ขนมพอสมน้ำยา

สำนวนไทยสำนวนนี้หมายความว่า “พอๆ กัน ไม่มีใครดีกว่ากัน” มาจากการที่ขนมจีนกับน้ำยามีสัดส่วนเหมาะสมกัน ซึ่งน่าจะมีความหมายที่ดี ทำให้ได้กินขนมจีนน้ำยาที่อร่อย ไม่แห้งไป ไม่แฉะไป แต่ต่อมาในภายหลังมักจะถูกนำมาใช้ในเชิงลบมากกว่า คือเมื่อมี 2 คน หรือ 2 กลุ่มที่ชั่วร้ายพอๆ กัน เราก็จะบอกว่าเขา 2 คนเหมือน “ขนมพอสมน้ำยา” หมายความว่าไม่มีใครดี เลวพอกัน ชั่วพอกัน ยุคนี้อาจจะมีสำนวนใหม่มาใช้แทนสำนวนนี้ นั่นคือ “ศีลเสมอกัน” ซึ่งก็นิยมนำมาใช้ในเชิงลบเช่นเดียวกัน เช่น “คน 2 คนนี้ เขาอยู่ด้วยกันได้ เพราะเขาศีลเสมอกัน (หมายความว่าชั่วพอกัน)” สำหรับหัวเรื่องของบทความในวันนี้ หมายถึงนักการเมือง (ชั่ว) บางพรรค บางคน กับประชาชน (ที่ไม่แน่ใจว่าชั่วหรือโง่)

บางกลุ่มบางพวกที่ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเลือกนักการเมืองชั่วเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร และเข้ามาบริหารประเทศ

นักการเมืองชั่วที่ว่านี้ก็คือนักการเมืองที่มีประวัติเคยโกงมากมายหลากหลายเรื่อง มีความจริงเชิงประจักษ์ว่าทำให้ประเทศชาติเสียหายหลายแสนล้าน การโกงหลายเรื่องเป็นคดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม มีการตัดสินไปแล้ว มีโทษติดคุกกันหลายคน มีทั้งสั้นๆ ไม่ถึงปี และยาวๆ ไปเป็น 40 กว่าปี มีทั้งที่ติดแล้ว ออกมาแล้ว มีทั้งที่ยังติดอยู่ และมีทั้งคนที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ คนพวกนี้ก็ยังคงต้องการเข้ามามีอำนาจอีก เวลาหาเสียงก็พูดจาดีว่าจะมาพัฒนาประเทศบ้าง จะมาพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนบ้าง หลายเรื่องเป็นวาทกรรม เป็นการพูดจาโกหก เพียงเพื่อจะให้ได้คะแนนชนะการเลือกตั้ง เพื่อจะได้มีอำนาจในการบริหารประเทศ การหาเสียงของเขามีหลายเรื่องที่สัญญาว่าจะให้โน่นให้นี่แก่ประชาชน ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็พูดจาหาเสียงเอาไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาทำไม่ได้ค่อยว่ากัน หลายนโยบายที่พูดจามอมเมาประชาชนนั้น เป็นการหาเสียงที่ขาดความรับผิดชอบ เพราะถ้าหากทำจริงประเทศชาติอาจจะพังพินาศได้

ประชาชนบางคน บางพวก ก็ยังคงคิดจะเลือกนักการเมืองชั่วๆ เข้าสภาและมาเป็นผู้บริหารประเทศ ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่ติดตามข่าวสารบ้านเมืองจึงไม่รู้ว่านักการเมืองที่เขาตั้งใจจะเลือกนั้นเป็นคนชั่วที่เคยโกงบ้านโกงเมือง ทำให้ประเทศชาติเสียหายหลายแสนล้าน หรือว่าจริงๆ แล้วเขารู้ว่านักการเมืองพวกนั้นชั่ว โกงบ้านโกงเมือง แต่เขาไม่สนใจ ใครจะดี ใครจะเลว เขาสนใจแต่นโยบายที่มีการ “แจก” ที่ทำให้พวกเขา “ได้” คนพวกนี้มักจะพูดว่า “เขาจะดีหรือจะเลว ฉันไม่สนใจ ฉันรู้แต่ว่า ถ้าหากเขาได้เป็นรัฐบาล และทำตามนโยบายที่เขาหาเสียงไว้ ฉันก็จะได้สิ่งที่เขาสัญญาว่าจะให้” ถ้าหากพวกเขาไม่รู้ เราก็อาจมองได้ว่า 1 คะแนนเสียงของเขาเป็นคะแนนเสียงที่ไม่มีคุณภาพ เพราะเขาไม่ได้ใช้ข้อมูลที่ควรจะใช้ในการตัดสินใจลงคะแนน แต่หากเขารู้อยู่แล้วว่านักการเมืองที่เขาจะเลือกนั้นชั่ว แต่เขาก็ยังคงจะเลือกเพราะคิดว่าเขาจะ “ได้” ก็แสดงว่าเขา “ชั่ว เขาเห็นแก่ตัว เห็นแก่ได้ โดยไม่คิดห่วงประเทศชาติ” แบบนี้แหละที่เราสรุปว่า นักการเมือง (ชั่ว) กับประชาชน (ที่โง่หรือชั่ว) เป็นพวก “ขนมพอสมน้ำยา” ที่มีศีลเสมอกัน

