ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2566 (2)

รายละเอียดเกณฑ์สำคัญที่จะเกิดในเมืองรัตนโกสินทร์ปี2566คาดจะเป็นอย่างนี้

เกณฑ์ที่ 1 โควิด-19 จางไปเข้าสู่ปีที่สองในเจ็ดปีของการตีฝ่าสงครามเศรษฐกิจของโลกเพื่อปฏิวัติใหญ่ทางเศรษฐกิจ- การทำมาหาได้-ระบบภาษี-ระบบบำเหน็จบำนาญของเมือง บางจังหวะสงครามเศรษฐกิจที่ทำกันจะเลยเถิดเป็นรบกันด้วยกำลังและอาวุธจริง เกณฑ์นี้เริ่มลางมาตั้งแต่กรกฎาคม 2565(มฤตยูจรเดินอยู่ในราศีพฤษภ)

คาดผลสรุปเมื่อกรกฎาคม 2572 (เมื่อมฤตยูจรย้ายราศีแล้ว)คนไทยยืนอยู่ข้างกำแพงพระนครจะถามตัวเองว่า ฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศมาถึงจุดนี้ได้อย่างๆไร?

ซึ่งถ้าทำได้ดี-กล้าปฏิวัติ-เปลี่ยนแปลงเรื่องการทำมาหาได้-ให้ล้ำสมัยไทยจะประสบความสำเร็จเร็จอย่างล้ำเลิศ สถานะทางเศรษฐกิจดีขึ้นผิดหูผิดตา ฐานทางเศรษฐกิจทั้งหลายเช่นตลาดหุ้นเปลี่ยนไป และไทยมีโอกาสหลุดจากประเทศกับดักรายได้ปานกลางไปสู่รายได้สูง แบบก้าวประโดด พื้นฐานทางเศรษฐกิจเปลี่ยน ตลาดหุ้นปรับฐาน

แต่หากทำได้ไม่ดีเราจะล้มลุกคลุกคลานทางเศรษฐกิจ ถูกแซงหน้า กลายเป็นล้าหลังเกิดการขัดแย้งในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบผูกขาดหรือกินรวบ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเพียงแค่มฤตยูแหย่หน้าเข้ามาในดินแดนเศรษฐกิจของประเทศไม่กี่เดือนคือรัฐบาลต้องแก้กฎกระทรวงปลดล็อคผลิตเหล้าที่กฎเกณฑ์เอื้อรายใหญ่ ไม่เช่นนั้นจะเสียความนิยมทางการเมืองให้พรรคก้าวไกล-ก่อนหน้านั้นเจ๊เกียวขยับตัวก่อนใคร หรืออาคเนย์ประกันภัยที่เจอเข้ากับบทดสอบนำร่องอย่างน่าตื่นตา-ใจ

ความหวังในการปฏิวัติและตีฝ่าสงครามเศรษฐกิจคือ ดาวต้นตอของการปฏิวัติทางโหร(คือมฤตยูจร0)โดยพื้นฐานดวงชะตาเมืองนั้นเป็นตัวแทนโชคลาภและความสำเร็จของเมือง(เกษตรภพที่สิบเอ็ด) และขณะที่ดวงชะตาเมืองถือกำเนิดนั้นดาวตัวนี้ตั้งอยู่ในมุมที่ให้ความเข้มแข็งกับลัคนาเมือง(ราศีมิถุน-โยคหน้าลัคนา) จึงเชื่อได้ว่าในที่สุดผลจะออกมาดีมากกว่าร้าย

เพียงแต่ดาวตัวนี้เป็นบาปเคราะห์ก่อนจะให้คุณงามความดีต้องให้โทษหรือทำให้ทุกข์ๆยากๆก่อน ซึ่งต้องดูกันเป็นช่วงๆไปในรอบเจ็ดปีนี้

กณฑ์ที่ 2 เข้าสู่ปีที่สองในเจ็ดปีของลางการเกิดเมืองหลวงแห่งที่สอง หรือเมืองขนาดใหญ่ที่ต้องลงทุนมากให้เป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศต่อไป ที่เริ่มมีเค้าลางมาตั้งแต่ประมาณกรกฎาคม 2565(มฤตยูจรทับพระอังคาร๓ดาวประจำชีพของเมือง)

ด้วยเกณฑ์นี้คาดว่าประมาณกรกฎาคม 2572(เมื่อมฤตยูจรย้ายราศีไปแล้ว)คงจะได้เห็นหรือเห็นความคืบหน้าของเมืองหลวงแห่งที่สอง หรือพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจขนาดใหญ่เช่นโครงการเชื่อมโยงทะเลอันดามันกับอ่าวไทยหรือแลนด์บริจ หรือไม่อาจจะออกในรูปแบบคลองไทย ที่จะเป็นโครงการเมกกะโปรเจ็คของประเทศ

โดยรอบนี้จะเริ่มเห็นแววตั้งแต่1มีนาคม2566เป็นต้นไป-ภายในระยะเวลาสองปีครึ่งจะมีการตั้งหน่วยงานหรือสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศขนาดใหญ่โตมโหฬาร(พระเสาร์จร7เดินในราศีกุมภ์-ภพสิบเอ็ดของเมือง)

เกณฑ์ที่ 3 เข้าสู่ปีที่สองในเจ็ดปีของการปฎิวัติใหญ่ทหาร-ตำรวจ-หรือกองกำลังของชาติเพื่อความทัน-ล้ำสมัย โดยเกณฑ์นี้เริ่มมาตั้งแต่กรกฎาคม 2565(มฤตยูจร0จรทับพระอังคารดวงเดิม๓ตัวแทนทหาร-ตำรวจ-กองกำลังติดอาวุธของชาติ)

โดยการปฏิวัติใหญ่ใดๆในกองกำลังเหล่านี้เพื่อออกจากความเทอะทะ-เฟอะฟ๊ะ-แจกตำแหน่งสูงเต็มเมืองไปสู่ความทันหรือล้ำสมัย เพื่อรองรับภารกิจปฏิวัติใหญ่ด้านเศรษฐกิจของชาติ

