เข้มข้นๆ แบบห้ามกะพริบตา การตั้ง "รัฐบาล" ของพรรคก้าวไกล ที่ตอนนี้เข้าเกียร์ 5 เดินหน้าเต็มพิกัด รวบรวม 8 พรรคการเมือง 313 เสียง จับมือ "ตั้งรัฐบาล" ภายใต้ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าพรรคก้าวไกล
เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
คอการเมืองหลายคนบอกว่า วันนี้ "เป็นวัน" ของก้าวไกล แต่จะใช่ "เวลา" ของก้าวไกล ในการบริหารประเทศหรือไม่
เค้าว่าต้องดูกันยาวๆ
เพราะตามเงื่อนไขทางกฎหมาย การจัดตั้งรัฐบาลยังมีเวลาอีกหลายเดือน ที่สำคัญยังมีอีกหลายขั้นตอน มีอีกหลายด่าน
โดยเฉพาะ "ด่านหิน" ส.ว. 250 เสียง
แต่เมื่อวันนี้เป็นโอกาสของ "ก้าวไกล" ก็อนุมานไปก่อนว่า พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลได้ มี "พิธา" เป็นนายกรัฐมนตรี
คราวนี้ก็มาโฟกัสในมุม "ตำรวจ" เมื่อ "ก้าวไกล" เป็นรัฐบาล "พิธา" เป็นนายกฯ แม้เจ้าตัวจะประกาศก่อนหน้านี้ว่าจะคุม "กองทัพ" ด้วยตัวเอง ไม่ได้เอ่ยถึง "ตำรวจ" ตรงๆ แต่ก็หนีไม่พ้น ที่พรรคแกนนำรัฐบาลจะต้องมาคุม "ตำรวจ" ที่ถือเป็นมือเป็นไม้ในการขับเคลื่อนการทำงานให้รัฐบาล
"ก้าวไกล" คุม "ตำรวจ" จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง???
นโยบายต่างๆ ยังไม่มีประกาศออกมา แต่ถ้ายึดเอาตามที่ "รังสิมันต์ โรม" โฆษกพรรค บอกระหว่างร่วมงานสัมมนาหัวข้อ “ทิศทางการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และตำรวจของประเทศไทย” จัดโดยคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร โดยเชิญตัวแทนตำรวจจากทุก สน.ในกรุงเทพมหานคร มาร่วมรับฟัง เมื่อต้นเดือน ก.พ.66
"โฆษกพรรคก้าวไกล" บอกว่า การปฏิรูปตำรวจจำเป็นต้องมีอิฐก้อนแรก
"เริ่มจากกำจัดระบบตั๋ว ถ้าทุกคนมีระบบการเติบโตที่เป็นไปตามความสามารถ ก็จะขจัดการหาผลประโยชน์อย่างไม่ถูกต้องได้ ถ้าเราจัดการระบบตั๋วและเส้นสายได้ ทำให้ระบบการแต่งตั้งโยกย้ายต่างๆ เป็นไปตามความสามารถ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ต้องมาจากการไม่กลัวว่าทำแล้วจะไปเหยียบเท้าใคร ถ้าทำผลงานดี ต้องได้ดี
เมื่อมีการเปิดตำแหน่งใหม่ของชั้นสัญญาบัตร ต้องส่งเสริมให้ตำรวจชั้นประทวนมีการศึกษาที่สูงขึ้น และตำรวจชั้นประทวนที่จบปริญญาตรีต้องมีสิทธิ์ได้รับเลือกก่อนในตำแหน่งสัญญาบัตรที่เปิดใหม่ และต้องทำให้ตำรวจทุกสายงานมีโอกาสเติบโตได้อย่างเท่าเทียมกัน
สิ่งที่จำเป็นต้องทำเพื่อให้เกิดงานที่ดี คือการเพิ่มงบประมาณและสนับสนุนทรัพยากรให้ตำรวจ เปลี่ยนงานที่ต้องใช้กระดาษเป็นดิจิทัล อาวุธปืนและเครื่องแบบไม่ควรต้องตัดและออกเงินซื้อเอง
ภาระงานที่สำคัญที่สุดคือ ตำรวจต้องอยู่ใกล้ชิดประชาชน ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่เอาเวลาไปรับใช้ระดับวีไอพี ควรมีตำรวจหญิงประจำทุกโรงพัก เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินคดีล่วงละเมิดทางเพศ และต้องส่งเสริมให้มีการติดกล้องเกิดขึ้น จะช่วยแยกระหว่างตำรวจดีและตำรวจไม่ดี เป็นประโยชน์กับคนทุกฝ่าย
สุดท้ายเรื่องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของตำรวจคือการคืนทรงผมให้พี่น้องตำรวจ"
OK มั้ยครับ...คุณตำรวจ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เตะออกนอกหน่วย
จำได้ว่าช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เคยหยิบยกเนื้อหาที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้โพสต์เอาไว้ในเฟซบุ๊ก Aek Angsananont ตั้งแต่ตอนที่ได้รับเลือกแต่งตั้งเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท ก. หลังได้รับการเลือกตั้งจากตำรวจระดับ รอง ผกก.ขึ้นไปใหม่ๆ
เลือก 'ประธาน ก.ตร.'
อย่าเพิ่งตกใจ อย่าเพิ่งมึนงง อย่าเพิ่งสับสนว่าตำแหน่ง "ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ" หรือ "ประธาน ก.ตร." มีการเปลี่ยนแปลงจาก "โดยตำแหน่ง" มาเป็น "คัดเลือก"
กลัดกระดุมตำรวจ
ตั้งใจจะเขียนตั้งแต่สัปดาห์ สองสัปดาห์ก่อน ถึงเรื่องที่น่าสนใจ เรื่องที่น่าจะขยาย ให้ "ตำรวจ" ทั่วประเทศได้รับรู้ รับทราบ ถึงการทำหน้าที่ของ 3 ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท (ก.) ที่ได้รับการเลือกตั้งจากตำรวจระดับ รอง ผกก.ขึ้นไป เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ตร.ดีเด่นฉาวโฉ่!
ไม่เข็ด ไม่หลาบ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่เกรงกลัวการลงโทษทางวินัยจริงๆ "สีกากีนอกแถว" ทั้งๆ ที่ ผบ.เด่น-พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขู่เช้า ขู่เย็น จะฟัน "ตำรวจ" ทุกนายที่กระทำผิดกฎหมาย
ด่านสกัดเมาขับ
เข้าสู่ช่วงท้ายของเทศกาล "สงกรานต์" แม้ตัวเลขอุบัติเหตุทางถนนจะมีผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุสูงสุดมาจาก ขับรถเร็วเกินกำหนดและการเมาแล้วขับเช่นเคย
คุณธรรมตำรวจ
ไม่มีเข็ด ไม่มีหลาบ "สีกากีนอกรีต" ถูกลงโทษ ถูกลงทัณฑ์ ถูกไล่ออก ถูกดำเนินคดี มากแค่ไหนก็ไม่หยุด ไม่เลิกพฤติกรรมการกระทำผิด ขนาด "ผบ.เด่น" พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ แม่ทัพใหญ่ แยกเขี้ยวขู่เอาจริง เอาจังเป็นรายวัน "ก.ตร." โชว์ตัวเลขการเอาตำรวจออกจากราชการ ทั้งปลดออก ทั้งไล่ออก ทั้งดำเนินการทางวินัยทุกเดือน