
เริ่มต้นไปแล้วสำหรับการลงคะแนนเสียงล่วงหน้า โดยครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ทางการเมืองของประเทศไทย ซึ่งจะชี้วัดอนาคตของประเทศเลยทีเดียว โดยในวันที่ 14 พ.ค.2566 จึงอยากขอชวนเชิญผู้อ่านทุกคนไปเลือกตั้งกันเยอะๆ อย่านอนหลับทับสิทธิ์กัน เพื่อที่ทุกคนจะสะท้อนเจตนารมณ์ของตัวเองผ่านบัตรเลือกตั้ง ชอบพรรค ชอบคน ชอบนโยบายของพรรคไหน ก็ไปกา ยืนยันเจตจำนงของตัวเองกันเยอะๆ
แต่ก่อนที่จะลงคะแนนควรศึกษานโยบายของแต่ละพรรคให้ถี่ถ้วน รอบคอบ ว่ามันสามารถทำได้จริงอย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่ แล้วการที่จะแจกนู่นนี่นั่น พวกเขามีเงินมารองรับ หรือมีแหล่งที่มาของเงินจริงหรือไม่ ซึ่งทั้งหมด ท่านผู้อ่านควรจำเป็นต้องสังเคราะห์ออกมาให้ดี 'คิด วิเคราะห์ แยกแยะ' ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ผู้เขียนมีโอกาสได้นั่งฟังดีเบตของบรรดาตัวแทนพรรคในเรื่องเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งจัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจร่วมกับมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เมื่อสัปดาห์ก่อน และก็ได้เห็นทางศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่สำรวจ ความเห็นกลุ่มตัวอย่าง 2,112 ราย ระหว่างวันที่ 24-29 เมษายน 2566 ในหัวข้อ ความคาดหวังเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของพรรคการเมือง และความต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วนคือ ลดค่าครองชีพ-เพิ่มสวัสดิการ-เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ
รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดผลสรุปโพลนโยบายเศรษฐกิจ โดยระบุว่า ประชาชนมีการตั้งคำถามถึงนักการเมือง 5 คำถาม ได้แก่ 1.นโยบายเศรษฐกิจที่นำเสนอนั้นเอาเงินมาจากไหน 2.นโยบายนี้จะทำได้เมื่อใด 3.ทำแล้วเกิดประโยชน์อะไรกับประชาชนและประเทศ 4.นโยบายต่างๆ จะมีผลต่อหนี้สาธารณะของประเทศหรือไม่ 5.จะมีการรายงานผลของนโยบายต่อประชาชนเป็นระยะหรือไม่
โดยจากการรวบรวมนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่พรรคการเมืองเสนอ พบว่านโยบายเหล่านี้ประชาชนให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่างการแจกเงิน หรือนโยบายแรงงาน ที่โฟกัสไปที่การปรับขึ้นค่าจ้าง หรือนโยบายทางด้านลดค่าครองชีพ เช่น การลดค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ค่าแก๊สหุงต้ม รวมถึงการแก้ไขปัญหาหนี้สิน
นี่คือความต้องการที่ประชาชนต้องการมากๆ ให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาจัดการในทันที ซึ่งทางหอการค้าได้รวบรวมนโยบายที่ต้องการให้รัฐบาลชุดใหม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน ประกอบไปด้วย 10 ข้อ
1.ลดค่าครองชีพของประชาชนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
2.เพิ่มเติมสวัสดิการในด้านต่างๆ ให้กับประชาชน (สวัสดิการด้านการรักษาพยาบาล และเบี้ยผู้สูงอายุ)
3.เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และพัฒนาทักษะฝีมือแรงงาน
4.แก้ไขปัญหาความยากจน/ปัญหาหนี้สิน และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
5.สร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการ
6.ปรับปรุงกฎหมาย/กฎระเบียบให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
7.พัฒนาภาคเกษตรกรรม และแก้ไขปัญหาที่ดิน
8.เร่งฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
9.ลดข้อจำกัดและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบกิจการ
10.ปรับปรุงระบบการศึกษาให้สามารถเข้าถึงได้ง่าย สอดคล้องกับโลกยุคใหม่
นี่คือความต้องการที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลเข้ามาแก้ปัญหา ซึ่งผู้อ่านต้องมองหาพรรคการเมืองที่จะมาช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง และก่อนเข้าคูหา ศึกษาให้รอบคอบก่อน... กา.
ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ

