ต้นปี 2023 เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ (Ferdinand Marcos Jr.) ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เยือนจีนอย่างเป็นทางการ กระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีมาแต่ครั้งอดีต ขยายความร่วมมือหลากหลายโดยเฉพาะด้านเกษตรกรรม สาธารณูปโภค พลังงาน ประชาชนเดินทางไปมาหาสู่กัน
เน้นพัฒนาเกษตรทันสมัย การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมภายใต้ห่วงโซ่อุปทานร่วมกัน ระบบสื่อสารสมัยใหม่ อี-คอมเมิร์ซ ความร่วมมือด้านพลังงานฟอสซิสและพลังงานสะอาด ร่วมสำรวจแหล่งพลังงานในทะเลจีนใต้ จีนจะซื้อสินค้าเกษตรฟิลิปปินส์มากขึ้น

เครดิตภาพ: https://www.globaltimes.cn/page/202301/1283214.shtml
ชัยชนะของจีน ประโยชน์ที่ฟิลิปปินส์ได้:
ประชุมสุดยอดฟิลิปปินส์-จีนครั้งนี้ ประกาศจุดยืนร่วม “แก้ไขความคิดต่างอย่างเหมาะสม” ต่อสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ “ด้วยสันติวิธี” ไม่ให้ประเด็นนี้กระทบความสัมพันธ์รวม ย้ำความสำคัญของการเดินเรือเสรีในแถบนี้
สังเกตว่าทั้งคู่ไม่เอ่ยว่าพื้นที่ส่วนใดเป็นของใคร จะแก้ไขอย่างเหมาะสมเป็นกรอบกว้างๆ คำที่สำคัญคือ “ด้วยสันติวิธี” ไม่ให้กระทบความสัมพันธ์อื่นๆ เป็นบทสรุปที่ชัดเจนเมื่อตกลงไม่ได้ว่าอาณาบริเวณพิพาทนั้นเป็นของใคร รัฐบาลสหรัฐไม่สามารถใช้ประเด็นนี้เข้าแทรกแซงเหมือนกรณีไต้หวัน
ทะเลจีนใต้สามารถเป็นทั้งจุดขัดแย้งกับร่วมมือ ถ้าไม่ขัดแย้งก็ร่วมมือกันได้ดี หากยึดความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจสถานการณ์จะตึงเครียด ประเทศเล็กๆ ในภูมิภาคจะกลายเป็นเครื่องมือช่วงชิงของมหาอำนาจ (ยูเครนเป็นตัวอย่างล่าสุด ยิ่งรบยิ่งพัง อนาคตยูเครนไม่อยู่ในมือของคนยูเครนอีกต่อไป) ยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฉบับล่าสุด “National Security Strategy October 2022” ระบุชัดว่าอเมริกาต้องมีบทบาทในโลกมากกว่านี้ ตอนนี้โลกถูกแบ่งแยกไร้เสถียรภาพ ชาติมหาอำนาจเสี่ยงขัดแย้งมากขึ้น ตอนนี้เขตที่แข่งขันดุเดือดมากที่สุดคืออินโด-แปซิฟิกและกำลังขยายเป็นทั้งโลก แข่งขันวางระเบียบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในด้านต่างๆ ใน 10 ปีนี้เป็นช่วงสำคัญที่สุดห้วงเวลาชี้อนาคต
ถามว่าควรวางตำแหน่งที่เป็นมิตรร่วมมือกับทุกประเทศ หรือยอมตกเป็นเครื่องมือของมหาอำนาจ
สมัยรัฐบาลเบนิกโน อากีโนที่ 3 (Benigno Aquino III) ยึดแนวทางอิงสหรัฐ ความขัดแย้งระหว่างฟิลิปปินส์-จีนรุนแรง รัฐบาลจีนลดการติดต่อทางเศรษฐกิจ
ทั้งจีนกับสหรัฐต่างมีนโยบายยกระดับการค้าการลงทุนกับอาเซียน ประเด็นคืออาเซียนติดต่อการค้าเศรษฐกิจกับประเทศใดมากกว่า
การค้าการลงทุนผ่านข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง (Belt and Road Initiative: BRI) แม้มีเสียงวิพากษ์ เช่น บางโครงการด้อยคุณภาพ บางโครงการขาดทุน ทำให้ประเทศร่วมโครงการเป็นหนี้จีน แต่นับวัน BRI มีแต่จะเฟื่องฟู เพิ่มขึ้นทั้งเม็ดเงินกับประเทศที่เข้าร่วม ล่าสุดภายใต้ BRI 2 ประเทศทำโครงการร่วมเกือบ 40 โครงการแล้ว หลายโครงการใช้เงินกู้เงินช่วยเหลือจากจีน ตั้งแต่การป้องกันโรคระบาด บรรเทาภัยพิบัติ ก่อสร้างสาธารณูปโภค การเกษตร ฯลฯ และอนาคตจะเพิ่มอีกหลายโครงการ
ความจริงที่ลบล้างไม่ได้คือจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของฟิลิปปินส์ และเป็นคู่ค้าที่มีโอกาสงามไม่ว่าเพื่อการส่งออกหรือนำเข้า ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีการค้าจึงไหลลื่น จีนลงทุนในฟิลิปปินส์มากขึ้น หรือพูดอีกอย่างคือรัฐบาลฟิลิปปินส์นี่แหละเปิดทางให้จีนมาลงทุน
ประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ หวังว่านักลงทุนจีนจะเข้ามา ชาวจีนจะมาเที่ยว สองประเทศจะเดินหน้าโครงการสำรวจทรัพยากรธรรมชาติในทะเลจีนใต้ต่อไป
จับมือจีนแต่ไม่ทิ้งสหรัฐ:
มีตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่านโยบายต่างประเทศบางเรื่องยังอยู่ฝ่ายตะวันตก เช่น ฟิลิปปินส์โหวตสนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขันในที่ประชุมสหประชาชาติ ต่างจากชาติสมาชิกอาเซียนหลายประเทศ
ก่อนหน้าประชุมสุดยอดกับจีน ผู้นำฟิลิปปินส์กล่าวต่อแอนโทนี บลิงเคน (Antony Blinken) รมต.ต่างประเทศสหรัฐว่า ฟิลิปปินส์กับสหรัฐ “มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมากเพราะเป็นความสัมพันธ์พิเศษ .... และมีประวัติศาสตร์ร่วมกัน” สนับสนุนที่แนนซี เพโลซี (Nancy Pelosi) ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐและคณะเยือนไต้หวันเมื่อต้นสิงหาคมปีก่อนจนเหตุการณ์ตึงเครียด
ในด้านเศรษฐกิจ นักวิชาการบางคนเห็นว่าฟิลิปปินส์จะเป็นประเทศแรกๆ ที่เข้าร่วมกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (Indo-Pacific Economic Framework: IPEF)
ความร่วมมือด้านความมั่นคงทางทหารเป็นส่วนที่ชัดเจนและสำคัญที่สุด ข้อตกลง Enhanced Defense Cooperation Agreement (EDCA) ทำให้ทหารสหรัฐสามารถประจำการในฟิลิปปินส์ยาวนาน อยู่ในฐานทัพหลายแห่งรวมทั้งฐานทัพอากาศ บางแห่งอยู่ที่หมู่เกาะ Mavulis กับ Fuga ทางตอนเหนือสุดใกล้ไต้หวัน รัฐบาลฟิลิปปินส์เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อการป้องกันประเทศ ต่อความขัดแย้งในทะเลจีนใต้
โดยรวมแล้วการประชุมสุดยอดชี้ว่าสัมพันธ์ฟิลิปปินส์-จีนภายใต้รัฐบาลชุดนี้จะเป็นไปด้วยดี แต่ไม่ใช่หลักฐานว่ามาร์กอส จูเนียร์ ทิ้งสหรัฐ ฟิลิปปินส์ยังคงมีสัมพันธ์เก่าแก่ เป็นพันธมิตรเก่าแก่ เพียงแต่รัฐบาลสหรัฐไม่อาจแทรกแซงข้อพิพาททะเลจีนใต้โดยยืมมือรัฐบาลมาร์กอส จูเนียร์
รวมความแล้ว รัฐบาลมาร์กอส จูเนียร์ ต้องการเป็นมิตรที่ดีทั้งต่อจีนและอเมริกา
ทิศทางอาเซียน:
ต้นเดือนกันยายน 2022 ประธานาธิบดีมาร์กอส จูเนียร์ กล่าวว่า ตนกับผู้นำอินโดนีเซียมีความเห็นร่วมกันว่าอาเซียนเป็น “ตัวสร้างสันติภาพ” โดยเฉพาะในยามที่สถานการณ์ภูมิภาคอ่อนไหว สิ่งที่อาเซียนต้องการคือสันติภาพในหมู่ชาติสมาชิก
การแข่งขันช่วงชิงระหว่างมหาอำนาจเป็นเรื่องเกิดขึ้นอยู่เสมอ หาก 10 ชาติอาเซียนสามัคคีเป็นหนึ่ง ไม่ปล่อยให้ตัวเองเป็นเครื่องมือของมหาอำนาจ เมื่อนั้นโอกาสที่ภูมิภาคจะสงบสุขย่อมมีมาก แต่ต้องระวังนักการเมืองบางคน บางกลุ่ม บางสื่อ ที่พยายามเคลื่อนไหวให้อิงมหาอำนาจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยูเครนเป็นตัวอย่างล่าสุดที่ประเทศเข้าสู่สถานการณ์เลวร้ายไม่อาจแก้ไขให้เหมือนเดิมอีกแล้ว เพราะมีผู้นำแปลกๆ อย่างเซเลนสกี