ถ้าหากฝืนไม่ทำหรือทำเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่มมีโอกาสมากที่ประเด็นกองกำลังของชาติจะนำไปสู่ความขัดแย้งเพราะความตกสมัย-ล้าหลังของกองกำลัง-กำลังพล คอยฉุดรั้งการพัฒนาประเทศและเศรษฐกิจ แล้วจะถูกบีบบังคับให้ต้องปฏิวัติอย่างเจ็บปวด

กณฑ์ที่ 4 ตั้งแต่ต้นปี-1มีนาคม 2566ใครเป็นรัฐบาลภาระก็หนักต่อเนื่อง ส่วนฝ่ายค้านก็ยังจะเหมือนคนป่วย ทำอะไรก็ไม่ขึ้น

เกณฑ์นี้เป็นมาตั้งแต่มีนาคม 2563ที่ฝ่ายรัฐบาลรับภาระหนักพาประเทศชาติผ่านวิกฤตการณ์โรคระบาดขนาดใหญ่คือโควิด19ให้ประชาชนได้รอด พอโรคระบาดจะซาๆ ศัตรูใหญ่เกิดรบกันไทยก็เดือดร้อนซ้ำคือเกิดสังครามรัสเซีย ยูเครน ค่าไฟ-พลังงานกระฉูด

ทุกข์นี้เป็นไปตามโฉลก…..ให้เกรงไฟ ศัตรูใหญ่จะทำณรงค์ ในระดับที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีถงขนาดเอ่ยปากว่า “ถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ก็แฮ๊งค์” แต่ไม่ว่าจะเจอหนักขนาดไหนฝ่ายรัฐบาลก็รอด(เกณฑ์พระเสาร์จร7-เดินในภพที่สิบ-มาตรฐานเกษตราธิบดี)

ขณะที่รัฐบาลภาระหนักมากหมาย และในแวดวงรัฐบาลก็มีปัญหาตำแหน่งรัฐมนตรีว่างหลายตำแหน่งแต่ฝ่ายค้าน-ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลก็คล้ายๆคนป่วยทำอะไรก็ไม่ขึ้น พยายามขนาดไหนก็คว่ำรัฐบาลก็คว่ำไม่ลง กลับป้อแป้ในที่สุดทุกรอบ(พระเสาร์จร7ในราศีกรกฎเล็งพระจันทร์ดวงเดิม๒ที่ราศีกรกฎตัวแทนฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล)

เกณฑ์ที่ 5 ตั้งแต่ต้นปี-1มีนาคม 2566เศรษฐกิจยังพยายามฝ่าความทุกข์ร้อยแปดที่มาในแบบหนักๆเพื่อโงหัวต่อเนื่อง เพื่อนๆของเมืองหรือนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา

เกณฑ์นี้เริ่มเห็นมาตั้งแต่เมษายน 2565ที่นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา สัญญาณการทำมาหากินเริ่มเข้าสู่สภาวะใกล้คียงกับช่วงก่อนเกิดวิฤตการณ์โควิด19

อีกทั้งไทยสามารถเชื่อมความสัมพันธ์กับเพื่อนเก่าอย่างซาอุดิอาระเบีย เศรษฐีน้ำมัน ที่เคยหมางกันทางการทูตให้กลับมาปกติได้อย่างน่าแปลกใจ อันจะเป็นหนึ่งในตัวเร่งให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อีก

เกณฑ์ที่ 6 ตั้งแต่ต้นปี-1มีนาคม 2566 ประชาชนคนเดินดินอยู่ในบรรยากาศอ้อยอิ่งอยู่กับยังทุกข์ใหญ่ร้อยแปดด้วยเรื่องหนี้สิน การเจ็บไข้ได้ป่วย เจอเหตุการณ์ใหญ่ให้อกสั่นขวัญแขวนหรือเศร้าระทมเช่นโควิด-19(พระเสาร์จร7เดินในราศีมังกรเล็งใส่พระจันทร์ดวงเดิม๒)

โดยย้อนกลับไปทุกข์หนักของประชาชนรอบนี้เริ่มมาตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2563ด้วยการมาถึงของโรคระบาดใหญ่โควิด-19ที่นอกจากกระทบสุขภาพ อนามัย สูญเสียล้มตาย ทำมาหากินฝืดเคืองภาครัฐต้องหาทางช่วยเหลือผ่านสารพัดโครงการเพื่อประคองให้อยู่รอดได้ แล้วยังเจอกับเหตุการณ์สังหารหมู่ที่โคราช และหนองบัวลำภูให้เศร้าสลดกันทั้งประเทศ

ปรากฎการณ์นี้ถือว่าประชาชนของเมืองดวงตกมากในรอบสามสิบปีและบรรยาการขของปีใหม่2566 ความทุกข์นี้ยังจะอยู่ข้ามปี-ประมาณ1มีนาคม 2566

เกณฑ์ที่ 7 ตั้งแต่ต้นปี-1มีนาคม 2566 วงการดารา คนเด่นดัง ศิลปิน เซเลปทั้งหลายยังอยู่ในบรรยากาศของดวงตกทุกข์ใหญ่จากการพลัดพรากสูญเสีย(พระเสาร์จร7ในราศีมังกร ถึงพระศุกร์ดวงเดิม๖ที่ราศีมีน)

โดยกลุ่มเซเลปทั้งหลายดวงตกมาตั้งแต่ประมาณการมาถึงของโควิด19ที่ต่างจากไปเป็นใบไม่ร่วงแบบผิดปกติ เริ่มตั้งแต่น้าค่อม ไล่เรียงมาเรื่อยๆคล้ายๆเปลี่ยนยุค เปลี่ยนคน ศิลปินแห่งชาติหรือศิลปินใหญ่ก็พากันจากไปและบรรยากาสนี้จะยังอ้อยอิ่งอยู่ในเมืองถึง1มีนาคม 2566

เกณฑ์ที่ 8 ตั้งแต่ต้นปี-1มีนาคม 2566ฟืน-ไฟ-แก๊ส-ควัน-ระเบิดยังอ้อยอิ่งรอเกิดรวมทั้งราคาพลังงานยังกดดัน

