เพื่อนบ้านเราที่ผู้คนจับตาว่ากำลังเดินหน้าสร้างเศรษฐกิจรูปแบบใหม่อย่างคึกคักนอกจากอินโดฯ, สิงคโปร์, มาเลเซียแล้วก็คือเวียดนามอย่างที่ทราบกันโดยทั่ว
คนไทยจำนวนหนึ่งบอกว่าไทยเราไม่ต้องไปแข่งกับใคร เอาแค่แข่งกับตัวเองให้ได้ก็พอ
แต่มองไปข้างหน้า 10-20 ปี คำถามใหญ่อยู่ที่ว่าประเทศไทยเราจะไปยืนอยู่ตรงไหน
วันนี้ เราอาจจะยังเป็นเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของอาเซียน แต่หากศึกษาทิศทางของเพื่อนบ้านเราอย่างละเอียดและต่อเนื่องจะเห็นว่าเขาล้วนมีแผนการสร้างชาติในรูปแบบที่จะไม่ยอมถูกทิ้งท้ายไว้ทั้งสิ้น
วันก่อนผมเขียนถึงวิธีคิดและวิถีปฏิบัติของอินโดนีเซียภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจโก วีโดโดในหลาย ๆ เรื่องแล้วก็ต้องไม่ลืมมองไปเพื่อนบ้านเวียดนามของเรา
ที่เขาปรับแก้กติกาคร่ำครึทั้งหลายเพื่อเปิดทางเชิญชวนให้ต่างชาติมาลงทุนกันอย่างคึกคัก
ผู้นำเขาออกไปเชิญชวนต่างชาติมาลงทุน ไม่ได้นั่งรอให้มีใครมายื่นใบสมัคร และยังต้องเผชิญกับอุปสรรคในขั้นตอนราชการของเราที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง
หลายคนอาจจะบอกว่าใคร ๆ ก็ชอบประเทศไทย ใคร ๆ ก็อยากจะมาเมืองไทยเพราะอบอุ่นเป็นกันเองดี
แต่วันนี้เพียงแค่ความเป็นมิตรและรอยยิ้มของคนไทยไม่น่าจะเพียงพอที่จะนำพาประเทศไปสู่จุดยืนที่มี “ความสามารถในการแข่งขัน” ที่สู้กับคนอื่นได้อีกต่อไป
เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวที่สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของเวียดยามที่ระดมพลังทั้งจากภาครัฐและเอกชนอย่างจริงจังอีกครั้งหนึ่ง
ข่าวบอกว่าเวียดนามมีแผนปฏิบัติการ (ต่างกับแผนบนกระดาษและการตั้งคณะกรรมการชุดแล้วชุดเล่า) ที่จะสร้าง Silicon Valley ของตัวเอง
นั่นหมายความว่าเขาต้องการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกมาร่วมสร้างบ้านสร้างเมืองในอีก 10-20 ข้างหน้า
เป้าหมายที่วางไว้ในอนาคตต้องเริ่มวันนี้...เพราะผู้นำจะต้องไม่มองเฉพาะช่วงเวลาที่ตัวเองอยู่ในอำนาจเท่านั้น หากแต่จะต้องปูพื้นฐานะสำหรับคนรุ่นต่อไปที่จะต่อยอดจากปัจจุบัน
และต้องพร้อมที่จะ “ล้มเหลว” เพื่อเรียนรู้และนำไปสู่การแก้ไขและปรับปรุงให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นทุกขณะ
แนวทางสร้าง Silicon Valley ของเวียดนามน่าสนใจตรงที่ผู้ออกหน้าคือเอกชนโดยมีรัฐบาลหนุนเต็มที่
คำประกาศนี้มาจากกลุ่มบริษัท Vingroup ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของเวียดนาม
แผนการของเขาบอกว่าเวียดนามเตรียมตั้ง Silicon Valley (ซิลิคอนแวลลีย์) ของตัวเองเพราะนั่นคือทิศทางที่มีความสำคัญสำหรับการพัฒนาชาติ
คนที่เปิดเผยคือ Nguyen Viet Quang ซึ่งมีตำแหน่งเป็นซีอีโอของเครือข่ายธุรกิจลำดับต้น ๆ ของประเทศแห่งนี้
เขาแถลงข่าวเรื่องนี้หลังการประชุมระดับประเทศว่าด้วยการพัฒนาตลาดแรงงานของเวียดนาม
ในการประชุมครั้งนี้มีนายกรัฐมนตรี Pham Minh Chinh เป็นประธาน
แปลว่าได้รับไฟเขียวอย่างเต็มที่จากภาครัฐที่จะเดินหน้าในเรื่องการพัฒนา “ตลาดแรงงาน” ของประเทศ