สมาชิกอาเซียน 10 ประเทศมีระบอบการปกครองหลากหลาย มีบริบทต่างกัน ภาพรวมอาเซียนจึงผันแปรไปตามสมาชิก ฟิลิปปินส์เป็นตัวอย่างประเทศที่เมื่อรัฐบาลเปลี่ยนนโยบายอาจเปลี่ยนตาม บัดนี้รัฐบาลมาร์กอส จูเนียร์ ประกาศจะเป็นมิตรที่ดีกับจีน เป็นอีกปัจจัยที่ชี้ว่าภาพรวมอาเซียนใกล้ชิดเป็นมิตรกับจีนทางเศรษฐกิจต่อไป โดยไม่ทิ้งสหรัฐที่บางประเทศมีฐานะเป็นพันธมิตรเก่าแก่ มีสนธิสัญญาข้อตกลงด้านความมั่นคง อาเซียนขออยู่ร่วมกับมหาอำนาจอย่างสันติ
หวังการพัฒนามากกว่าความตึงเครียด:
นโยบายแม่บทของจีนประกาศชัดต้องการพัฒนาประเทศ ต้องการทำมาค้าขายกับนานาชาติ การทำการค้าให้ประชาชนอยู่ดีมีสุขย่อมดีกว่าทำสงคราม เป้าหมายนี้ไม่สำเร็จหากจีนทำสงครามหรือขัดแย้งรุนแรงกับเพื่อนบ้าน คำถามคือ หากมีประเด็นขัดแย้งที่แก้ไม่ตกจะทำอย่างไร ความขัดแย้งเรื่องอธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้ที่ต่างฝ่ายต่างถอยไม่ได้ (จะมีรัฐบาลไหนที่ยอมสูญเสียดินแดน สูญเสียอธิปไตยให้อีกประเทศ) ทางออกคือแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง เน้นพัฒนามากกว่าเผชิญหน้า
ณ วันนี้รัฐบาลฟิลิปปินส์ยังสามารถบริหารจัดการ 2 มหาอำนาจได้ดี คำถามคือจะทำเช่นนี้ได้ตลอดไปหรือไม่ หากรัฐบาลสหรัฐในอนาคตเรียกร้องให้เลือกข้าง ต้องการตั้งฐานทัพที่นี่ ประจำการกองทัพขนาดใหญ่ สถานการณ์ไต้หวันเข้าสู่จุดเดือด
ย้อนหลังความสัมพันธ์ฟิลิปปินส์-จีนคือสัมพันธ์ที่ปรับเปลี่ยนไปมาอยู่เสมอ ไม่อาจปฏิเสธว่าบางรัฐบาลอิงสหรัฐ บางรัฐบาลเข้าหาจีน-รัสเซียมากขึ้น รวมความแล้วรัฐบาลล่าสุดหวังเป็นมิตรกับทุกมหาอำนาจ ขอบริหารจัดการความสัมพันธ์กับชาติมหาอำนาจทั้งหมด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แนวคิดนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย 2023 (3)
รัสเซียหวังระบบโลกหลายแกนนำที่มีความเท่าเทียมมากขึ้น อันจะส่งเสริมความมั่นคงของตน แต่เท่ากับขัดขวางฝ่ายตรงข้าม
เจ้าพ่อทรัมป์ (Trump the Godfather)
ทรัมป์ไม่ได้ทำงานคนเดียว ต้องรวมสมาชิกรัฐสภารีพับลิกัน รวมทั้งคนอเมริกันหลายล้านคนที่สนับสนุนอย่างแข็งขัน เป็นพวกอำนาจนิยม
แนวคิดนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย 2023 (2)
Russian Foreign Policy Concept 2023 สะท้อนมุมมองสถานการณ์โลก โดยเฉพาะส่วนที่รัสเซียกำลังเผชิญ วิสัยทัศน์อนาคตโลก
แนวคิดนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย 2023 (1)
Russian Foreign Policy Concept 2023 มีรายละเอียดมาก ช่วยให้เข้าใจนโยบายต่างประเทศรัสเซียได้เป็นอย่างดี
จับตาเกาหลีจะกลายเป็นยูเครน2หรือไม่ (2)
ปัจจัยรัสเซียเป็นข้อโต้แย้งว่าเกาหลีเหนือไม่น่าจะเป็นยูเครน 2 ถ้าตีความว่าฝ่ายเหนือมีนิวเคลียร์ รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศเรื่อยมาว่าพร้อมใช้เพื่อป้องกันประเทศ
กำแพงภาษีทรัมป์2.0ไม่ใช่ทางออก
ที่น่าคิดคือ ทรัมป์น่าจะได้รับคำเตือนมาก่อนแต่ยังยืนยันเดินหน้าตั้งกำแพงภาษี คนอเมริกันต้องตรวจสอบว่าทรัมป์ 2.0 จะทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้งจริงหรือไม่