เช่นกันเกณฑ์ไฟ-แก๊ส-ควัน-ระเบิดขนาดใหญ่ในเมืองเกิดมาเป็นระยะๆอย่างผิดสังเกตุมาตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2563 เช่นท่อแก๊สปตท.ระเบิดที่บางบ่อ สมุทรปราการ หรือไฟไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล ซอยกิ่งแก้ว21 ล่าสุดที่สัตหีบสถานบันเทิงเมาท์เทน บีที่ตายไปเฉียดสามสิบศพแล้ว

บรรกาสนี้ยังจะรอเกิดได้จนกว่าจะพ้น1มีนาคม 2566ไปแล้ว แต่ก็อีกนั่นแหละเมืองจะเจอภัยแบบใหม่มาแทน ที่อาจจะหนักกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เกณฑ์ที่ 9 ตั้งแต่ต้นปี-18ตุลาคม2566การหลอกลวงต้มตุ๋นขนาดใหญ่ และดราม่า อวิชชาต่างๆยังโผล่ให้เห็นเต็มเมือง พร้อมทั้งการขึ้นสูงกระแสสูงของกัญชาและพืชกระท่อม ยาเสพติด ล่าสุดก็มีการแก้กฎกระทรวงปลดล็อคผลิตเหล้า-รวมทั้งการกลับมาของหวยบนดิน(พระราหูจร8ทับลัคนาและพระอาทิตย์เดิมดวงเมือง)

เกณฑ์นี้เริ่มมาตั้งแต่ประมาณเมษายน 2565ที่เกิดเรื่องใหญ่ตั้งแต่แก๊งค์คอลเซ็นต์เตอร์อาละวาดรบกวนคนในเมือง ใครดวงตกก็เป็นเหยื่อ และแม้คนในเมืองจะเริ่มคุ้นๆกับปรากฎการณ์นี้แต่ก็มีคนหลงกลสูญเงินระดับร้อยล้าน

รวมทั้งประเด็นฟอเร็กซ3ดีที่แทบไม่น่าเชื่อว่าจะมีใครหลงเชื่อเกี่ยวเอาคนวงการบันเทิงเข้าไปหลายคน

หรือกรณีการบุกจับปาร์ตี้นักท่องเที่ยวชาวจีนย่านยานนาวาพบสิ่งผิดกฎหมายเพียบ ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินวุ่นวาย

สำคัญคือการขึ้นสู่กระแสสูงปลูกกัญชา พืชกระท่อมกันเต็มเมือง เพราะปลดล็อคกัญชา-พืชกระท่อมออกจากยาเสพติดเพื่อใช้ด้านสุขภาพ เศรษฐกิจ แม้จะไม่มุ่งหมายเพื่อสันธนาการแต่อาการคุมกันไม่อยู่ก็เริ่มมีให้เห็นเป็นที่วิตกกังวลโดยทั่วไปว่าจะเลยเถิดไปไกล

ล่าสุดเรื่องเหล้าที่รัฐบาลแก้กฎกระทรวงจากเดิมที่ตึงมากเหมือนกีดกันรายย่อมกว่าออกจากตลาดก็ยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งก็ต้องรอดูว่าจะมีกฎระเบียบอะไรออกมากีดกันรายอื่นอีกหรือไม่

ส่วนหวยบนดินนั้นคาดว่าจะเปิดซื้อขายได้ก่อน18ตุลาคม 2566

แต่หลังจาก18ตุลาคม 2566-ถึงสิ้นปีกิจกรรมเทาๆทั้งหลายคงระวังตัว เหนียมๆและมุดลงส้อมสุมใต้ดินไม่ค่อยประเจิดประเจ้อ ขึ้นอยู่กันฝีมือเจ้าหน้าที่จะหาทางเปิดออกมาได้หรือไม่

เกณฑ์ที่ 10 เริ่ม1มีนาคม 2566 เป็นต้นไป กำหนดการเมืองเริ่มออกจากทุกข์ทุกข์ใหญ่ที่เป็นมาตั้งแต่มีนาคม 2563 (พระเสาร์จร7เดินอยู่ในราศีมังกรภพที่สิบ ถึงพระศุกร์ดวงเดิม๖ที่ราศีมีน และเล็งใสพระจันทร์๒ที่ราศีกรกฎ)

แล้วเกิดปรากฎการณ์ใหม่เริ่ม1มีนาคม 2566-สิ้นปี -14กุมภาพันธ์ 2569ยาวนานประมาณสองปีครึ่ง เมืองพลิกเป็นหนังคนละม้วน คือได้โปรโมชั้นจากพระเสาร์หัวหน้าดาวร้ายให้คุณงามความดีกับเมืองชนิดสามสิบปีมีให้ครั้งเดียว คือโชคลาภเมืองจะกลับมา กลับไปสู่อะไรแล้วจะชนะตามโฉลก….ลาภคืนคง รณรงค์เรามีชัย…(พระเสาร์จรเดินในราศีกุมภ์-ภพสิบเอ็ด-ลาภะ)

จากเกณฑ์นี้จะมีบางประเด็น บางเหตุการณ์ที่จะเป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก

ปรากฎการณ์นี้ในอดีตเคยเกิดมาแล้วในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ทรงพยายามเอาเมืองตราดกลับมาจากฝรั่งเศส โดยทรงจำยอมแขนขาดเอามณฑฑลบูรพา คือพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณเข้าแลก แล้ววันที่ 13 พฤศจิกายน 2450 ได้เสด็จประพาสตราด ในโอกาสที่กลับคืนสู่พระราชอาณาจักรอีกครั้งด้วย

อย่างไรก็ตามการได้สิ่งที่เสียไปกลับคืน-หรือสู้เพื่อให้ได้สิ่งที่อยากได้มานั้นรอบนี้คาดว่าจะไม่ต้องสู้หนักเหมือนสมัยพระพุทธเจ้าหลวงที่ทางโหรบอกว่าทรงจำแขนขาดเพื่อรักษาชีวิต และการได้จะนิ่มกว่า

