ปูตินระงับ New START โลกเสี่ยงสงครามนิวเคลียร์?

New Strategic Arms Reduction Treaty (New START) เป็นข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐกับรัสเซียเมื่อปี 2010 เป็นฉบับปรับปรุงจาก Strategic Arms Reduction Treaty of 1991 (START I) ทั้งสองประเทศจะจำกัดหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์เหลือ 1,550 หัวรบ และระบบปล่อยอาวุธไม่เกิน 700 ชุด

ปูตินระงับใช้ New START:

     ท่ามกลางศึกยูเครนส่อว่าจะขยายวงกว้าง 21 กุมภาพันธ์ 2023 ประธานาธิบดีปูตินประกาศระงับ (suspension) ข้อตกลงจำกัดอาวุธนิวเคลียร์ New START ด้วยเหตุผลขอตรวจสอบให้มั่นใจว่าประเทศปลอดภัยไม่ถูกคุกคามเหมือนอย่างเช่นตอนนี้

ภาพ: อาวองการ์ด (Avangard) ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกหัวรบนิวเคลียร์
เครดิตภาพ: https://missilethreat.csis.org/missile/avangard/

การระงับดังกล่าวไม่ได้หมายความว่ารัสเซียถอนตัวจากข้อตกลงอย่างสิ้นเชิง แต่นับจากนี้รัสเซียอาจเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์ตามต้องการ ไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่สหรัฐเข้าตรวจสอบ ไม่จำต้องรายงานอาวุธที่ถือครอง อีกทั้งอาจมีผลต่อสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ (CTBT) สนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT)

นับจากเกิดศึกยูเครน รัฐบาลปูตินเชื่อมโยงสงครามดังกล่าวกับอาวุธนิวเคลียร์ ถือว่าทั้งหมดคือเรื่องการป้องกันประเทศ อาจตีความว่ารัสเซียจะไม่ยอมแพ้หรือเป็นคำขู่ก็ได้ เป็นคำเตือนที่เปิดเผย นำเสนอเป็นระบบ เริ่มจากแสดงท่าทีว่าอาจไม่ขยายข้อตกลง New START ที่เดิมจะสิ้นสุดในปี 2026 ต่อมาประกาศให้กองกำลังนิวเคลียร์เตรียมพร้อม จากนั้นซ้อมรบหลายรอบ เตรียมพร้อมระบบป้องกันขีปนาวุธข้ามทวีป และเมื่อสงครามยูเครนครบปีจึงประกาศระงับใช้ New START

การระงับ New START เปิดโอกาสให้รัสเซียปรับยุทธศาสตร์นิวเคลียร์ให้ตรงกับบริบทปัจจุบันและอนาคต คาดว่าขนาดหัวรบอาจเล็กลงแต่มีจำนวนมากขึ้น ระบบปล่อยมากขึ้น เพิ่มจุดโจมตีทั้งทางยุทธศาสตร์กับยุทธวิธี เพิ่มโอกาสโจมตีตอบโต้ระลอก 2-3 ด้อยประสิทธิภาพระบบป้องกันขีปนาวุธฝ่ายตรงข้าม ข้าศึกต้องยับยั้งชั่งใจยิ่งขึ้นหากคิดทำสงครามนิวเคลียร์

แม้สงครามยูเครนส่อแววรุนแรงขยายวง ความเป็นสงครามตัวแทนระหว่างรัสเซียกับนาโตชัดเจนยิ่งขึ้นทุกที นำไปสู่การระงับ New START (เห็นชัดว่ารัสเซียถือว่าสหรัฐเป็นคู่พิพาทหลัก ไม่ใช่แค่เรื่องรัสเซียกับยูเครน) แต่หลักนิยมนิวเคลียร์รัสเซียยังคงเดิม สัปดาห์ก่อนนายดมิทรี เมดเวเดฟ (Dmitry Medvedev) อดีตนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันเป็นรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (Deputy Chairman of the Security Council) ย้ำจุดยืนการใช้อาวุธนิวเคลียร์ว่า “ถ้าสหรัฐต้องการเอาชนะรัสเซีย เรามีสิทธิป้องกันตัวเองด้วยอาวุธทุกอย่างรวมทั้งนิวเคลียร์”

หลักคิดกดปุ่มนิวเคลียร์ไม่ต่างจากเดิม เป็นทางเลือกสุดท้ายเมื่อรัสเซียอยู่ในสถานการณ์ใกล้แพ้

โลกเสี่ยงสงครามนิวเคลียร์มากขึ้น:

สิงหาคม 2019 รัฐบาลทรัมป์กับปูตินต่างประกาศยกเลิกสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (Intermediate-Range Nuclear Forces Treaty: INF) ทำให้ยุโรปตกอยู่ในภัยสงครามนิวเคลียร์ทันที มีความหมายว่าทั้งสหรัฐกับรัสเซียสามารถประจำการอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางหลากหลายชนิดเล็งเป้ายุโรป แน่นอนว่ารัสเซียตกเป็นเป้าด้วย

ไม่เพียงเท่านั้น ทันทีที่ถอนตัวออกจาก INF มาร์ก เอสเปอร์ (Mark Esper) รัฐมนตรีกลาโหมกล่าวว่า สหรัฐอาจเริ่มทดสอบอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลางที่ติดตั้งภาคพื้นดินอีกครั้ง หวังจะติดตั้งที่ใดที่หนึ่งในเอเชีย รายงาน Ground-Based Intermediate-Range Missiles in the Indo-Pacific ของ RAND ปี 2022 ที่เผยแพร่ต่อสาธารณะระบุว่า สหรัฐคิดติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ของตนในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ ออสเตรเลียและญี่ปุ่น แม้หลายประเทศปฏิเสธ เช่น รัฐบาลออสเตรเลียกับฟิลิปปินส์ปฏิเสธทันควัน แต่รัฐบาลสหรัฐไม่ละความพยายาม ยังเสาะหาประเทศที่ยอมให้ติดตั้งนิวเคลียร์ของตน

สิงหาคม 2022 เมื่อสงครามยูเครนดำเนินได้ครึ่งปี อันโตนิโอ กูเตอร์เรส (António Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงอันตรายที่สุด ชาติที่มีอาวุธนิวเคลียร์ต้องให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่เป็นฝ่ายใช้อาวุธนิวเคลียร์ก่อน เลิกแสดงแสนยานุภาพนิวเคลียร์ ตอนนี้ความตึงเครียดจากนิวเคลียร์สูงสุดในรอบหลายทศวรรษ

ปูตินให้เหตุผลเหตุที่ต้องระงับ New START เพื่อให้รัฐบาลตะวันตกยอมรับความกังวลของรัสเซีย รัสเซียต้องปลอดภัย ไม่ถูกคุกคามเหมือนอย่างเช่นตอนนี้ ตีความว่ารัฐบาลตะวันตกจ้องทำลายจึงต้องป้องกันตนเอง ซึ่งท้ายที่สุดคือใช้อาวุธนิวเคลียร์

สงครามนิวเคลียร์ใช่ว่าจะเกิดง่ายๆ:

ย้อนหลังไปเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2017 The Washington Post รายงานหน่วยข่าวกรองกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (Defense Intelligence Agency) ระบุว่า ขีปนาวุธเกาหลีเหนือสามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้แล้ว รายงานลับฉบับปลายเดือนกรกฎาคมระบุว่า เกาหลีเหนือมีหัวรบนิวเคลียร์ 60 หัวรบ สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์เข้ากับขีปนาวุธข้ามทวีปที่ยิงไกลถึงแผ่นดินแม่สหรัฐ

