือไม่ก็ตาม
มุมความร่วมมือ:
แม้มีความขัดแย้งแต่มีความร่วมมือที่ชัดเจน ที่สำคัญคือ
ประการแรก ต่อต้านอิหร่าน
การที่รัฐบาลซาอุฯ ถืออิหร่านเป็นภัยคุกคามสำคัญเช่นเดียวกับที่รัฐบาลสหรัฐยึดถือ เป็นเหตุผลสำคัญที่ผู้นำ 2 โลกร่วมมือกัน ซาอุฯ หวังพึ่งพลังอำนาจทางทหาร พลังการคว่ำบาตรของสหรัฐ เช่นเดียวกับที่สหรัฐหวังความร่วมมือจากบรรดาประเทศในตะวันออกกลาง
ประการที่ 2 ความมั่นคงกับกองทัพ
มกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน กล่าวในวาระไบเดนเยือนซาอุฯ เมื่อไม่กี่วันก่อนว่า สหรัฐยึดมั่นข้อตกลงความมั่นคงของอ่าวเปอร์เซียกับซาอุดีอาระเบีย (เป็นข้อตกลงตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี. รูสเวลต์ (Franklin D. Roosevelt) เมื่อกุมภาพันธ์ 1945 สองฝ่ายตกลงกันว่าสหรัฐจะได้เก็บเกี่ยวผลประโยชน์น้ำมันซาอุฯ แลกกับการที่สหรัฐจะปกป้องราชวงศ์ซาอุฯ จากภัยคุกคาม)
เรื่องอาวุธเป็นตัวอย่างรูปธรรม ทุกปีซาอุฯ ซื้ออาวุธสหรัฐด้วยเงินมหาศาล ข้อมูลจาก SIPRI ระบุว่าช่วงปี 2016-2020 สหรัฐส่งออกมาอาวุธมากที่สุดในโลก มีซาอุฯ เป็นลูกค้ารายใหญ่อันดับแรก ประเทศนี้ประเทศเดียวนำเข้า 24% ของอาวุธที่สหรัฐส่งออกทั้งหมด
ทั้งข้อตกลงความมั่นคงกับความร่วมมือทางทหารเป็นหลักฐานชัดเจนว่าซาอุฯ พึ่งพาความมั่นคงจากสหรัฐ การนี้ยังไม่รวมกองทัพสหรัฐที่ประจำการในภูมิภาค กองเรือที่ 5 ที่อยู่ในย่านนี้ คงไม่เกินไปถ้าจะสรุปว่าถ้าพูดถึงความมั่นคงทางทหาร รัฐบาลซาอุฯ อิงแอบอยู่กับสหรัฐมากและเป็นเช่นนี้มานาน 8 ทศวรรษแล้ว รัฐบาลซาอุฯ มีแนวคิดปรับสมดุลนำเข้าอาวุธจากหลายประเทศรวมทั้งจีน แต่การปรับสมดุลไม่ง่ายและต้องใช้เวลาอีกนาน เรื่องนี้เป็นคำถามและคำตอบในตัวเอง
ประการที่ 3 ความร่วมมือด้านพลังงาน
อาจกล่าวว่า ผลประโยชน์พลังงานฟอสซิสคือรากฐานความร่วมมือของ 2 ประเทศ และช่วงนี้กำลังเป็นประเด็นสำคัญอีกรอบ ประธานาธิบดีไบเดนให้สัมภาษณ์ในขณะเยือนว่าตนได้ขอให้ซาอุฯ ผลิตน้ำมันป้อนตลาดมากขึ้น
เป็นที่รู้กันทั่วไปว่ารัฐบาลสหรัฐแทรกแซงภูมิภาคตะวันออกกลางเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน ปกป้องอิสราเอล แม้ว่าปัจจุบันยึดนโยบายผลิตพลังงานใช้เอง (และส่งออกด้วย) แต่ราคาน้ำมันก๊าซธรรมชาติเป็นราคาตลาดโลก ความเป็นไปของตะวันออกกลางจึงมีบทบาทต่อราคาที่ส่งผลดีหรือร้ายต่อทุกประเทศทั่วโลก สามารถใช้น้ำมันเพื่อควบคุมเศรษฐกิจสังคมประเทศใดประเทศหนึ่ง เป็นยุทธศาสตร์ใช้น้ำมันควบคุมโลกของสหรัฐ ประเด็นอยู่ที่ว่ารัฐบาลซาอุฯ จะให้ความร่วมมือหรือไม่ ด้วยเหตุผลใด เป็นความเห็นร่วมหรือจากแรงกดดันของสหรัฐ ซาอุฯ จำต้องยินยอมตามความต้องการของผู้นำโลกของอีกโลกหรือไม่