อีกทั้งเมืองยังมีโอกาสได้แชมป์ใหญ่ๆที่เคยเสียไปกลับมา เช่นแชมป์ชกมวย แชมป์นางงาม แชมป์ส่งออกสินค้าบางรายการ

กณฑ์ที่ 11 หลังจากเมืองออกจากทุกข์แล้ว 1มีนาคม 2566เป็นต้นไป เศรษฐกิจจากที่พยายามโงหัว พลิกกลับเป็นค่อยๆฟื้นด้วยโครงสร้างพื้นฐานของชาติที่ทำเอาไว้ก่อนหน้า และจะทำเพิ่มเอีกอย่างต่อเนื่อง และทำได้ มากกว่าไม่ได้

ในระยะเจ็ดปีของการปฏิวัติใหญ่เศรษฐกิจของชาติ และตีฝ่าสงครามเศรษฐกิจโลกนั้น ตั้งแต่1มีนาคม 2566เป็นต้นไปเป็นระยะสองปีครึ่งที่เมืองจะได้พัฒนาโครงสร้าง-พื้นฐานเศรษฐกิจ และจะทำได้ อะไรที่เสียไปทางเศรษฐกิจมีโอกาสได้ผลประโยชน์กลับมาตามโฉลก…ลาภคืนคง รณณงค์เรามีชัย…(พระเสาร์จรเดินในราศีกุมภ์ภพที่11)

เกณฑ์นี้ที่เคยโดดเด่นในอดีตคือการตั้งรถไฟสยาม

โดยกิจกรรมทางเศรษฐกิจนี้ให้จับตาเพื่อนของเมืองจากประเทศโลกมุสลิมจะมีบทบาทมากในเรื่องเศรษฐกิจของเมืองในสองปีครึ่งนี้(พระเสาร์จร7ตัวแทนชาติ-คนที่นับถือศาสนาอิสลามเดินในราศีกุมภ์ภพที่11ลาภะของเมือง)

เกณฑ์ที่ 12 ตั้งแต่วันเกิดเมือง21เมษายน2566-สิ้นปีค่าเงิน-ทองคำ-ตลาดหุ้น-ธุรกิจไฟฟ้า-เก็งกำไร-ตลาดหุ้น ผันผวนจัดทั้งดีแล้วร้าย หรือร้ายแล้วดี ส่วนชนิดธุรกิจมีทั้งกลุ่มดีและกลุ่มผันผวน

ค่าเงิน-ทองคำ-ตลาดหุ้นผันผวนจัด-การเสี่ยง-การเก็งกำไรทั้งหุ้นและอื่นๆทำกันสนั่นหวันไหวชนิดไม่กลัวตาย ถ้าไม่ระวังตัวเข้าข่ายวิบัติได้ (พระอาทิตย์๑ดวงเดิมดาวจิตใจคนในเมือง ถูกพฤหัสบดีกาลกิณีจรทับ-ต้องฆาฎปัสสะวะชีโว)

ระยะที่ตลาดหุ้นจะเร้าใจเป็นรถไฟเหาะตีลังกาคือระหว่าง15มิถุนายน-17กรกฎาคม 2566และประมาณ17ธันวาคม2566ข้ามปีถึงประมาณกลางมกราคม2567

ส่วนตั้งแต่วันเกิดเมืองที่21 เมษายน 2566สิ้นปีแนวโน้มภาคธุรกิจที่ดีของเมือง จะเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค-ภาคบริการ-ธุรกิจท่องเที่ยว-ค้าส่ง-โรงเรียนอนุบาล-ธุรกิจแม่บ้าน-ธุรกิจพยาบาล-เสริมความงาม-กีฬาวิ่ง-ปั่นจักรยาน-เงิน(ซิลเวอร์)-ธุรกิจน้ำๆเช่นท่าเรือยวดยานทางน้ำขนส่งทางน้ำ-โรงงานทำน้ำหวานเครื่องดื่ม-กลั่นเหล้า-ดำน้ำ-ประมง-ทหารเรือจะเป็นเหล่าที่เป็นสิริมงคลของเมือง(พระจันทร์2เป็นศรีจร)

แนวโน้มภาคธุรกิจดีแล้วร้าย-ร้ายแล้วดีผันผวนมาก ต้องประคับประคองอย่างระมัดระวัง เช่นธุรกิจโรงพยาบาล-แพทย์แผนโบราณ -โรงเรียน-มหาวิทยาลัย–ยา-ไม้ผล-อาหารสัตว์-สถาบันการเงิน-ธุรกิจเช่า-โค้ชชิ่ง-ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับยางพารา-สินค้าพรีเมี่ยมทั้งหลาย-ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมรวมทั้งธุรกิจการบิน-ธุรกิจเกี่ยวกับไฟฟ้าทั้งหลาย

เกณฑ์ที่ 13 ตั้งแต่วันเกิดเมืองที่21เมษายน-สิ้นปี2566ระวังการหละหลวมคุมกฎระเบียบทางเศรษฐกิจหรือปล่อยให้เสรีมากหรือเน้นกระตุ้นมากไป-กระตุกไม่พอหรือมองมุมบวกเกิดไป-หรือใช้นโยบายเพื่อชนะใจประชาชนไม่มีขอบเขตเข้าข่ายประชานิยมยากที่จะควบคุม-คัดท้ายจนเหตุใหญ่รอเกิดอยู่ในอนาคต เกณฑ์นี้ต้องอาศัยมืออาชีพ-นักวิชาการกล้าเสี่ยงช่วยติดเบรค(พฤหัสบดีเป็นกาลกิณีจร5ทับลัคนาและอาทิตย์ดวงเดิมดาวเมือง๑และตัวแทนจิตใจคนในเมือง)

อาการที่เริ่มปรากฏออกมาบ้างแล้วเช่นเรื่องกองทุนกยศ.ที่สภาผู้แทนราษฎรผ่านร่างกฎหมายไปแล้วให้ปลอดดอกเบี้ย-ไม่มีค่าปรับ-ให้ย้อนหลังทุกรายที่แม้จะมีเสียงคัดค้านเอื้ออึง แต่ไม่รู้ว่าอนาคตกฎหมายนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป

นอกจากในการหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองล้วนมีเรื่องที่จะเอาใจประชาชน ซึ่งคาดว่าหากทำกันเกิดขอบเขตเข้าข่ายประชานิยมจัดไทยอาจจะเจอวิฤตเศรษฐกิจอีกรอบได้ ในระยะเวลาอีกไม่นาน

ความหวังคือนักวิชาการ-หน่วยงานตรวจสอบ-คุมกฎ-มาตรฐานที่เข้มแข็งในฐานะที่พวกท่านอยู่ในกลุ่มเทวดาพิทักษ์เศรษฐกิจของเมืองต้องกล้ากระตุกฝ่ายการเมือง หรือฝ่ายต้องการกระตุ้นแรงๆ

เกณฑ์ที่ 14 ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเลือกตั้งครั้งใหม่ที่เห็นอยู่ในระยะอันใกล้ถ้าเลือกตั้งหลัง8พฤษภาคม2566เป็นต้นไป จะไม่มีล็อคถล่ม-เริ่ม1มีนาคม 2566สิ้นปีใครเป็นรัฐบาลก็จะโชคดีกว่ารัฐบาลที่ผ่านมา ส่วนฝ่ายค้านที่เคยเหมือนคนป่วย ก็จะค่อยๆโงหัวขึ้น และเมืองได้ฝ่ายค้านที่ดีเข้มแข็งขึ้น

ย้อนกลับไปตั้งแต่มีนาคม 2563มาแล้วที่ฝ่ายรัฐบาลต้องแบกภาระหนักอึ้งจากการมาของโควิด19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครนฯลฯ

แต่เป็นเพราะดาวตัวแทนรัฐบาลการบริการราชการแผ่นดินมาตรฐานเข้มแข็ง(พระเสาร์จร7เดินในราศีมังกร-มาตรฐานเกษตราธิบดี-มั่นคง) ประกอบกับดาวตัวแทนผู้นำเข้มแข็ง(พระอาทิตย์1เป็นศรีจร)จึงรอดมาได้ แม้จะทุกข์ๆ-ยากๆหนักหนาสาหัสมาตลอด(พระเสาร์เป็นกาลิณีจร)ก็ยังเถลือกไถล ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายของสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้

สุดท้ายพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รอดปากเหยี่ยวปากกาจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยวาระแปดปีของการการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อ30กันยายน 2565 ได้อย่างไม่น่าเชื่อทั้งที่ต้องหยุดงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้วเดือนกว่าๆ

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีก็โล่งเข้าสู่ปรากฎการณ์นำมาสู่การจะได้ตัดสินใจใดๆทางการเมืองเองดังที่ผู้เขียนเคยทำนายไว้ก่อนล่วงหน้าที่รอบนี้การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองใดๆนายกรัฐมนตรีจะได้ตัดสินใจเองไม่ใช่ถูกบีบให้ทำ

แล้วรอหาจังหวะเหมาะสมยุบสภา-เลือกตั้ง หรือจะอยู่ครบวาระสี่ปีของสภาผู้แทนราษฎรคือ24กุมภาพันธ์ 2566ก็ยังได้

โดยปี2566นี้อาการทางการเมืองคาดว่า

ก.ย้ำอีกครั้งนายกรัฐมนตรีจะได้ตัดสินใจทางการเมืองเองไม่ใช่ถูกบีบให้ทำ

ข.ไม่ว่าจะเลือกยุบสภาหรืออยู่ครบวาระก็จะเป็นปรากฎการณ์รัฐบาลจำใจต้องจาก (พระเสาร์จร7ถึงพระศุกร์ดวงเดิม๖)เช่นคราวคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะยุบสภาให้เลือกตั้ง หรือคุณอนันท์ ปันยารชุนยุบสภาคราวเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกแม้จะมีการอภิปรายในสภาขอให้อยู่ต่อก็ตาม

ค.ถ้าเลือกตั้งหลัง8มีนาคม 2566เป็นต้นไป ผลจะออกมาไม่ล็อคถล่มเหมือนคราวเลือกตั้งที่แล้วที่ 22มีนาคม 2562ที่ผลคราวนั้นชวนตะลึงตาค้างขนาดผู้เขียนเองยังงง

ง.ระหว่าง1มีนาคม-วันเกิดดวงเมืองที่21เมษายน 2566 เกิดปรากฎการณ์วุ่นวาย-ปั่นป่วนในกลุ่มพรรคจะร่วมเป็นรัฐบาลพิกลอยู่ หรือไม่อ่านอีกแนวทางคือการหามิตร-จับกลุ่มตั้งรัฐบาลสับสนวุ่นวายเอาเรื่อง(พระเสาร์เป็นกาลิกณีจร7ในภพที่สิบเอ็ดดวงเมือง) ส่งความผันผวนนี้ไปถึงคนที่จะเป็นผู้นำหรือนายกรัฐมนตรีด้วย(พระเสาร์กาลกิณีจร7เดินในราศีกุมภ์ถึงอาทิตย์ดวงเดิม๑ที่ราศีเมษ)

จ.ตั้งแต่วันที่ 21เมษายน2566เป็นต้นไป- ประมาณ20มิถุนายน 2566ซีกรัฐบาลเก่ากลับไปสู้แล้วน่าจะได้ตามโฉลก…ลาภคืนคง รณรงค์เรามีชัย (พระเสาร์จร7ตัวแทนรัฐบาลเก่าเดินในราศีกุมภ์ภพที่สิบเอ็ด)หรืออีกนัยหนึ่งอ่านได้ว่าเมืองเสียรัฐบาลไปแล้ว ได้กลับมา

ฉ.กระบวนการการได้ตัวนายกรัฐมนตรีที่เป็นทางการคาดว่าจะเป็นช่วงประมาณ15มิถุนายน-17กรกฎาคม 2566

