เข้าใจตรงกัน

มีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลในคอลัมน์เมื่อช่วง 2-3  สัปดาห์ก่อน ที่เขียนถึงความเศร้าในแวดวง "สีกากี" เกี่ยวกับการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.วัฒนกิจ เฉลาประโคน ผกก.สภ.ลาดยาว จว.นครสวรรค์ วัย 55 ปี ภายในสโมสรตำรวจ  ระหว่างมารอชี้แจงคดีที่เกี่ยวข้องในพื้นที่

แล้วไปให้ข้อมูลว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.ฝ่ายสืบสวน เป็นผู้เรียก ผกก.สภ.ลาดยาว มาชี้แจงคดี

แต่ข้อเท็จจริงที่ได้ตรวจสอบมาเรียบร้อยแล้ว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ได้เรียก ผกก.สภ.ลาดยาว มาแต่อย่างใด การเดินทางมาของ พ.ต.อ.วัฒนกิจ นั้น ได้รับมอบหมายมาจากผู้บังคับบัญชาระดับจังหวัดให้มาชี้แจงเกี่ยวกับคดีจับกุมต่างด้าวในพื้นที่ เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่

อีกทั้งการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.วัฒนกิจ ก็เกิดจากโรคประจำตัวเกี่ยวกับความดันสูง รวมทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอ กระทั่งหมดสติระหว่างนั่งอยู่ภายในสโมสรตำรวจ เพื่อนตำรวจในที่เกิดเหตุช่วยกันปั๊มชีพจร แต่ไม่สามารถยื้อชีวิตไว้ได้ ตามที่ภรรยาของ พ.ต.อ.วัฒนกิจ ได้ให้ข้อมูลไว้ในช่วงนั้น

หลังเกิดเหตุเมื่อ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ทราบข่าวก็รีบเดินทางมาจุดเกิดเหตุ เพราะความเป็นห่วงลูกน้อง รวมทั้งยังกำชับตำรวจที่เกี่ยวข้องให้ดูแลช่วยเหลือ พ.ต.อ.วัฒนกิจ อย่างเต็มที่ ทั้งสิทธิการเยียวยาต่างๆ ให้แก่ครอบครัว เนื่องด้วยเป็นการเสียชีวิตในระหว่างการปฏิบัติราชการ

เลยอยากให้เข้าใจตรงกัน และขออภัยในความคลาดเคลื่อนของข้อมูลที่เกิดขึ้น

จะว่าไปจริงๆ คดีต่างด้าว คดีค้ามนุษย์ ตั้งแต่  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มารับผิดชอบ มาดูแล ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  (ศพดส.ตร.) สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้นตามลำดับ

มีการประสานงานความร่วมมือกับต่างประเทศ และการกวดขันการทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในประเทศอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางไปเครือรัฐออสเตรเลีย ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ร่วมกับ นางสาวอาจารี ศรีรัตนบัลล์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงแคนเบอร์รา และนายพืชภพ มงคลนาวิน รองอธิบดีกรมองค์การระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เป็นผู้แทนไทยเข้าร่วมการประชุมกระบวนการบาหลี (Bali Process) ช่วงต้นเดือน  ก.พ.66

เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และการลักลอบขนคนเข้าเมือง อาชญากรรมข้ามชาติ

 ยิ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้นำเสนอเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ และการบังคับใช้แรงงานที่เป็นการค้ามนุษย์ ซึ่งที่ผ่านมา​​​​​​​ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ได้มีการประสานงานกับหลายประเทศเพื่อช่วยเหลือคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อการถูกหลอกไปบังคับใช้แรงงานกลับมายังประเทศไทยได้มากถึง 1,105 คน​​​​​​​ รวมทั้งหารือกับผู้แทนจากสหรัฐอเมริกา และประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อแสวงหาความร่วมมือในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์

ทำให้ต่างชาติเข้าใจและเห็นความจริงใจในการบังคับใช้กฎหมายค้ามนุษย์ของไทยอย่างจริงจัง

หรือล่าสุดที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เข้าไปควบคุมดูแลคดีที่มี "ตำรวจ" เข้าไปเกี่ยวข้อง เข้าไปรับผลประโยชน์จากชาวจีนผิดกฎหมาย แบบเอาจริงเอาจัง ดำเนินคดีแบบไม่มีละเว้น

ยิ่งทำให้ต่างชาติเห็นถึงความจริงจัง จริงใจ ของประเทศไทยในการแก้ปัญหาค้ามนุษย์อย่างเต็มที่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เตะออกนอกหน่วย

จำได้ว่าช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เคยหยิบยกเนื้อหาที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้โพสต์เอาไว้ในเฟซบุ๊ก Aek Angsananont ตั้งแต่ตอนที่ได้รับเลือกแต่งตั้งเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท ก. หลังได้รับการเลือกตั้งจากตำรวจระดับ รอง ผกก.ขึ้นไปใหม่ๆ

ก้าวไกลคุมตำรวจ

เข้มข้นๆ แบบห้ามกะพริบตา การตั้ง "รัฐบาล" ของพรรคก้าวไกล ที่ตอนนี้เข้าเกียร์ 5 เดินหน้าเต็มพิกัด รวบรวม 8 พรรคการเมือง 313 เสียง จับมือ "ตั้งรัฐบาล" ภายใต้ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล

เลือก 'ประธาน ก.ตร.'

อย่าเพิ่งตกใจ อย่าเพิ่งมึนงง อย่าเพิ่งสับสนว่าตำแหน่ง "ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ" หรือ "ประธาน ก.ตร." มีการเปลี่ยนแปลงจาก "โดยตำแหน่ง" มาเป็น "คัดเลือก"

กลัดกระดุมตำรวจ

ตั้งใจจะเขียนตั้งแต่สัปดาห์ สองสัปดาห์ก่อน ถึงเรื่องที่น่าสนใจ เรื่องที่น่าจะขยาย ให้ "ตำรวจ" ทั่วประเทศได้รับรู้ รับทราบ ถึงการทำหน้าที่ของ 3 ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ก.) ที่ได้รับการเลือกตั้งจากตำรวจระดับ รอง ผกก.ขึ้นไป เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

ตร.ดีเด่นฉาวโฉ่!

ไม่เข็ด ไม่หลาบ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่เกรงกลัวการลงโทษทางวินัยจริงๆ "สีกากีนอกแถว" ทั้งๆ ที่ ผบ.เด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขู่เช้า ขู่เย็น จะฟัน "ตำรวจ" ทุกนายที่กระทำผิดกฎหมาย

ด่านสกัดเมาขับ

เข้าสู่ช่วงท้ายของเทศกาล "สงกรานต์" แม้ตัวเลขอุบัติเหตุทางถนนจะมีผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดมาจาก ขับรถเร็วเกินกำหนดและการเมาแล้วขับเช่นเคย