ก่อนหน้านั้นเกาหลีเหนือประกาศประสบความสำเร็จในการทดสอบระเบิดนิวเคลียร์มาแล้วหลายครั้ง เมื่อรวมกับการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป 2 ครั้งในเดือนกรกฎาคม เรื่องสหรัฐไม่ปลอดภัยจากนิวเคลียร์เกาหลีเหนือฟังดูเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาก รายงานลับของหน่วยข่าวกรองกระทรวงกลาโหมคือข้อสรุปที่ชัดเจน ช่วงนั้นคนอเมริกันจำนวนไม่น้อยคิดว่าเป็นเรื่องจริง สังคมอเมริกันหวาดผวาหนัก เพราะรับรู้จากสื่อและรัฐบาลตนเองว่าผู้นำเกาหลีเหนือกล้าใช้อาวุธนิวเคลียร์ เรื่องนี้ฉุดคะแนนนิยมทรัมป์ที่ต่ำอยู่แล้วให้ต่ำลงไปอีก

สัปดาห์ต่อมา ไมค์ ปอมเปโอ (Mike Pompeo) ผู้อำนวยการ CIA ชี้แจงว่า ความจริงคือจนถึงบัดนี้ยังไม่มีหน่วยงานการข่าวใดระบุเช่นนั้น ดังนั้นเกาหลีเหนือไม่ใช่ภัยคุกคามจวนตัว (imminent) ที่รัฐบาลกังวลคือเกาหลีเหนือค่อยๆ พัฒนาขีปนาวุธนิวเคลียร์ข้ามทวีปจึงใกล้จะสำเร็จ

เห็นชัดว่ารัฐบาลทรัมป์ต้องการลดกระแสหวาดกลัว ทิ้งคำถามว่า The Washington Post นำเสนอข่าวเท็จหรือว่าหน่วยข่าวกรองกระทรวงกลาโหมสร้างรายงานเท็จ หรือว่า CIA ออกมากลบข่าวจริงให้กลายเป็นเท็จ

ไม่ว่าใครพูดจริงพูดเท็จ คนอเมริกันหวาดผวาสงครามนิวเคลียร์มากจริงๆ

มีนาคม 2022 โพล AP-NORC เผยคนอเมริกัน 45% กังวลมาก (very concerned) ว่าประเทศจะเป็นเป้าอาวุธนิวเคลียร์รัสเซีย 30% กังวลบ้าง (somewhat) 25% ไม่กังวลหรือไม่ค่อยกังวล ถ้าเทียบกับเกาหลีเหนือแล้วรัสเซียสามารถทำลายล้างอารยธรรมอเมริกาง่ายกว่ามาก แผ่นดินสหรัฐอาจถูกโจมตีด้วยนิวเคลียร์หลายระลอก เมืองใหญ่ๆ ล้วนเป็นเป้าโจมตี

รวมความแล้วหากพูดเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 สงครามนิวเคลียร์ล้างโลก ควรถามคนอเมริกัน คนฝรั่งเศสและอังกฤษ (ต้นแบบประชาธิปไตยตะวันตก) ว่าเพื่อปกป้องเสรีประชาธิปไตยของยูเครน ยินดีให้ระเบิดนิวเคลียร์หล่นใส่บ้านตัวเองหรือไม่ ยินดีให้ลูกหลานพินาศพร้อมกับคนยูเครนหรือไม่

ตั้งแต่แรกเริ่มสงครามยูเครน ประธานาธิบดีเซเลนสกีร้องขอให้จัดทำเขตห้ามบิน (no-fly zone) แต่รัฐบาลไบเดนปฏิเสธเรื่อยมา ให้เหตุผลว่าจะกลายเป็นสงครามโลกถ้าเครื่องบินรบนาโตยิงเครื่องบินรบรัสเซีย ฝ่ายสหรัฐจึงตระหนักและรู้ดีว่ากรอบสงครามอยู่ที่ใด ทิ้งให้ยูเครนต้องรบกับรัสเซียด้วยอาวุธที่ด้อยกว่าดังที่เป็นอยู่

ถ้ามองในมุมบวก การระงับ New START คือคำขอให้เจรจา รัสเซียต้องการสันติภาพมากกว่าสงคราม รัฐบาลสหรัฐกับพวกต้องยกเลิกยุทธศาสตร์นาโตขยายตัว ยูเครนต้องวางตัวเป็นกลาง

โลกเสี่ยงสงครามนิวเคลียร์ตั้งแต่ก่อนเกิดศึกยูเครนแล้ว สงครามยูเครนเพิ่มความเสี่ยงให้สูงขึ้นอีก แต่รัสเซียจะ “กดปุ่ม” หรือไม่ยังคงยึดหลักการเดิม

คำอธิบายที่น่าจะถูกต้องคือโลกเสี่ยงสงครามนิวเคลียร์ตั้งแต่ก่อนเกิดศึกยูเครน การใช้นิวเคลียร์อาจเริ่มจากจุดอื่นๆ ที่ไม่ใช่ยูเครน สงครามยูเครนเพิ่มความเสี่ยงให้สูงขึ้นอีก แต่หลักการ “กดปุ่มนิวเคลียร์” ของรัสเซียยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง วันใดที่ศัตรูยิงนิวเคลียร์ใส่รัสเซีย หรือรัสเซียส่อแพ้สิ้นชาติวันนั้นจะตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ รัฐบาลปูตินพยายามยับยั้งไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยการตอกย้ำหลักนิยมป้องปรามด้วยนิวเคลียร์ (Deterrence) พร้อมกับปรับปรุงกองกำลังนิวเคลียร์ของตน จากนี้ไปต้องติดตามว่ารัฐบาลสหรัฐกับพวกจะตอบสนองอย่างไร ประชาคมโลกจะปล่อยให้ความเป็นไปของโลกอยู่ในมือผู้ปกครองไม่กี่คนหรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อิสราเอลโจมตีกงสุลอิหร่านและการตอบโต้

ฮามาสทำศึกกับอิสราเอลได้ครึ่งปี เกิดสงครามตัวแทนระหว่างอิสราเอลกับกองกำลังที่อิหร่านสนับสนุน คราวนี้ถึงรอบอิหร่านปะทะกับอิสราเอลโดยตรงแล้ว

BRICSขยายตัวหมายถึงอะไรบ้าง

BRICS ที่ขยายตัว ชี้ว่ามีประเทศที่หันเข้าสู่ฝ่ายตรงข้ามสหรัฐมากขึ้น แต่ทั้งนี้บางประเทศเพียงอยากมีมิตรหลากหลาย ร่วมมือกับประเทศที่ไม่อยู่ขั้วสหรัฐ

ไบเดนสนับสนุนเนทันยาฮูมากแค่ไหน

ถ้าพุ่งความสนใจ สถานการณ์ล่าสุดดูเหมือนว่ารัฐบาลไบเดนขัดแย้งเนทันยาฮู แต่หากมองภาพใหญ่จะพบว่านับวันพื้นที่ปาเลสไตน์ลดน้อยลงทุกที และกำลังจะเป็นเช่นนี้อีกที่กาซา

ข้อมติให้กาซาหยุดยิงเพื่อใคร

รัฐบาลสหรัฐเสนอร่างมติให้กาซาหยุดยิง เป็นมิติใหม่ที่ใช้ UNSC กดดันอิสราเอล แต่เรื่องนี้มีความแหลมคมซ่อนอยู่ แท้จริงแล้วเป็นการช่วยอิสราเอลมากกว่า

ศึกยูเครนสงครามที่รัสเซียจะไม่แพ้

สงครามยูเครนฝ่ายรัสเซียมีแต่ชนะกับเสมอ ส่วนยูเครนมีแต่เสมอกับแพ้ เพราะรัสเซียพร้อมใช้นิวเคลียร์ถ้าใกล้แพ้ ส่วนนาโตไม่กล้าใช้นิวเคลียร์ช่วยยูเครนที่กำลังปกป้องประชาธิปไตยยุโรป

State of the Union 2024 ไบเดนลั่นกลองหาเสียง

คำแถลงนโยบายประจำปี 2024 เหมือนการหาเสียงมากกว่า ซึ่งไม่แปลกเพราะตรงกับปีเลือกตั้ง แม้ไม่เอ่ยว่าคำว่า “ทรัมป์” แต่ผูกประเด็นเข้ากับคู่แข่งการเมืองอย่างชัดเจน