ช.ครั้นวันที่1มีนาคม 2566เป็นต้นไป ถือว่ารัฐบาลออกจากทุกข์หนัก จึงไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาลก็โชคดีภาระไม่หนักเท่าช่วงที่ผ่านมา(พระเสาร์จร7ตัวแทนรัฐบาลเข้าเดินในราศีกุมภ์ภพที่11ลาภะของเมือง)และเกณฑ์นี้จะเป็นไปสองปีครึ่งถึงประมาณ14กุมภาพันธ์ 2569

ฟากฝ่ายค้านที่เคยมีสภาวะสภาวะเหมือนคนป่วย ทำอะไรไม่ค่อยขึ้นที่เป็นมาตั้งแต่ประมาณมีนาคม2563 ก็จะพ้นเคราะห์ออกจากความป่วยไข้ไปด้วย(พระเสาร์จร7เข้าย้ายจากราศีมังกรเข้า ไปเดินในราศี กุมภ์ -ยุติการการเล็งใส่พระจันทร์ดวงเดิม๒ตัวแทนฝ่ายค้านที่ตั้งอยู่ราศีกกรกฎ)

และตั้งแต่วันเกิดเมืองที่21เมษายน 2566เป็นต้นไปเป็นเวลา1ปี เมืองจะได้ฝ่ายค้านที่ดี เข้มแข็ง คอยตรวจสอบรัฐบาล(พระจันทร์เป็นศรีจรของเมือง)

เกณฑ์ที่ 15 ตั้งแต่วันเกิดเมืองที่21เมษายน-สิ้นปี2566คนมียศศักดิ์-ตำแหน่งใหญ่หรือผู้นำขององค์กรสำคัญต่างๆรวมทั้งนายกรัฐมนตรีเข้าเคราะห์ทางกฎหมาย-ระเบียบ-ศีลธรรม-หรือผลกรรมของเคราะห์ที่ทำมาแล้วปรากฏระยะนี้-หรืออาจจะมีการใช้กฎหมายที่เกินเลยหรือใช้กฎหมู่แทนกฎหมาย

ตั้งแต่วันเกิดเมืองเป็นต้นไปถือว่าผู้นำในองค์กรต่างๆทุกระดับของประเทศที่ดวงตก ต้องฆาฎที่เรียกกันว่าปัสสวะชีโว จึงให้จับตามองว่าจะมีการดำเนินการทางกฎหมายหรือระเบียบหรือเรื่องศีลธรรม จริยธรรมเรื่องใหญ่ๆกับผู้นำคนสำคัญในทุกวงการของประเทศ จนเกิดวิบัติกับพวกเขาเหล่านั้นด้วย เน้นไปที่วงการเศรษฐกิจ-กฎหมาย-ศาล-พระ-นักบวช-ผู้รู้-บุคลากรทางการแพทย์-ครูอาจารย์ทั้งหลาย

ดังนั้นตั้งแต่วันเกิดเมืองที่21 เมษายน 2566-21เมษายน 2567การใช้อำนาจ-กฎหมาย-ระเบียบที่เกินขอบเขตหากไม่ระวังจะสร้างความขัดแย้งในสังคมหรือย้อนกลับมาเล่นงานผู้ใช้อำนาจ หรือหากทำไปแล้วผลของเคราะห์จะปรากฎช่วงนี้

ตัวอย่างที่โดดเด่นที่สุดคือกรณีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีย้ายคุณถวิล เปลี่ยนศรีให้พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการสมช.ผลก็ออกระยะที่ทักษาจรเมืองคล้ายกันนี้คือศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พ้นจากนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่7 พฤษภาคม 2557

ส่วนการใช้กฎเกินเลย-กฎหมู่แทนกฎหมายเช่นกรณีเช้าวันที่21กันยายน 2548ชาวบ้านตันหยงลิมอปิดกั้นถนนไม่ให้เข้าช่วยเหลือนาวิกโยธินสองคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันอ้างว่ายิงใส่ร้านน้ำชา และรุมทำร้ายจนทั้งสองคนตาย

หรือกรณีชายฉกรรจ์รุมทำร้ายกายสิทธิ์ ไชยสิทธิ์ ลูกศิษย์หลวงตามหาบัวที่รื้อป้ายโจมตีคุณสนธิ ลิ้มทองกุลที่อุกรธานีเมื่อ 24พฤศจิกายน 2548

อีกทั้งคาดว่าตั้งแต่วันเกิดเมืองที่21เมษายน2566-วันเกิดเมืองที่21เมษายน 2567 จะมีการใช้กฎหมายพิเศษเช่นกฎอัยการศึกเป็นระยะๆ

กณฑ์ที่ 16 ตั้งแต่1มีนาคม 2566- สิ้นปีประชาชนคนเดินดินเริ่มออกจากทุกข์ร้อยแปดด้วยเรื่องหนี้สิน การเจ็บไข้ได้ป่วย เริ่มเป็นสิริมงคลที่พึ่งของเมือง

ย้อนกลังกลับไปตั้งแต่ประมาณมีนาคม 2563 มาเป็นระยะเวลาประมาณสองปีครึ่งแล้วที่ประชาชนในเมืองรัตนโกสินทร์ดวงตกมากไปพร้อมกับเมือง(พระเสาร์จร7เทพเจ้าแห่งความระทมทุกข์เดินในราศีมังกรเล็งพระจันทร์ดวงเดิมของเมือง๒) รอบนี้ที่หนักที่สุดคือการมาถึงของโควิด19ที่เมืองต้องล้อคดาวน์ ประชาชนติดเชื้อ ล้มตาย พลัดพรากสูญเสีย โศกเศร้า หวั่นหวาด ต้องปิดหน้าตากันทั้งเมือง การทำมาหากินลำบากฝืดเคือง มีหนี้มีสิน ในระดับที่หากมองย้อนกลับไปแล้วยังหนาวใจว่าประชาชนพากันผ่านมาได้อย่างไร

แม้ต้นปี2566ประชาชนจะยังมีทุกข์อ้อยอิ่งอยู่ในบรรยากาศของเมือง แต่ครั้นตั้งแต่1มีนาคม 2566 เป็นต้นไปประชาชนได้ออกจากทุกข์รอบนี้แล้ว(พระเสาร์จร7ย้ายราศีจากมังกรเข้าไปเดินในราศีกุมภ์ยุติการเล็งใส่พระจันทร์ดวงเดิม๒)เพื่อจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินต่อไป

