เงินเฟ้อทะลุกรอบ

เป็นเรื่องทางเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม หลังผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่องชี้แจงการเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา และตัวเลขประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า สูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินที่เคยตกลงกันไว้

เดิมกระทรวงการคลังและ ธปท.ตกลงกันไว้ว่าจะดูแลอัตราเงินเฟ้อทั่วไปขยายตัวในช่วง 1-3% ซึ่งจะเกณฑ์ที่อยู่ในระดับมีเสถียรภาพ แต่จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์ พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม 2564 - กันยายน 2565) อยู่ที่ 5.23% สูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้า (ไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ถึงไตรมาสที่ 3 ปี 2566) ที่ ธปท.ได้ประเมินล่าสุดจะอยู่ที่ 3.9% ซึ่งสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายเช่นกัน

ดังนั้นทาง ธปท.จึงจำเป็นต้องชี้แจงสถานการณ์เงินเฟ้อใหม่หมดต่อกระทรวงการคลัง และได้ให้รายละเอียดใน 3 ประเด็นคือ 1.ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยสูงกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน 2.ระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย และ 3.การดำเนินนโยบายการเงินเพื่อดูแลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะเวลาที่เหมาะสม

ซึ่งสามารถสรุปคร่าวๆ ได้ดังนี้ 1.ในส่วนปัจจัยทำให้เงินเฟ้อพุ่ง เกิดมาจากแรงกดดันด้านอุปทาน (Cost-Push Inflation) เกิดจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ราคาพลังงานและราคาสินค้าโภคภัณฑ์โลกปรับสูงขึ้นมาก และมีผลต่อเนื่องให้ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ก๊าซหุงต้มและค่าไฟฟ้าปรับขึ้นตามไปด้วย และยังเสริมจากปัจจัยด้านอุปทานในประเทศ (Domestic Supply Shocks) ที่เกิดจากโรคระบาดในสุกร ทำให้ราคาเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นมากตามอุปทานที่ลดลง ขณะที่ราคาอาหารสดหมวดอื่นๆ ปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนราคาอาหารสัตว์และปุ๋ยเคมีที่สูงขึ้น 

สำหรับประเด็นที่ 2 เรื่องการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย โดย ธปท.ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ในระดับสูงสุดในไตรมาสที่ 3 ปี 2565 และมีแนวโน้มทยอยลดลงตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ก่อนจะกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายตั้งแต่ช่วงกลางปี 2566

และประเด็นสุดท้าย เรื่องแนวทางในการแก้ไขเงินเฟ้อ ทาง ธปท.ระบุว่า จะดำเนินนโยบายการเงินเพื่อดูแลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะเวลาที่เหมาะสม ซึ่งก็คือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะดูแลให้เกิดความสมดุล ทั้งการคุมเงินเฟ้อ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

แต่ประเด็นสำคัญที่ ธปท.แสดงความเป็นห่วงมากที่สุด คงหนีไม่พ้น ภาระหนี้สินของประชาชน ที่จะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในช่วงขาขึ้น ซึ่งก็มีแนวคิดที่จะสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่องให้สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ในระยะยาว

ล่าสุดทางศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้มีการเผยแพร่ดัชนีภาวะเศรษฐกิจและการครองชีพของครัวเรือน (KR-ECI) สำหรับเดือน ก.ย.และ 3 เดือนข้างหน้า พบว่าตัวเลขอยู่ในระดับที่ทรงตัวอยู่ที่ 33.9 และ 35.2 แต่ก็ยังถือว่ามีความเปราะบาง โดยสถานการณ์ราคาพลังงานที่เริ่มทรงตัว ส่งผลให้ครัวเรือนมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อระดับราคาสินค้าในหลายหมวด ยกเว้นในส่วนของอาหารและเครื่องดื่มที่ครัวเรือนกลับมามีความกังวลเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้สถานการณ์ฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมในหลายพื้นที่ และสร้างความเสียหายแก่พื้นที่เกษตรต่างๆ ยังส่งผลให้ครัวเรือนมีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์รายได้และการจ้างงาน รวมถึงค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นหลังได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ทั้งนี้ จากการสำรวจเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม พบว่า ครัวเรือนร้อยละ 19.2 มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกว่า 5,000 บาท (ผลสำรวจจัดทำขึ้นในช่วง 21-27 ก.ย.65).

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สูงวัยใช้เน็ตโตพุ่งกว่า3เท่า

เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตของผู้คน เรียกได้ว่าทุกเพศทุกวัยก็ไลฟ์สไตล์ที่มีโลกดิลิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง ก่อนหน้าหลายคนอาจจะมองว่าสูงวัยอาจจะไม่ทันโลก ตามเทรนด์ไม่ทัน

เร่งสปีดSMEไทยด้วยนวัตกรรม

เอสเอ็มอีไทยถือเป็นกำลังสำคัญของระบบเศรษฐกิจประเทศ แต่ในขณะเดียวกันกลับต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรง และข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ซึ่ง กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ

ผนึกพลังพัฒนากำลังคน

ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันด้านต้นทุนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คำถามสำคัญของอุตสาหกรรมไทยไม่ใช่เพียง “จะผลิตอย่างไรให้ได้มากขึ้น” แต่คือ “จะสร้างคนและองค์ความรู้แบบใดให้ยืนระยะในเวทีสากลได้จริง”

ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%

ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน

เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่

ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน

องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)