เพราะมีประชาชนกลุ่มนี้อยู่ ทำให้เราเป็นห่วงประเทศชาติมาก เพราะผลการหยั่งเสียงที่ออกมาดูเหมือนว่ากลุ่มก้อนของ “ขนมพอสมน้ำยา” ที่ศีลเสมอกันนั้นยังมีอยู่จำนวนมาก ตอนนี้มีนโยบายแจกเงินออกมา ใช้คำที่ทำให้ดูว่าเป็นพรรคที่ทันสมัยเสียเหลือเกิน แต่ก็โดนวิจารณ์หนักมาก ทันทีที่มีคนวิจารณ์ในตอนต้น พวกเขาก็พากันออกมาดูถูกคนวิจารณ์ว่าไม่ทันสมัย ตามเทคโนโลยีไม่ทัน แต่ต่อมามีคนออกมาวิจารณ์มากขึ้น ก็อยากจะบอกกับพรรคเจ้าของนโยบายว่า อย่าได้ริมากล่าวหาว่าคนที่วิจารณ์การแจกเงินยุคใหม่ของเขานั้นเป็นคนไม่ทันสมัย ไม่เข้าใจเทคโนโลยีสมัยใหม่ ควรดูคุณสมบัติความรู้ความชำนาญด้านเศรษฐศาสตร์ของท่านเหล่านั้นให้ดีก่อนจะพูดนะ หลายท่านเป็นอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ หลายท่านเป็นคนทำงานด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านการเงิน ด้านการคลัง บางท่านเป็นผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ทุกท่านต่างก็ไม่เห็นด้วย และพูดชัดเจนว่าเป็นนโยบายที่ไม่มีความรับผิดชอบ

พอโดนวิจารณ์ก็พากันออกมาแก้ตัวจนลิ้นพันกัน พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย ตกลงมันเป็นเงิน หรือเป็นคูปอง หรือเป็น token หรือเป็นเงินก้นถุง จะเอายังไง เอาให้แน่หน่อยเถอะ ตกลงมันเป็นสกุลเงิน (ที่ยังไม่มีกฎหมายรองรับ) หรือเป็นกระเป๋าเงินหรือเป็นแค่การทำธุรกรรมบนพื้นที่ดิจิทัลที่ไม่ต่างจากการจ่ายเงินผ่าน apps ต่างๆ และ QR code ตกลงคุณจะเอาเงินที่จะแจกตามนโยบายนี้มาจากไหน จากงบกลาง หรือจากภาษีที่เก็บได้เพิ่ม (ซึ่งแปลว่าเศรษฐกิจดี ไม่ได้กำลังดิ่งลงเหว หรืออยู่ในห้อง ICU ที่ต้องปั๊มหัวใจตามวาทกรรมโกหกของพวกคุณ)) หรือจากการตัดงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ ที่จัดสรรกันไปแล้ว (จะได้ถึง 5 แสนล้านหรือ มันประมาณ 18% ของงบเลยนะ) หรือจะกู้มาใช้จ่ายในการนี้ แบบนี้มันจะเพิ่มหนี้อีกไหม มันจะเกินเพดานไหม และที่สำคัญมันมีความจำเป็นที่จะต้องกู้ไหม