แต่ต่อจากนี้ไปหากจะมีทุกข์ก็จากสาเหตุอื่นไม่ไม่ใช่หนักขนาดแผ่นดินเฉาเหมือนสองปีครึ่งที่ผ่านมา

อีกทั้งตั้งแต่วันเกิดเมืองที่21เมษายน2566-21เมษายน 2567 ประชาชนคนเดินดินจะได้ทำสิ่งดีๆ เป็นสิริมงคลของเมืองอย่างโดดเด่น(พระจันทร์เป็นศรีจรของทักษาเมือง)

ปรากฎการณ์นี้มีให้เห็นมากมายในปูมโหรเมืองรัตนโกสินทร์ ในแบบฉบับเมืองไม่สิ้นประชาชนที่ดีและกล้าหาญทำเพื่อบ้านเมือง โดยที่โดดเด่นที่สุดที่ขอยกเป็นตัวอย่างเมื่อเมืองได้เกณฑ์นี้คือวีรกรรมของท้าวสุรนารี และนางสาวบุญเหลือ แห่งเมืองโคราช หรือชาวบ้านบางระจันเริ่มจับมือกันต้านข้าศึกฯลฯ

เกณฑ์ที่ 17 ตั้งแต่1มีนาคม 2566 ดารา คนเด่นดัง ศิลปิน เซเลปทั้งหลายที่ดวงตกมานานสองปีครึ่งเริ่มออกจากบรรยากาศของทุกข์จากการพลัดพรากสูญเสีย โศกสลด เศร้าโศกเสียใจ

เช่นเดียวกับเมืองและประชาชนประมาณสองปีครึ่งที่ผ่านมาตั้งแต่การมาถึงของโควิด-19ดารา คนเด่นดัง ศิลปินน้อย-ใหญ่-ศิลปินแห่งชาติ นักร้อง นักแสดง ผู้กำกับ ตลก ผู้กำกับฯลฯพากันจากไปเป็นใบไม้ร่วงนับ-บันทึกปูมโหนมือเป็นระวิง ราวกับผลัดยุคด้วยเหตุและปัจจัยของแต่ละคน

ครั้นตั้งแต่วันที่1มีนาคม 2566เป็นต้นไปบรรยากาศจะเปลี่ยนไป วงการสดใส พ้นจากแรงกดดันขากทุกข์และมีอนาคตสดใสขึ้น ถ้าจะมีการตายหรือจากไปก็จะเป็นไปตามเหตุปัจจัยของแต่ละคนแต่จะไม่ถี่เหมือนช่วงสองปีครึ่งที่ผ่านมา

เกณฑ์ที่ 18 เริ่ม1มีนาคม2566เป็นต้นไปเข้าสู่ปีที่สองของวาระเจ็ดปีของอุบัติเหตุ-บาดเจ็บ-ล้มตาย-เสียหายเป็นหมู่-กลุมก้อน ไม่กระจายเหมือนคราวโควิด19 โดยมีเหตุการณ์สังหารหมู่หนองบัวลำภูเป็นตัวอย่างนำ ขึ้นอยู่กับว่าช่วงไหนดวงเมืองจะตกมาก-น้อย โดยปี2566บางเหตุการณ์จะเกิดเพราะความย่อหย่อนในกฎเกณฑ์หรือความผิดพลาดของมนุษย์ผสมโรง(มฤตยูจร0เดินในราศีพฤษภทับอังคารดวงเดิม+เกณฑ์ที่สองพระเสาร์จร7เดินในราศีกุมภ์ถึงราศีพิจิกภพมรณะดวงเมือง+ตั้งแต่วันเกิดเมือง21เมษายน 2565เป็นต้นไปพฤหัสบดีเป็นกาลกิณีจรให้โทษเมืองต้องฆาฎ-ปัสสะวะชีโว)

มีข้อมูลปูมโหรในอดีตเป็นตัวอย่างคือเกณฑ์นี้(มฤตยูจร0ทับอังคารดวงเดิม๓เป็นสื่อล่อ)จะดูร้ายในระยะเวลา7ปี ในอดีตที่มีเกณฑ์ร้ายอื่นผสมโรงดวงเมืองตกกว่านี้ เคยเกิดสงครามมหาเอเชียบูรพา -8ธันวาคม 2484กองทัพญี่ปุ่นบุกไทยขอเป็นทางผ่าน -ครั้นปลายปี2587เมืองโดนทิ้งระเบิดทั้งบางซื่อ-บางกอกน้อย-สะพานพุทธ-สะพานพระราหก-ดอนเมือง-โรงไฟฟ้าวัดเลียบ-โรงไฟฟ้าสามเสน-กรมชลฯโรงงานกระดาษ

สำหรับปี 2566นี้ ที่ตั้งแต่มีนาคมเป็นต้นไป-สิ้นปีมีลางตายหมู่ทยอยเกิดเป็นระยะๆทั้งทางดิน-น้ำ-ลม-ไฟ ในอดีตไฟเคยไหม้โรงงานตุ๊กตาเคเดอร์เมื่อ16มีนาคม 2536 ตายเกือบสองร้อยคน-โป๊ะล่มที่ท่าน้ำพรานนกเมื่อ14มิถุนายน 2538 ตาย 29 คนฯลฯ

ส่วนเหตุการณ์การตาย-เสียหายที่จะเกิดความย่อหย่อนในกฎเกณฑ์หรือความผิดพลาดของมนุษย์เช่น

เมื่อวันที่31 สิงหาคม 2530 เดินอากาศไทยเที่ยวบิน 365 โบอิ้ง737 ตกขณะร่อนลงจอดสนามบินภูเก็ต ตาย83 คนเพราะความสับสนของเจ้าหน้าที่วิทยุการบินและนักบินดราก้อนแอร์ที่ลงจอดเวลาใกล้เคียงกันหรือ

