ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ที่ถือกำเนิดจากพระราชพิธีพระนครฐาน หรือพิธีวางเสาหลักเมืองที่ ลัคนาสถิตราศีเมษธาตุไฟตามรูปนั้น คนศึกษาโหราศาสตร์สามารถอ่าน-ตีความพื้นดวงชะตาเดิมได้หลายประเด็น ขึ้นอยู่กับว่าจะเลือกมองแง่มุมที่จะสะกัดออกมาแบบไหน
โดยการสร้างเมือง-วางเสาเสาหลักเมืองนี้ย่อมหนีไม่พ้นที่จะผูกพัน-เกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช พระผู้สถาปนาเมืองและราชวงศ์จักรีตั้งแต่เมืองถือกำเนิดไปจนกว่าจะไม่มีเมืองหรือถ้าเปรียบเทียบกับคนคือเมืองตายไป
เรื่องที่ทราบและเผยแพร่กันทั่วไปที่จะหยิบยกมาเขียนถึงพระองค์ท่านคือทางเลือกสองทางของดวงเมืองที่ปรากฎเผยแพร่ในโลกออนไลน์ในหัวข้อเรื่องที่ชื่อ”ตำนานเสาหลักเมือง” โดยขอสรุปตัดตอนว่า
เมื่อเริ่มสร้างเมืองรัตนโกสินทร์นั้นทรงให้คณะโหร-ชี-พราหม์หาฤกษ์ที่วางเสาหลักเมือง ซึ่งฤกษ์นี้เมื่อหาได้และทำตามพระราชพิธีพระนครฐานหรือวางเสาหลักเมืองแล้วถือเป็นวินาทีแรกที่เมืองจะอยู่ไปจนกว่าเมืองจะตายหรือไม่มีเมืองรัตนโกสินทร์ในโลกนี้แล้ว ซึ่งทางโหรเรียกว่าดวงกำเนิดของเมือง
หากเปรียบเทียบกับคนคือก็วินาทีที่อุแว๊แรกลืมตาดูโลกแล้ว สามารถนำวัน-เดือน-ปี-จังหวัด-ประเทศ-เวลาเกิดซึ่งสำคัญมากมาผูกดวงชะตา เป็นดวงชะตาเดิมหรือแผนที่ชีวิตอันจะบอกบอกลีลา-บุญ-กรรมตั้งแต่เกิดจนตายของเจ้าชะตาได้ (ขึ้นอยู่กับความรู้ของโหรแต่ละท่านที่จะอ่าน-ตีความ)
ตัวอย่างที่คลาสสิคที่สุดที่เล่าเป็นตำนานกันมาคือ พระยาโหราธิบดี หรือเจ้ากรมโหรสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งท่านนี้เป็นบิดาศรีปราชญ์ กวีเอกของกรุงศรีอยุธยา(พระยาโหราธิบดีมีหลายท่าน) เมื่อรู้เวลาเกิด หรือเวลาตกฝากของลูกชาย นำมาผูก-อ่านดวงชะตาแล้วท่านรู้ว่าแม้ลูกชายจะโด่งดังคับกรุงศรีฯ แต่จะตายไม่ดี
![โหราศาสตร์](https://storage-wp.thaipost.net/2023/01/1674260955623.jpg)
ในฐานะพ่อท่านได้พยายามหาทางป้องกันไว้ให้โดยขอสมเด็จพระนารายณ์มหาราชไว้ถ้าศรีปราชญ์ทำผิดขอทรงให้เนรเทศเว้นโทษประหาร แต่ในที่สุดลูกของท่านที่ถูกเนรเทศจากกรุงศรีฯก็ถูกตัดคอโดยเจ้าพระยานครฯจนได้หนีเคราะห์กรรมที่ท่านอ่านไว้ไม่พ้น
กลับมาที่การหาฤกษ์เกิด-กำเนิดเมืองรัตนโกสินทร์ ตำนานเสาหลักเมืองบอกว่า คณะผู้หาฤกษ์ ได้กราบบังคมแนวทางให้ร.1ทรงเลือกสองทางคือ
ทางที่หนึ่ง เมืองจะมีทุกข์-สุขเป็นธรรมดา แต่จะออกแนวสงบสุข เพียงแต่จะมีบางช่วงที่เมืองจะตกเป็นเมืองขึ้นต่างชาติ
ทางที่สอง เมืองมักจะวุ่นวาย-ทะเลาะเบาะแว้งกัน อยู่ดีๆก็จะเรื่องร้าย แต่สุดท้ายจะรอดและเมืองจะไม่เป็นเมืองขึ้นต่างชาติ
ย้อนกลับไปขณะที่กำลังสร้างบ้านแปงเมืองรัตนโกสินทร์นั้น คนไทยยังเพิ่งผ่านการเสียกรุงศรีอยุทธยาครั้งที่สองและเกิดความแตกแยกกันมากจากการปราบดาภิเษก อีกทั้งศึกพระเจ้าปดุง หรือสงครามเก้าทัพกำลังก่อตัว ตำนานเสาหลักเมืองบอกว่า ล้นเกส้าฯรัชกาลที่1ทรงเห็นว่าจะมีประโยชน์อะไรที่สยามจะตกเป็นเมืองขึ้นต่างชาติ จึงทรงเลือกแนวทางที่สอง คือทรงเลือกฤกษ์วางเสาหลักเมืองวันอาทิตย์ที่21 เมษายน 2325 เวลารุ่งเช้าแล้วเก้าบาทหรือ06.54น. ลัคนาสถิตราศีเมษ ธาตุไฟ(ดังรูป)
สำหรับท่านที่ไม่เชื่อตำนานนี้อาจจะมองว่าเหลวไหล แต่ที่ผ่านมาอาถรรพ์ดวงเมืองก็แสดงให้เห็นตลอดเมื่อเหตุการณ์ใหญ่ๆคือสงครามเก้าทัพซึ่งกำลังข้าศึกมากกว่าสยามเท่าตัวแต่เมื่อคนไทยสู้เต็มที่แล้วพระเจ้าปดุงยกทัพกลับเองเพราะมีปัญหาภายใน
ต่อมาสมัยฝรั่งชาติตะวันตกล่าเมืองขึ้น สยามจำแขนขาดเสียดินแดน แต่ไม่เป็นเมืองขึ้นของใครเป็นชาติเดียวในภูมิภาคนี้
ขณะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ส่วนของสงครามมหาเอเชียบูรพากองทัพญี่ปุ่นบุกหลายประเทศแถบนี้สู้กันตายและเสียหายมาก ไทยยินยอมให้ผ่านทางประเทศไทย และจำต้องเข้าข้างญี่ปุ่น แต่ครั้นญี่ปุ่นแพ้สงคราม ไทยกลับชนะ
หลังไซ่ง่อน-เวียงจันทน์-พนมเปญแตกเป็นคอมมิวนิสต์ กองทัพเวียดนามซึ่งขณะนั้นเป็นมหาอำนาจอันดับสามของโลกประชิดชายแดนไทยเตรียมบุกถึงกรุงเทพฯเมืองเข้าที่คับขันอีกครั้ง ครั้นต่อมาวันที่15กุมภาพันธ์2522จีนทำสงครามสั่งสอนเวียดนาม ทำให้ไทยรอดจากการถูกรุกราน เพราะเวียดนามต้องถอนกำลังจากชายแดนไทยเพื่อไปสู้รบกับจีน
นี่คือตัวอย่างที่พิสูจน์ทางเลือกที่ล้นเกล้าฯรัชกาลที่1ทรงเลือกแต่ต้องแลกด้วยความวุ่นวายชวนทะเลาะเบาะแว้งในภายใน แต่หากมีศัตรูก็ช่วยกันสู้แล้วกลับมาทะเลาะกันต่อ
ซึ่งเกณฑ์นี้อธิบายง่ายๆคือดวงเมืองรัตนโกสินทร์ถูกออกแบบให้เป็นแบบกรรไกรคลายออกหลังจากบีบเข้าหากันแล้ว พูดง่ายๆว่าวาสนาของเมืองคือหากเกิดวิกฤติคราวใดจะคลี่คลายในที่สุดและมีโอกาสดีตามมา เฉกเช่นหลังสงครามเก้าทัพราชอาณาจักรสยามแผ่ขยายไปใหญ่โตมากกว่าปัจจุบันมากมาย แต่หากเมืองนิ่งๆนานๆระวังเรื่องร้ายเกิดบีบให้ต้องสู้ต่อ
ตอนต่อไปจะอ่านน้ำพระราชหฤหัยของร.1ในดวงเมืองส่วนที่ว่า”พระราชสายโลหิตของพระองค์จะรับเคราะห์ร้ายก่อนเมือง”
(ยังมีต่อ)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จากคู่มิตรมากสู่ชะตาที่ถูกตรึงของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์(ตอนที่1)
ทำนายไว้ว่าอย่างไรก็ต้องตามรับผิดชอบ เพราะเป็นหน้าที่ของโหร
อริยสัจ 4...หลักการดีที่ควรใช้
ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีผู้คนนับถือศาสนาพุทธมากกว่า 92% และในคำสอนของศาสนาพุธก็มีอริยสัจ 4 เป็นหลักที่ใช้ในการแก้ปัญหาที่ยุ่งเหยิงไปสู่ความสงบ
โชคดี...ที่ตายก่อน!!!
เห็นข่าวคราวว่าด้วย หลานสาว ชาวไทยรายหนึ่ง...ซึ่งน่าจะเป็นปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้โดดเด่น โด่งดัง ใดๆ มาก่อนเลย แต่เมื่อเธอโพสต์คลิปวิดีโอ โดยตัวเธอเองนั่ง
ปรับฮวงจุ้ยหรือ?
ไม่รู้จะเป็นเรื่องฮวงจุ้ยหรือกลัวฟ้า กลัวฝน กลัวไฟจะชอร์ตกันแน่ เพราะตั้งแต่ ผบ.ต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล แม่ทัพใหญ่สีกากี กลับเข้ามาปฏิบัติหน้าที่
ย้ำเป้าหมายหลักทางเศรษฐกิจของเมือง
“เมื่อยืนอยู่ข้างกำแพงพระนครประมาณกรกฎาคม 2572 เราจะถามตัวเองว่า-สถานะทางเศรษฐกิจของเมืองรัตนโกสินทร์มาถึงจุดนี้ได้อย่างไร”
หรือจะรอให้ประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลว
สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเรามีอาการน่าเป็นห่วง เพราะคนรักชาติที่มีอยู่มากกว่าคนชังชาติทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นคนหมู่มากที่นิ่งเฉย (Passive Majority) ทำได้อย่างมากก็คือ