ทำไมต้องแจกทุกคน ทำไมไม่ช่วยคนที่มีความจำเป็นเท่านั้น และตามนโยบายดังกล่าวนี้มีความชัดเจนแล้วหรือยังว่า การใช้จ่ายจะจ่ายอย่างไร จ่ายที่ไหนได้บ้าง มีข้อจำกัด มีเงื่อนไขอย่างไร มีการพิจารณาแล้วหรือยังว่าพ่อค้าแม่ค้าธุรกิจไหน ใครจะยอมรับ ใครจะไม่ยอมรับ มีการใช้จ่ายเกี่ยวกับระบบภาษีหรือไม่อย่างไร เอาชัดๆ เห็นว่าตอนนี้ยังไม่สามารถตอบคำถาม 3 ข้อได้ครบ 1) เอาเงินมาจากไหน ใช้เงินเท่าใด 2) มีความคุ้มหรือไม่ อย่างไร 3) มีผลกระทบอะไร อย่างไรบ้าง ผู้วิจารณ์ทั้งหลายสรุปแล้วว่ามันคือนโยบายหาเสียงที่ขาดความรับผิดชอบ เป็นนโยบายที่จะพาประเทศลงเหว ประกาศออกมาก็เพื่อหวังโกยคะแนนเลือกตั้งเท่านั้น นักการเมืองเป็นอย่างนี้ ถ้าหากมีคนออกมาวิจารณ์กันชัดๆ แล้วว่ามันเป็นนโยบายที่ไม่ดี เป็นอันตรายต่อประเทศ ถ้าหากยังมีประชาชนคิดจะเลือกนักการเมืองที่ออกนโยบายแบบนี้ ก็ต้องย้ำว่าพวกเขาทั้ง 2 ซีกนี้คือ “ขนมพอสมน้ำยา” ที่เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศชาติอย่างน่าเป็นห่วง คนรักประเทศชาติจะยังนิ่งเฉยกันอีกเหรอ เราจะไม่คิดจะทำอะไรที่สกัดกั้นไม่ให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราบ้างเลยหรือ อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือของพวกเราทุกคน การลงคะแนนเสียงเลือกผู้แทนราษฎร อย่าคิดถึงแต่ประโยชน์ส่วนตน อย่าเห็นแก่ได้ ให้คิดถึงประเทศชาติกันให้มากนะคะ

ถ้านักการเมืองชั่วขนาดนี้ แล้วยังมีประชาชนที่เห็นแก่ตัวจนโง่ไปเลือกนักการเมืองชั่วเข้ามาอีก ประเทศไทยก็เอวังสิคะ ช่วยกันทำให้ประชาชนหายโง่และอย่าเห็นแก่ได้จนเลือกคนชั่วเลยนะคะ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อยากช่วย...อยากเชียร์...แต่เพลียแล้วนะ

ในคืนวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 เราตกใจเมื่อเห็นผลของการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งมาเป็นที่ 1 ได้ สส. 151 ที่นั่ง พรรคเพื่อไทยมาเป็นที่ 2 ได้ สส. 141 ที่นั่ง ส่วนพรรคที่เขาเรียกขานกันว่าเป็นพรรคอนุรักษ์หรือพรรคหนุนเผด็จการนั้น ได้จำนวน สส.ห่างไกลจาก 2 พรรคนี้มาก ภูมิใจไทยที่ได้จำนวน สส.มาเป็นที่ 3

ยุคพระอาทิตย์ 7 ดวง

ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่...แต่เผอิญไปป่วย หรือ อาพาธ อยู่ประมาณ 3 เดือน คือระหว่างเดือนมกราคม-มีนาคม ปีพุทธศักราช 2535 หรือประมาณ 35 ปีมาแล้ว

หึ่ง! เชือด 'นายพล' อีก

ดูเหมือนจะเป็นหน่วยงานแห่งความหวัง หน่วยงานที่พึ่งสำคัญ ในการจะกลับเข้ารับราชการตำรวจอีกครั้งของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. หลังจาก บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์

ดร.เสรี ชำแหละดิจิทัล 10,000

ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านการตลาดและการสื่อสาร โพสต์เฟซบุ๊กว่า แจกเงินดิจิทัล 10,000 แก่คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไปที่รายได้น้อยกว่า 840,000 หรือเงินเก็บไม่เกิน 500,000 บาท ยังมีคำถามมากมาย

จะมาจากแหล่งไหน....ก็ไม่สบายใจทั้งนั้น

ก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีการหยั่งเสียงคะแนนนิยมว่าก้าวไกลมีคะแนนชนะเพื่อไทย ความร้อนรนกลัวแพ้ บนเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยก็มีการประกาศทันทีว่าจะแจกเงินดิจิทัล