เมื่อวันที่5เมษายน 2531 เกิดเหตุการณ์จี้เครื่องบินคูเวตแอร์เวย์เที่ยวบิน422 ทะเลอาหรับ โดยเครื่องบินดังกล่าวออกจากสนามบินดอนเมือง ปลายทางคือสนามบินคูเวต

เนื่องจากเกณฑ์นี้จะกินเวลาไปถึงกรกฎาคม 2572 จึงต้องจับตาดูกันเป็นปีๆไป

โดยตัวอย่างของปรากฎการณ์นี้ที่นำมาแล้ว-โผล่หน้ามาให้เห็นเป็นปรากฎการณ์แรกสำหรับรอบนี้ คือการสังหารหมู่38ศพที่นากลาง หนองบัวลำภู เมื่อวันที่6ตุลาคม 2565(มฤตยูจรoโผล่เข้าในราศีพฤษภ-เป็นสื่อล่อเพียง53ลิปดา)

และการวางระเบิดคาร์บอมแฟลตตำรวจสภ.นราธิวาสเมื่อ 22พฤศจิกายน2565 ตาย1 เจ็บเป็นหมู่เกือบ40คน เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างเจ็บหมู่

เกณฑ์ที่ 19 น้ำน้อย-ท่วมน้อยกว่ากว่าปี2565 แต่ขนาดพายุที่เข้าเมืองจะใหญ่กว่า

ตั้งแต่ต้นปี-ประมาณกลางเมษายน 2566 เมืองยังชุ่มฉ่ำด้วยน้ำฝน

ครั้งเข้าสู่ฤดูฝนปี2566จะมีเหตุปัจจัยที่ฝนจะตกค่อนข้างน้อยกว่าปี2565 อาจจะเข้าข่ายแล้งในบางพื้นที่-บางภาคด้วยซ้ำ ฉะนั้นทางการควรเตรียมรับมือสถานการณ์ตั้งแต่เนิ่นๆโดยอาศัยน้ำต้นทุนจากปี2565ที่อ่างเก็บน้ำของเขื่อนต่างอยู่ในระดับสูงเป็นฐานประหยัด-ใช้งาน

ตลอดทั้งปีพายุหมุนเขตร้อนคาดว่าจะเข้าประมาณสี่ลูก โดยลูกใหญ่ที่สุดของปีคาดจะเข้าประมาณ15พฤศจิกายน 2566 ก่อนหรือหลัง 7วัน

ลูกขนาดย่อมลงมาคาดว่าจะเข้าประมาณ27ธันวาคม 2566ก่อนหรือหลังเจ็ดวัน

เกณฑ์ที่ 20 แผ่นดินไหวปีนี้จะเพิ่มมาให้รู้สึกถึงตึกสูงในกรุงเทพฯ พอให้ตื่นเต้นสักครั้ง-สองครั้ง(พระเสาร์จร7ที่ราศีกุมภ์ทำมุมถึงพฤหัสบดีจร5ที่ราศีเมษที่ลัคนาเมืองสถิตอยู่)

โดยแม้แผ่นดินไหวจะเกิดได้เป็นปกติบ่อยๆไปตามแนวรอยเลื่อนต่างๆในประเทศ แต่ปรากฎการณ์ที่จะเกิดในปีนี้จะแปลกออกไปคือมีโอกาสสร้างแรงสั่นสะเทือนมาถึงกรุงเทพฯและปริมณฑลให้พอได้ตื่นเต้น และนักวิชาการได้แสดงบทบาท

แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่แนววงแหวนแห่งไฟ ปรากฎการณ์นี้ถ้าจะเกิดจริงก็ยังพอสบายใจได้ด้วยหลักนี้

เกณฑ์ที่ 21 ตั้งแต่18ตุลาคม2566เป็นต้นไป-สิ้นปี-ยาวนานไปถึงประมาณ5พฤษภาคม 2568 เป็นระยะเวลาสิบแปดเดือน ระวังการพัฒนาการนำไปสู่การซ่องสุม-แอบซ่อนเทาๆ-การเกิดของวิธีการ-ลัทธิใหม่ๆ-แปลกๆ(พระราหูจร8ย้ายเข้าไปเดินในราศีมีนภพวินาสน์ดวงเมือง ทำให้ชะตาแตก-ร้าว-พินทุบาทว์อีกประเภทหนึ่ง)

ตัวอย่างในอดีตเช่นการเกิดของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หรือพคท.เคยจัดตั้งกองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทยหรือก่อตั้งองค์กรปลดปล่อยสหปัตตานีฯลฯ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผลของพฤหัสบดีจร(5) ย้ายจากราศีเมษเข้าเดินในพฤษภต่อท่านที่ลัคนาสถิตเมถุน-กรกฎ

พฤหัสบดี(๕หากเป็นพื้นดวงชะตาเดิมเขียนแทนด้วยเลขไทย)เป็นหัวหน้าดาวดี หรือศุภเคราะห์ดวงใหญ่ที่สุด ทางโหราศาสตร์ยกย่องว่ามีคุณูประการมาก คอยบันดาลให้มนุษย์มีแต่ความสุขสถ

เกมพลิก-ดาวประจำชีพ+ตรีเทพให้คุณดวงเมือง 1 ปี

อันที่จริงเกณฑ์โหรที่บ่งบอกถึงอาการเกมจะพลิกในเมืองนี้ผู้เขียนได้บอกไว้หมดแล้วตั้งแต่ปลายปี2566ในการเขียนทำนายดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี2567ในไทยโพสต์ และในรายการ-ฟังหูไว้หู-ของคุณวีระ ธีรภัทร กับน้องนุ่นชุติมา พึ่งความสุข ทางช่อง9เอ็มคอตเอชดีและพีพีทีวี. ที่สามารถย้อนไปหาอ่าน -ชมฟังได้

รู้จักพื้นฐานจิตใจของคนทางโหร

ดังที่บอกไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วว่า ตนุเศษ หรือจิตใจคนในทางโหรนั้น เป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆที่จะขับเคลื่อนชีวิตของแต่ละคนให้ออกมาแนวบวกหรือลบ