สัปดาห์ที่ผ่านมา สายตาทั่วโลกมองไปที่ปักกิ่งจริง ๆ...เพราะความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระดับผู้นำของจีนจะมีผลกระทบต่อการเมือง, เศรษฐกิจและความมั่นคงของโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เริ่มด้วยการรับรองโดยสภาประชาชนแห่งชาติให้สี จิ้นผิงเป็นเบอร์หนึ่งของประเทศสมัยที่ 3
ถือเป็นประวัติศาสตร์การเมืองของจีนเลยทีเดียว เพราะหลังจากประธานเหมา เจ๋อตุงแล้วก็ไม่มีผู้นำจีนคนไหนได้นั่งตำแหน่งสูงสุดของประเทศเกินสองสมัย
สี จิ้นผิงเป็นทั้งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ (คุมพรรค)
เป็นทั้งประธานประเทศ (หรือ “ประธานาธิบดี” ในภาษาเรียกของประเทศอื่น) มีอำนาจคุมรัฐบาลผ่านนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี
และเป็นทั้งประธานคณะกรรมาธิการกลางทหาร (คุมกองทัพ)
เรียกว่ากุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในทุกภาคส่วนของประเทศ
การลงมติในสภาฯเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สี จิ้นผิงได้คะแนนทุกคะแนนจากสมาชิก 2,952 อย่างเป็นเอกฉันท์
ช่อง “คัดค้าน” เป็นศูนย์
และช่อง “งดออกเสียง” ก็เป็นศูนย์เช่นกัน
ไม่มีใครหือใครอือแต่อย่างใด
นี่แหละที่เขาเรียกว่า “ประชาธิปไตยที่มีอัตลักษณ์จีน”
จีนอ้างว่าประชาธิปไตยภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์นั้นให้ประชาชนมีสิทธิ์มีเสียงผ่านกระบวนการคัดเลือกในระดับท้องถิ่นแล้ว
ในคำปฏิญาณตนรับตำแหน่งของสี จิ้นผิงนั้นนอกจากจะยืนยันจะปกปักรักษารัฐธรรมนูญแล้ว ก็ยังจะยอมให้ “ประชาชนตรวจสอบ” ในการทำหน้าที่อีกด้วย
วันต่อมา สภาฯจีนก็รับรองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีใหม่ คือนาย “หลี่ เฉียง”
คนคุ้นเคย มองตาก็รู้ใจของสี จิ้นผิง
หลี่ เฉียงในวัย 63 วันนี้เคยเป็นเบอร์หนึ่งของเซี่ยงไฮ้
และเคยรับหน้าที่เป็นเลขาฯของสี จิ้นผิงที่เจ้อเจียง เรียกว่ารู้ฝีมือกันอยู่แล้ว
ที่น่าสนใจคือการนับคะแนนให้การรับรองหลี่ เฉียงไม่ได้เป็นเอกฉันท์เบ็ดเสร็จเหมือนของสี จิ้นผิง
เขาได้ทั้งหมด 2,936 เสียง โดยมีเสียงคัดค้าน 3 เสียง และงดออกเสียง 8 เสียง
นี่ก็อาจจะเป็นการแสดงออกถึงความเป็น “ประชาธิปไตย” ของรัฐสภาจีนตรงที่ว่าไม่ใช่ว่าผู้นำทุกคนจะได้ความไว้วางใจจาก “ผู้แทนประชาชน” ทั่วประเทศเท่ากัน
เบอร์หนึ่งอย่างสี จิ้นผิงต้องได้ 100%
เบอร์สองอย่างหลี่ เฉียงก็ได้สัก 99.99% จะได้เห็นความแตกต่าง
ทุกความเคลื่อนไหวของจีนล้วนต้องตีความตามสัญลักษณ์ที่ปรากฏให้เห็น
หลี่ เฉียงมีความพิเศษตรงที่ไม่เคยมีประสบการณ์บริหารรัฐบาลกลางมาก่อน
เขาไม่เคยเป็นรองนายกฯ เหมือนนายกฯคนก่อน ๆ ที่ต้องผ่านการทดสอบในหน้าที่งานการในรัฐบาลกลางเสียก่อนจึงจะสามารถก้าวขึ้นไปเป็นเบอร์หนึ่งได้
แต่กรณีหลี่ เฉียงได้รับการยกเว้น
เป็นไปได้ว่าสี จิ้นผิงต้องการจะ “แหกประเพณี” เพราะต้องการเบอร์สองที่เขาสามารถวางใจได้เต็มที่ ไม่ต้องเหลียวหลังแลหน้าด้วยความไม่แน่ใจหากต้องลุยงานหนักที่รออยู่
