
มีข่าวดีสำหรับคนไทยและเศรษฐกิจไทย เมื่อทางกระทรวงพาณิชย์ โดยสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ออกมาแถลงข่าวถึง ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) ในเดือน ก.พ.2566 ซึ่งพบว่ามีตัวเลขอยู่ที่ 108.05 เทียบกับ ม.ค.2566 ลดลง 0.12% และเมื่อเทียบกับ เดือน ก.พ.2565 เพิ่มขึ้น 3.79% ชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือน
โดยปัจจัยหลักที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อของบ้านเราปรับตัวลดลง มีสาเหตุสำคัญมาจากการชะลอตัวของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง อาหารบางประเภท โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูปและอาหารสด ประกอบกับฐานราคาที่ใช้คำนวณเงินเฟ้อปี 2565 อยู่ในระดับสูง มีส่วนทำให้เงินเฟ้อไม่ขยายตัวมากนัก และเงินเฟ้อเฉลี่ย 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) เพิ่มขึ้น 4.40%
พร้อมกันนี้ทางกระทรวงพาณิชย์ยังมีการคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อเดือน มี.ค.2566 คาดว่าจะชะลอตัวลงตามราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสดหลายรายการที่คาดว่าจะลดลงต่อเนื่อง และราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่อยู่ระดับต่ำกว่าปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน มุมมองของนายวิชานัน นิวาตจินดา รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ประเมินว่า เงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ และกำลังเข้าสู่ช่วงขาลงชัดเจน น่าจะเห็นชัดในช่วงกลางปีถึงปลายปี โดยเงินเฟ้อตั้งแต่เดือน ต.ค.2566 อาจใกล้กับ 0% หรืออาจจะติดลบก็ได้ ถ้าช่วงนั้น น้ำมันยังลดลง แต่ถ้าน้ำมันขึ้น เงินเฟ้อก็ไม่ลด ส่วนเงินเฟ้อทั้งปี ขณะนี้ยังคงเป้า 2-3% แต่จะมีการพิจารณาปรับเป้าและสมมติฐานใหม่ หลังได้ตัวเลขไตรมาสแรกแล้ว โดยแนวโน้มน่าจะลดลง หรือกรอบแคบขึ้น หรือปรับค่ากลางลดลง
แน่นอน การประกาศตัวเลขดังกล่าวนั้นย่อมส่งผลบวกหลายประการ อันดันแรกคือ เรื่องของ ราคาสินค้าและค่าครองชีพมีแนวโน้มจะคงที่และถูกลง ย่อมส่งผลดีต่อการจับจ่ายของประชาชนที่มากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในอีกทางหนึ่ง ซึ่งเมื่อมีการใช้เงินเพิ่มขึ้น การผลิตก็ย่อมมากขึ้น การจ้างงานก็ดีขึ้น ถือเป็นห่วงโซ่ที่เกื้อหนุนกัน
และที่สำคัญเงินเฟ้อมีสัญญาณที่ลดลง ก็จะส่งผลตรงต่อการประเมินเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารด้วย ล่าสุด ศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ก็ประเมินว่า อย่างน้อยในปีนี้ทาง คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งติดต่อกัน ในการประชุมเดือน มี.ค. และเดือน พ.ค. โดยคาดว่าระดับราคาสินค้าจะยังปรับขึ้นตามต้นทุนที่สูงและทยอยเพิ่มต่อเนื่อง เช่น การปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มในเดือน มี.ค. ขณะที่การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวอาจส่งผลให้ราคาสินค้าและบริการทยอยปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องได้ สะท้อนจากราคาสินค้าในเดือน ก.พ. ที่ปรับเพิ่มขึ้น เช่น หมวดเครื่องนุ่งห่มและรองเท้า และหมวดการบันเทิง การอ่าน การศึกษา เป็นต้น
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีมุมมองที่ยังไม่ตรงกัน ในเรื่องของทิศทางเงินเฟ้อในอนาคต แต่สำหรับตัวเลขของเดือน ก.พ.ที่ออกมา ถือเป็นสัญญาณบวกที่ชัดเจนต่อเศรษฐกิจไทย และในช่วงไตรมาสที่ 2 ยังมีเรื่องดี อย่างการจัดการเลือกตั้งทั่วไปปี 66 เพื่อหารัฐบาลใหม่บริหารประเทศ ซึ่งในช่วงนี้จะทำให้มีเม็ดเงินในช่วงการหาเสียงลงมาในระบบเศรษฐกิจอีกจำนวนหนึ่งเลยทีเดียว และทั้งหมดก็จะส่งผลดีด้วย
ดังนั้นการที่อัตราเงินเฟ้อที่เคยเป็นอุปสรรคสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยมีทิศทางที่ดีขึ้น ย่อมทำให้คาดหวังได้ว่า ประชาชนคนไทยจะสามารถลืมตาอ้าปากได้เสียที หลังต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจมากมาย นับตั้งแต่การระบาดของโควิด-19 และการทำสงครามระหว่างรัสเชียและ ยูเครน ซึ่งเป็นตัวฉุดภาวะเศรษฐกิจมาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ

