เข้าสู่ช่วงท้ายของเทศกาล "สงกรานต์" แม้ตัวเลขอุบัติเหตุทางถนนจะมีผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดมาจาก ขับรถเร็วเกินกำหนดและการเมาแล้วขับเช่นเคย
แต่ถ้านำไปเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 สถิติต่างๆ ก็ลดลง
นั่นบ่งบอกให้เห็นถึงการรณรงค์ของหน่วยงานรัฐที่ผ่านมา
ไม่สูญเปล่า!!!
ประชาชนเกิดความตระหนักรับรู้และให้ความร่วมมือ
แม้จะไม่สามารถทำให้อุบัติเหตุเป็นศูนย์ การเสียชีวิตเป็นศูนย์ การบาดเจ็บเป็นศูนย์ แต่แค่ลดลงเรื่อยๆ ก็เป็นสัญญาณที่ดี เป็นกำลังใจให้หน่วยงานภาครัฐต่อยอดในการรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวๆ กันต่อไปเรื่อยๆ
โดยเฉพาะในปีนี้ การปรับมาตรการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนของ "ตำรวจ" โดยเฉพาะ "ตำรวจนครบาล" ถือว่าตรงจุด ถือว่าถอดบทเรียนในอดีตมาปรับใช้ในปัจจุบันได้อย่างถูกต้องเหมาะสม
การปรับกลยุทธ์การตั้งด่านสกัดเมาแล้วขับ ถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้สถิติอุบัติเหตุทางถนนในปีนี้ลดลง คือการแบ่งการตั้งจุดตรวจออกเป็น 2 ประเภท
อันแรกจุดตรวจวินัยทางจราจรจำนวน 105 จุดทั่วกรุงเทพฯ เพื่อกวดขันในเรื่องของปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอุบัติเหตุ เช่น การไม่สวมหมวกนิรภัย การฝ่าไฟแดง หรือการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด
อีกส่วนคือจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ที่มีเกือบ 100 จุดทั่วกรุงเทพฯ
ที่สำคัญในปีนี้จะมีการปรับช่วงเวลาการตั้งจุดตรวจจุดสกัดใหม่ จากเดิมที่เคยตั้งในช่วงกลางคืน มาเป็นการตั้งจุดตรวจตั้งแต่หลัง 12.00 น.เป็นต้นไป
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. ที่ดูแลงานจราจร อธิบายเหตุผล...
"เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่าประชาชนมีการดื่มและขับรถในช่วงเวลาดังกล่าว จึงต้องมีการปรับแผนเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุ และสุดท้ายจะมีการตั้งจุดตรวจการแข่งรถในช่วงเวลากลางคืน ที่มักจะออกมารวมตัวแข่งรถในช่วงกลางคืน ซึ่งทำให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนทั่วไป"
นี่คือ "หัวใจ" ที่ทำให้อุบัติเหตุในช่วงสงกรานต์ปีนี้่ลดลง
เท่าที่สดับตรับฟังจาก "นักดื่ม" หลายๆ คนที่ใกล้ตัว ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ด่านเยอะมาก จนไม่กล้าเมา ไม่กล้าดื่ม
หรือหากจะเมา หรือหากจะดื่ม ก็จะเลือกวันที่อยู่บ้านไม่ต้องเดินทางไปไหน
ต้องชื่นชม "ตำรวจนครบาล" ที่ถอดบทเรียนจากอดีตมาปรับใช้จนเห็นผล
สกัด "เมาแล้วขับ" ได้ชะงัด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ใครจัดโผนายพล?
ใจหาย...เหลืออีกเพียง 7 วัน ผบ.เด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็จะครบเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย. 2566
เก่าไปใหม่กำลังมา
เผลอแป๊บเดียวเหลืออีกเพียงไม่ถึงครึ่งเดือน ก็จะถึงวันที่ 30 ก.ย. 2566 วันเกษียณอายุราชการของข้าราชการทุกๆ หน่วย
เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' จบ!
จริงๆ ตำแหน่ง "ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ" หรือ "ผบ.ตร." คนที่ 14 ที่จะเข้ามาแตะมือต่อไม้ บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ซึ่งจะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย. 66
ลุ้น! โผไม้บรรทัด
หลัง "โผนายพลสีกากี" เดิม ในยุค นายกฯ ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถูกรื้อ ถูกล้างไพ่ ตามแรงบีบ แรงกดดัน ในเรื่อง "ความเหมาะสม" และ "หลักธรรมาภิบาล"
ล้างกระดาน!
"ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ตำรวจไทยทำไม่ได้..." มอตโตสุดคลาสสิกของ "พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์" อดีตอธิบดีกรมตำรวจ ที่ใช้ได้กับทุกเหตุการณ์ กับทุกยุคทุกสมัย ในแวดวง "ตำรวจ"
รวดเดียวจบ!
ต้องออกตัวล้อฟรีกันก่อน "จั่วหัว" แบบนี้ไม่ได้เกี่ยวกับการเมือง ไม่ได้เกี่ยวกับการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ตอนนี้ "รวดเดียวจบ"