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจในกรณีหลี่ เฉียงคือการที่เขาเคยถูกวิจารณ์เรื่องโควิดล็อกดาวน์ไวรัสตอนบริหารเซี่ยงไฮ้
จนทำให้เกิดการประท้วงกลางถนน จนลามไปถึงการเรียกร้องทางการเมือง ตามมาด้วยการตัดสินใจของรัฐบาลจีนที่ให้ยกเลิกมาตรการเข้มข้นเกือบจะชั่วข้ามคืน
นั่นไม่เป็นรอยด่างสำหรับหลี่ เฉียงแต่อย่างไร
แต่เขาก็เคยได้รับคำชมที่สามารถดึงเอา Tesla มาสร้างโรงงานรถยนต์ไฟฟ้าที่เซี่ยงไฮ้ เป็นการตอกย้ำถึงความล้ำสมัยของจีนในการต้อนรับการลงทุนยุคใหม่จากต่างประเทศ
รัศมีของหลี่ เฉียงเริ่มจะแผ่แสงแรงกล้าเมื่อเขาได้เข้าร่วมคณะกรรมการประจำโปลิตบูโรอันทรงอิทธิพลของพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ก้าวขึ้นมาในฐานะมือใหม่ในการบริหารราชการส่วนกลางที่ค่อนข้างจะสลับซับซ้อนของจีน
เพราะรัฐบาลกลางของจีนต้องดูแลทั้งหมด 31 มณฑล เทศบาล และเขตปกครองตนเอง
หลี่ เฉียงเริ่มงานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐในมณฑลเจ้อเจียงบ้านเกิดของเขาเองและอยู่ที่นั้นกว่าสิบปี
ก่อนที่จะรับตำแหน่งเป็นเลขานุการของสี จิ้นผิงเป็นเวลาหลายปีตอนที่สีก้าวขึ้นในตำแหน่งระดับสูงในเขตอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกของจีน
ต่อมา หลี่ เฉียงได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็นเลขาธิการพรรคของมณฑลเจียงซู
และในปี 2017 เขากระโดดขึ้นไปเป็นเลขาธิการพรรคของเซี่ยงไฮ้
ในฐานะนายกรัฐมนตรี ภารกิจหลักของหลี่ เฉียงคือการกำกับควบคุมและบริหารเศรษฐกิจภายในประเทศที่ทางการตั้งเป้าว่าจะต้องโตประมาณ 5% สำหรับปีนี้...จากที่ร่วงลงไปที่ 3% เมื่อปีที่แล้วโดยมีสาเหตุสำคัญคือการระบาดของโควิดและการชะลอตัวของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
การที่จีดีพีของจีนโตเพียง 3% เมื่อปีที่ผ่านมาถือเป็นอัตราการเติบโตที่ช้าที่สุดในรอบหลายทศวรรษและต่ำกว่าเป้าหมายอย่างเป็นทางการที่ 5.5%
หลี่ เฉียงได้รับปริญญาบริหารธุรกิจบริหารจากมหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคฮ่องกงในปี 2005 หลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรเจ้อเจียงในปี 1982
ประวัติการทำงานของหลี่ เฉียงสะท้อนว่าเขาเชื่อในการเป็นนักปฏิรูปด้านธุรกิจและที่ค่อนข้างจะเข้าใจความสำคัญของเอกชนในการหนุนเนื่องให้เศรษฐกิจของประเทศเดินหน้าไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อปี 2003 ระหว่างมีตำแหน่งระดับสูงที่เวินโจว หลี่ เฉียงเคยให้ความเห็นว่า
"หากไม่มีเศรษฐกิจภาคเอกชน การพัฒนาเมืองของเวินโจวจะถอยหลังไปอีกอย่างน้อยหนึ่งศตวรรษ"
และในปี 2014 เขาบอกว่าประเทศจีน "ควรมีอาลีบาบาและแจ็ค มามากมากกว่านี้"
ถึงวันนี้ เมื่อสี จิ้นผิงพยายามจะกำกับควบคุมไม่ให้เหล่าบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจเทคโนโลยีดัง ๆ ของจีนให้ลดบทบาทที่โดดเด่นเกินไป หลี่ เฉียงในฐานะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะมีจุดยืนเรื่องนี้อย่างไรจึงเป็นประเด็นที่น่าติดตามอย่างยิ่ง