ซาอุฯ กับสหรัฐผู้นำ 2 โลกในโลกใบเดียวกัน:
ทั้งรัฐบาลซาอุฯ กับสหรัฐมีเป้าหมายของตนเอง ขัดแย้งกันในอุดมการณ์หรือหลักยึด ยิ่งสหรัฐต้องการขยายอำนาจอิทธิพลครอบงำ ฝ่ายซาอุฯ ย่อมต้องตอบโต้ตามหลักคำสอนอิสลาม
ประเด็นสิทธิมนุษยชนเป็นอีกกรณีตัวอย่างที่โดดเด่น เป็นความขัดแย้งของ 2 โลกระหว่างศาสนากับค่านิยมสากล (หลักสิทธิมนุษยชนสากลไม่อิงศาสนา)
แต่ในความขัดแย้งกลับมีความร่วมมือแนบแน่นยาวนาน มกุฎราชกุมารมุฮัมมัด บิน ซัลมาน กล่าวในโอกาสไบเดนเยือนซาอุฯ ว่า เป็นธรรมดาที่ประเทศต่างๆ จะยึดถือคุณค่าต่างกันและควรเคารพความแตกต่างของอีกฝ่าย ถ้ารัฐบาลสหรัฐต้องการติดต่อกับประเทศที่คิดเห็นตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์ก็อาจจะเหลือแค่นาโตเท่านั้น ซาอุฯ กับสหรัฐจะอยู่ร่วมกันทั้งๆ ที่ทั้งคู่แตกต่างกัน.
ชาญชัย คุ้มปัญญา 083-072 5036
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สงครามการค้าสหรัฐกับจีนใครอึดกว่าชนะ
มหาอำนาจตักตวงผลประโยชน์จากประเทศอื่นๆ ท่ามกลางความขัดแย้งของมหาอำนาจด้วยกัน พวกเขาสร้างความขัดแย้งเพื่อได้ประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อเสียประโยชน์
4+4ประเทศสำคัญของศักยภาพทหารโลก
ในภาพระดับโลกมี 8 ประเทศสำคัญมากสุด และสามารถแยกเป็น 2 ระดับ สหรัฐอเมริกามีกองทัพเข้มแข็งที่สุด และใช้ประโยชน์จากกองทัพได้มากที่สุด
อูโก ชาเวซ ผู้ต้านการกดทับของชนชั้นนำกับมหาอำนาจ
ลัทธิโบลิเวียเรียนชี้ว่า ต้นเหตุความยากจนมาจากการกดทับของชนชั้นนำที่ร่วมมือกับมหาอำนาจ จึงต้องการปลดปล่อยประชาชนจากการกดขี่ของ 2 อำนาจดังกล่าว
การข่มขู่และโจมตีจริงของทรัมป์ 2.0
การข่มขู่และลงมือจริงของทรัมป์ 2.0 เป็นหลักฐานชี้ว่ารัฐบาลทรัมป์ทำอย่างไรตามหลัก “America First”
‘No Kings’ต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (2)
ฝ่ายต่อต้านเห็นว่าทรัมป์ใช้อำนาจเกินขอบเขต แต่ในขณะเดียวกันทรัมป์ได้รับการสนับสนุนทั้งจาก สส. สว.รีพับลิกันและฐานเสียงที่เข้มแข็ง
‘No Kings’ต่อต้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (1)
สหรัฐอเมริกามาจากการต่อต้านระบอบกษัตริย์ บัดนี้ทรัมป์ใช้อำนาจเยี่ยงราชา ชาวอเมริกันจึงต่อต้าน ไม่อยากให้ประเทศกลับสู่ยุคที่อำนาจเบ็ดเสร็จอยู่ที่ตัวคนคนเดียว