คำว่า “ตลาดแรงงาน” นั้นหมายถึง “ทุนมนุษย์” หรือ human capital ไม่ใช่การสร้างแรงงานสำหรับอุตสาหกรรมเก่า ๆ ที่กำลังกลายเป็น “อาทิตย์อัสดง”
ซึ่งต้องถูกกำจัดออกไปโดยด่วนเพื่อเปิดทางให้ธุรกิจยุคใหม่มาแทนที่ให้ทันการ
แต่การจะสร้าง “ทุนมนุษย์” ด้วยตนเองนั้นอาจจะต้องกินเวลายาวนานพอสมควร
ดังนั้น ในระยะสั้นจะต้องเปิดกว้างสำหรับการเชิญชวนคนเก่งที่สุดของโลกมาทำงานให้กับประเทศของตนเอง
ด้วยการสร้างแรงจูงใจและระบบนิเวศหรือ ecosystem ที่สอดคล้องกับความเป็นอยู่และความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่เก่งและมีทักษะที่สำคัญต่อเวียดนามด้วย
ผมอ่านแผนของเขาแล้วก็เห็นว่าเขามีก้าวย่างที่ชัดเจนพอสมควรทีเดียว
เขาบอกว่าภายใน 3 ปีข้างหน้า Vingroup จะเปิดศูนย์ที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเข้าไว้ด้วยกันในบริเวณจังหวัด Khan Hoa
ซึ่งจะเป็นพื้นที่เปิดกว้างสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์ในทุก ๆ สาขามาร่วมทำวิจัยเชิงลึกด้านเทคโนโลยีไปด้วยกัน
ผู้บริหารสูงสุดของ Vingroup บอกว่าเป้าหมายหลักคือการสนับสนุนให้มันสมองรุ่นใหม่เหล่านี้มาช่วยพัฒนาเวียดนามไปด้วยกัน
คำว่า Silicon Valley ต้องไม่ใช่เพียงแค่แผนการที่ฟังหรูและน่าประทับใจในแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติเท่านั้น
หากแต่จะต้องมีแผนงานที่มีก้าวเดินที่ชัดเจนและพร้อมจะปรับและเปลี่ยนเมื่อสถานการณ์แปรผัน
เพราะโลกวันนี้คือโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเมื่อมีเทคโนโลยีใหม่เข้ามาเขย่าสิ่งที่เป็นอยู่ซึ่งไม่ตอบโจทย์ของสถานการณ์ปัจจุบัน
ตามข่าวชิ้นนี้ แผนนี้บอกว่าในอีก 2 ปีข้างหน้า Vingroup คาดว่าจะจ้างพนักงานราว 150,000 คน
ซึ่งจะรวมถึงแรงงานไร้ทักษะไปจนถึงแรงงานระดับอาวุโสในสาขาวิจัย เทคโนโลยี การค้าและบริการ
จากนั้นในอีก 5 ปีข้างหน้า บริษัทจะสร้างบ้านให้สังคมอยู่โดยเริ่มทำโครงการทางตอนเหนือของจังหวัด Quang Ninh และทางกลางตอนใต้ของจังหวัด Khanh Hoa รวมทั้งเมืองศูนย์กลางพาณิชย์ทางใต้คือโฮจิมินห์ซิตี้ด้วย
เวียดนามเดินหน้าเรื่องสร้างฐานผลิตรถไฟฟ้ามาระยะหนึ่งแล้ว
เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็เพิ่งเปิดโรงงานแบตเตอรี่แห่งใหม่ที่จังหวัด Ha Tinh และขยายการผลิตโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าไปยังทางตอนเหนือของจังหวัด Hai Phong
โครงการนี้คาดว่าจะใช้คนมากถึง 80,000-100,000 คน
แต่ต้องเป็นคนที่ฝึกปรือให้มีทักษะใหม่ ๆ ที่มีอนาคตเป็นสำคัญ
เห็นชัดว่าเป้าหมายหลักของเขาคือการสร้าง “ทุนมนุษย์” ที่เหมาะสำหรับอนาคตอย่างจริงจัง
คำว่าสร้าง New Skill, Reskill และ Upskill จึงไม่ใช่เพียงแค่นโยบายหากแต่มีแผนปฏิบัติจริงจังที่มีเป้าหมายชัดเจน
เพราะว่าในท้ายที่สุดแล้ว การสร้างชาติก็เริ่มที่การสร้างคน และต้องเป็นการสร้างคนที่มีคุณภาพและมีเป้าหมายร่วมกันทั้งประเทศด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