เมื่อปี 2015 หลี่ เฉียงย้ำว่าการปฏิรูปเศรษฐกิจเป็นเรื่อง "ความเป็นความตาย” ต่อประเทศ
และยังย้ำว่า "รัฐบาลไม่สามารถเป็นรัฐบาลที่ไร้ขีดจำกัดได้ตลอดไป
นั่นแปลว่าบทบาทของรัฐจะต้องมีการจำกัดวงให้เหมาะสม ไม่ใช่จะทำได้ทุกเรื่องอย่างไม่มีข้อจำกัด
เขาเคยบอกว่า "ในการสร้างรัฐบาลสมัยใหม่ที่จำกัดแต่มีประสิทธิภาพ คุณต้องถ่ายโอนอำนาจการจัดการจำนวนมากไปยังองค์กรทางสังคม"
เคยมีรายงานข่าวว่าหลี่ เฉียงได้เคยเสนอแนะให้รัฐบาลผ่อนปรนการดำเนินการด้านกฎระเบียบต่อธุรกิจต่างๆ และทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างธุรกิจกับรัฐบาลในช่วงที่รัฐบาลกำลังจัดการบริหารกำหนดขอบเขตของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ ๆ ทั้งหลาย
แต่นั่นคือแนวทางเดิมบนเส้นทางเติบใหญ่ของเขา
วันนี้ ในฐานะนายกฯและเบอร์สองรองจากสี จิ้นผิง หลี่ เฉียงจะปรับท่าทีและนำพาจีนไปในทิศทางไหนจึงเป็นหัวข้อที่ทั้งโลกกำลังจับตามองอยู่ขณะนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แชร์สนั่นโซเชียล ลุกโชนเป็นไฟลามทุ่ง! ‘อนุทิน’ บุกเพจ ‘สุทธิชัย’ แจงกรณีคุยกับ ‘ทรัมป์’
ภายหลัง เพจ Suthichai Yoon โพสต์ข้อความว่า‘ทรัมป์‘ ให้สัมภาษณ์ Wall Street Journal ว่าเขาได้ใช้ tariff กดดันให้ไทยกับกัมพูชายุติการสู้รบ!
มีแม้วไม่มีเรา! วัดใจจุดยืน 'พรรคส้ม' หลังทักษิณขีดเส้นแบ่งข้างทุกเวทีแล้ว
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า "พรรคส้มกล้าไหม? มีแม้วไม่มีเรา!
ประเทศเดียวในโลก ‘นายกฯทับซ้อน’ มหันตภัยปี 2568
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่าสำนักวิจัยต่าง ๆ กำลังวิเคราะห์เพื่อพยากรณ์ว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับความท้าทายสาหัสอะไรบ้างใน
‘หยุ่น’ ฟันเปรี้ยงรอดยาก! ชั้น 14 ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุด
นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊กว่า เรื่องชั้น 14 จะดิ้นอย่างไรก็หลุดยาก จึงเห็นการเฉไฉ, ตีหน้าตาย
บิ๊กเซอร์ไพรส์ 'สุทธิชัย หยุ่น' เล่นซีรีส์ 'The White Lotus ซีซั่น 3'
เรียกว่าสร้างความเซอร์ไพรส์อย่างต่อเนื่อง สำหรับซีรีส์ The White Lotus ซีซั่น 3 ซึ่งจะสตรีมผ่าน Max ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2025 เพราะนอกจากจะมี ลิซ่า-ลลิษา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย ที่กระโดดลงมาชิมลางงานแสดงเป็นครั้งแรก ในบทของ มุก สาวพนักงานโรงแรม
ถามแสกหน้า 'ทักษิณ' จะพลิกเศรษฐกิจไทยยังไง ทุกซอกมุมในสังคมยังเต็มไปด้วยทุจริตโกงกิน
นายสุทธิชัย หยุ่น นักวิเคราะห์ข่าวและผู้ดำเนินรายการข่าวชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า “เขาจะพลิกประเทศไทยให้เศรษฐกิจล้ำโลกได้หรือ


