ปี่กลองการเลือกตั้งดังกระหึ่มแล้ว สิ่งที่เราเห็นในเวลานี้ก็คือ การย้ายพรรค การเปิดตัวผู้สมัคร การลงพื้นที่ปราศรัย การประกาศนโยบาย พรรคขนาดใหญ่และขนาดกลางต่างก็หวังจะเป็นผู้ชนะ สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นสิ่งที่เราเห็นเวลานี้ก็คือ การประกาศตัวผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ต่างๆ และการปราศรัยหาเสียงด้วยการเล่าผลงานบ้าง ประกาศนโยบายบ้าง แสดงความเป็นพรรคยอดนิยมด้วยการบอกกล่าวว่ามีคนเด่นคนดังมาสมัครเป็นสมาชิกพรรค มาลงเลือกตั้งในนามของพรรค และบางพรรคก็มีความชัดเจนแล้วว่าส่งชื่อใครเป็นผู้ที่ทางพรรคจะชูให้เป็นนายกรัฐมนตรี
บางพรรคแม้ว่าจะยังไม่ประกาศชัดเจนก็พอจะรู้ได้ว่าเขาจะส่งใครมาเป็นนายกรัฐมนตรี ดูได้จากท่าทีและการพูดจาของคนที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริง เรื่องนี้แหละเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการพิจารณา เพราะการเลือกตั้งตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 นี้ การเลือกตั้งผู้แทนราษฎรของเราไม่ใช่เป็นเพียงการเลือกให้ใครเป็น ส.ส. แต่เป็นการเลือกนายกรัฐมนตรี
การหาเสียงนั้นมีแนวทางที่ดีและไม่ดี แนวทางที่ดีคือ 1) บอกว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาพรรคของตนมีผลงานอะไร ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้าน หรือฝ่ายรัฐบาล ก็ต้องบอกให้ประชาชนรู้ว่า ในฐานะที่เป็นรัฐบาลได้ทำอะไรเพื่อประเทศชาติและประชาชน ถ้าเป็นฝ่ายค้านก็ต้องแสดงผลงานในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลว่ายับยั้งโครงการอะไรได้บ้าง จับทุจริตอะไรได้บ้าง เรียกร้องให้รัฐบาลทำอะไรได้บ้าง 2) บอกว่านโยบายที่ตั้งใจจะทำเมื่อได้เป็นรัฐบาลมีอะไรบ้าง ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน 3) คนที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคเป็นใคร มีคุณสมบัติอย่างไร มีความเก่ง ความดีที่โดดเด่นอย่างไร โดยจะต้องนำเสนอเรื่องที่เป็นจริง ไม่เพ้อเจ้อ ไม่เพ้อฝัน ไม่นำเสนอสิ่งที่เป็นไปไม่ได้มาหลอกลวงหรือเอาผลประโยชน์ (ที่เป็นจริงไม่ได้) มาหลอกล่อมอมเมาประชาชนให้หลงเชื่อและลงคะแนนให้
ส่วนแนวทางในการหาเสียงที่ไม่ดี ที่เราเรียกว่าเป็นการเมืองน้ำเน่าก็คือการสร้างวาทกรรมด้อยค่าคนอื่นด้วยความเท็จ การสาดโคลนใส่คนอื่นด้วยความเท็จและถ้อยคำที่หยาบคาย ต่ำตม ไร้รสนิยม การขายฝันด้วยการสัญญาในสิ่งที่ไม่มีวันจะเป็นจริงได้ การพูดจาข่มท่าน ดูถูกคนอื่น พูดจาปานประหนึ่งว่าตนเองเก่งอยู่คนเดียว หรือเก่งเหนือใครๆ หรือการพูดว่าจะทำอะไรบางอย่างที่รัฐบาลปัจจุบันทำอยู่แล้ว แต่พูดจาปานประหนึ่งว่ารัฐบาลไม่ได้ทำ ต้องเลือกพรรคของเขาเข้ามา สิ่งที่หลายคนมองว่าทำไม่ได้ พรรคของเขาจะทำให้ดูว่าทำได้ หรือสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ ต้องเลือกพรรคของเขาสิ แล้วสิ่งที่ยังไม่ได้ทำจะเกิดขึ้น เป็นการพูดจาบิดเบือนเสมือนหนึ่งว่าสิ่งที่ตนเองพูดนั้น รัฐบาลนี้ไม่ได้ทำ การพูดแบบนี้มันคือการโกหก คนเราแค่เริ่มต้นตอนหาเสียงก็โกหกเสียแล้ว หากมาเป็นรัฐบาลบริหารบ้านเมืองจะซื่อสัตย์ได้อย่างไร ดังนั้นประชาชนจะต้องพิจารณาให้ดี อย่าให้นักการเมืองมอมเมาด้วยคำสัญญาว่าจะไห้ โดยต้องตั้งคำถามว่าสิ่งที่เขาสัญญานั้น ต้องใช้งบประมาณเท่าใด จะเอาเงินมาจากไหน และจะทำลายวินัยทางการเงินการคลังของประเทศหรือไม่
เรื่องการย้ายพรรค ก็ต้องสืบเสาะให้ดีว่าพวกเขาย้ายเพราะอะไร ถ้าหากย้ายเพราะมีอุดมการณ์ตรงกัน ชอบนโยบายของพรรค มั่นใจผู้บริหารพรรค ถือว่าเป็นเหตุผลในการย้ายพรรคที่ดี น่ายกย่อง แต่ถ้าหากย้ายเพราะผลประโยชน์ แปลงร่างจากความเป็นคนกลายเป็นงูกินกล้วย หรือมีคำสัญญาว่าจะได้ตำแหน่งนั้นตำแหน่งนี้ ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีความสามารถที่จะดำรงตำแหน่ง หรือย้ายเพราะจะร่วมมือกันแสวงหาผลประโยชน์จากการคอร์รัปชันเชิงนโยบายที่ผลประโยชน์ทับซ้อน ถือว่าเป็นเหตุผลที่ไม่ดีสมควรถูกประณามและเราไม่ควรจะเลือกคนพวกนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้หลายคนเป็นห่วงว่าจะเป็น “ธนาธิปไตย” คือ “เงินเป็นใหญ่” ไม่ใช่ประชาธิปไตยที่ “ประชาชนเป็นใหญ่” ถ้าหากมีการแจกกล้วยกันจริง เราก็ต้องตั้งคำถามว่าคนที่แจกกล้วย เขาไปเอากล้วยมาจากไหน แล้วเขาลงทุนแจกกล้วยไปทำไม เมื่อลงทุนไปแล้วเขาจะไม่มาถอนทุนคืนด้วยการโกงกินหรอกหรือ
สิ่งที่สำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ เราต้องตระหนักว่าเราไม่ได้แค่เลือกให้ใครเป็น ส.ส. แต่เรากำลังเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเราจะต้องเปรียบเทียบคนที่พรรคส่งชื่อเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี เปรียบเทียบประเด็นต่างๆ ดังนี้ 1) บุคลิกที่สง่างาม 2) ความมีบารมีที่คนยกย่อง 3) ผลงานในสมัยที่กำลังจะจบสิ้นนี้ ทั้งในด้านการแก้ปัญหาและการพัฒนาประเทศชาติเพื่อประชาชน 4) ความจงรักภักดีต่อสถาบันหลักของประเทศคือ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ 5) ความซื่อสัตย์สุจริต และ 6) ความเป็นคนที่เราไว้ใจได้ว่าตั้งใจมาทำงานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน
เมื่อพรรครวมไทยสร้างชาติหาเสียงด้วยข้อความว่า “ลุงตู่อยู่ต่อ เพื่อพัฒนาประเทศชาติต่อ” ก็มีคนบางคนถามว่าทำไมต้องเป็นลุงตู่ ประเทศไทยไม่มีคนเก่ง คนดีกว่าลุงตู่แล้วหรือ คำตอบคือ “มีแน่นอน” และต้องพูดต่อไปอีกว่า “แต่คนเหล่านั้นเขาไม่ได้มาลงเลือกตั้งให้เราเลือก” เราจึงต้องเลือกคนที่เขามีมาให้เราเลือก ถ้าเราคิดว่าพรรคไหนเสนอคนที่เราคิดว่าดีที่สุดใน 6 ประเด็นข้างต้น เราก็กาเลือกพรรคนั้นทั้ง 2 บัตร ทั้ง ส.ส.เขตและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ บางคนอาจจะมี ส.ส.ในดวงใจที่ไม่ได้สังกัดพรรคเดียวกับคนที่เราอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี เราก็ต้องทำใจในการจะไม่เลือก ส.ส.ในดวงใจคนนั้น เพราะถ้าหากเราเลือกเขาคนนั้นที่ไม่ได้สังกัดพรรคเดียวกันกับคนที่เราอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่เราอยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีอาจจะไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้ ดังนั้นต้องไม่เสียดายการเลือก ส.ส.ในดวงใจ เพราะเราไม่ได้เลือกแค่จะให้ใครเป็น ส.ส. เราเลือก ส.ส.เพื่อให้เราได้นายกรัฐมนตรีคนที่เราต้องการ เลือกไม่ดีอาจจะได้นายกรัฐมนตรีที่ไม่ต้องการนะคะ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนาธนูกับเค้าโครงชีวิตปี 2568
ยังอยู่ในช่วงเจ็ดปีของการเปลี่ยนแปลงใหญ่สุขภาพอนามัย-หนี้สิน-ลูกน้องบริวาร และเกือบตลอดปีผู้หลักผู้ใหญ่อวยสถานะ-ยศ-เงินทองให้ แต่มีช่วงซ้อมรับทุกข์และการได้ความผิดที่ไม่ได้ก่อ
ดร.เสรี ลั่นรังเกียจ วาทกรรมแซะสถาบัน
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า เกิดวาทกรรมใหม่ "ใบอนุญาตที่ 2"
เด็กฝึกงาน...ไม่ผ่านโปร
ฉากทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยหลังจากรู้ผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เป็นภาพที่สร้างความกังวลให้กับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ได้เลือกพรรคส้มหรือพรรคแดง
'ความเป็นไทย' กับกรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-ภาคใต้
ถึงแม้จะก่อเกิด ถือกำเนิด ที่อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี...แต่ด้วยเหตุเพราะไปเติบโตที่ภาคใต้ ไม่ว่าเริ่มตั้งแต่อำเภอทุ่งสง จังหวัดหน่ะคอนซี้ทำหมะร่าด ไปจนอำเภอกันตัง
ได้ฤกษ์ 'นายพล' ล็อต 2
ผ่านเดดไลน์ตามคำสั่ง ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ทุกหน่วยส่งบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น
'ดร.เสรี' กรีดเหวอะ! ใครมีลูกสาวเก่งพอที่จะเป็นนายกฯ ต้องบอกลูกให้มีผัว 9 คนอยู่ใน 9 ภาค
ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสารโพสต์เฟซบุ๊กว่า ใครมีลูกสาวที่เก่งพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ต้องบอกลูกนะคะ