เตะออกนอกหน่วย

จำได้ว่าช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เคยหยิบยกเนื้อหาที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้โพสต์เอาไว้ในเฟซบุ๊ก Aek Angsananont ตั้งแต่ตอนที่ได้รับเลือกแต่งตั้งเป็น ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิประเภท ก.  หลังได้รับการเลือกตั้งจากตำรวจระดับ รอง ผกก.ขึ้นไปใหม่ๆ

ครั้งนั้น พล.ต.อ.เอก โพสต์ภาพการนั่งพูดคุยร่วมกับอีก 2 ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ คือ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง และ พล.ต.อ.มนู เฆฆหมอก เพื่อหารือการทำงานในหน้าที่ ก.ตร.

เป็นการ "กลัดกระดุมเม็ดแรก" แก้ปัญหาตำรวจ

ครั้งนี้ พล.ต.อ.เอก โพสต์เฟซบุ๊กอีกครั้งเกี่ยวกับการให้ความเป็นธรรมตำรวจ โดยเฉพาะการถูกย้ายออกออกนอกหน่วยโดยไม่สมัครใจ หรือถูกลงโทษออกจากราชการโดยไม่ได้กระทำความผิด

เห็นว่าเป็นเรื่องน่าสนใจ ที่สำคัญจะได้ตอบคำถาม "ตำรวจ" หลายคนที่เคยฝากถามตอนจะมีการเลือกตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ว่าเลือกแล้วจะช่วยอะไรเราได้ เลือกไปก็เหมือนเดิม "ทำงาน" แทบตายก็สู้พวก "วิ่งเต้น" พวก "ใกล้ชิดนาย" ไม่ได้

นี่น่าจะเป็นคำตอบการกู้คืนศักดิ์ศรีตำรวจ ที่ ก.ตร.เลือกตั้งชุดนี้ประกาศไว้ ผ่านข้อความของ พล.ต.อ.เอก

"เรื่องที่ตำรวจมักร้องเรียนขอความเป็นธรรมคือเรื่องถูกย้ายเตะออกนอกหน่วยโดยไม่สมัครใจ หรือถูกลงโทษออกจากราชการโดยไม่ได้กระทำความผิด ผมได้รับการติดต่อจากน้องๆ หลายคนขอคำแนะนำในการดำเนินการกรณีดังกล่าว บางคนโทร.มาปรึกษา บางคนแจ้งมาทาง Facebook หรือ Line บางคนมาพบและนำเอกสารมาให้ตรวจสอบ ซึ่งผมก็ยินดีและเต็มใจรับฟัง ให้คำแนะนำช่วยเหลือทุกราย

เรื่องถูกย้ายเตะออกนอกหน่วยโดยไม่สมัครใจ ถ้าหากร้องทุกข์ไว้ ในช่วงที่ผมเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ก็มีการพิจารณา และมีมติให้ได้ย้ายกลับสังกัดเดิม จำนวน 3 ราย

หากไม่ได้ร้องทุกข์ไว้ ก็อาจจะต้องทำบันทึกสมัครใจขอรับการแต่งตั้งกลับสังกัดเดิม หรือหาผู้สมัครใจมาสับเปลี่ยนตำแหน่งกัน ผมก็จะพยายามผลักดัน เพื่อให้ทุกคนได้กลับไปปฏิบัติตามถิ่นฐานภูมิลำเนา ซึ่งผมมั่นใจว่าเป็นขวัญและกำลังใจให้ตำรวจ และเกิดประโยชน์ต่อทางราชการอย่างยิ่ง

ส่วนเรื่องถูกออกจากราชการ จะเป็นกรณี ป.ป.ช.  ป.ป.ท.ชี้มูลว่า กระทำความผิดอาญาฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และส่งมาให้ ตร.มีคำสั่งลงโทษวินัยร้ายแรง (ปลดออก หรือไล่ออก) ภายใน 30 วัน ต่อมาภายหลังในส่วนของคดีอาญาศาลมีคำพิพากษายกฟ้องหรืออัยการมีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้อง เนื่องจากไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา จะเยียวยาแก้ไขอย่างไร

ช่วงนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 เพิ่งเริ่มใช้บังคับ ตำรวจและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องอาจจะยังไม่เข้าใจบทบัญญัติของกฎหมายดีพอ พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 บัญญัติไว้แต่เฉพาะกรณีศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดว่าตำรวจผู้นั้นไม่ได้กระทำความผิด ผู้บังคับบัญชาต้องพิจารณาดำเนินการเยียวยาให้กลับเข้ารับราชการ และชดใช้ต่างๆ แต่กรณีอัยการสั่งไม่ฟ้องถึงที่สุดแล้ว พ.ร.บ.ตำรวจฯ ไม่ได้บัญญัติไว้ ต้องไปใช้ พ.ร.บ.วิ.ปกครอง ขอให้พิจารณาทบทวนการออกคำสั่งลงโทษให้ออกจากราชการ และสั่งการเยียวยาให้ถูกต้องเหมาะสม

น้องๆ หลังจากได้รับคำแนะนำแล้ว รีบไปดำเนินการ โดยมีความหวังว่าจะได้กลับมาเป็นตำรวจอาชีพที่รักและภาคภูมิใจอีกครั้ง ผมเองก็มีรู้สึกดีๆ และมีกำลังใจที่จะทำหน้าที่ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่อไปครับ"

ตำรวจกว่า 2 แสนนาย ได้รับรู้ รับทราบแล้วน่าจะมีกำลังใจในการทำงาน มีกำลังใจในการทำหน้าที่ "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" ต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'รอง ผบ.ตร.' ขาดแคลน

นี่ซิ...วงการ "สีกากี" ไม่ทันที่ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. จะเก็บของออกจากห้องทำงานหมด หลัง บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ปิดฉาก'ผบ.ต่อศักดิ์'

ชัดเจนแบบไม่ต้องเดา ไม่ต้องคาดการณ์ การแต่งตั้ง "นายพล" วาระประจำปี 2567 ปลายปีนี้ ผู้ที่มีอำนาจจัดทำบัญชีแต่งตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. อย่างแน่นอน!!!

ทิศทางสีกากีเปลี่ยน!

พอทุกอย่างลงตัว คลื่นลมสงบ สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หมายเรียกหมายจับ เริ่มขับเคลื่อนไปตามกระบวนการยุติธรรม ทิศทาง "สีกากี" ก็เลยชัดเจน แจ่มแจ้ง

บ่อนกับตำรวจ

เห็นท่าทีขึงขัง เอาจริงเอาจัง ในการปราบปรามการพนันทั้งแบบ "ออนไลน์" และแบบ "บ่อนพนัน" ของ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการแทน ผบ.ตร. ถึงขนาดมีนโยบายชัดเจน

เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' เปลี่ยน!

มีสัญญาณที่น่าสนใจ ที่น่าจับตา ภายในรั้ว "กรมปทุมวัน" หลังจากนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งเด้งแพ็กคู่ 2 นายพล ทั้ง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และบิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี

แฉมาตายหมู่!

ช่วงนี้ขออนุญาตไม่รับนัดใคร ไม่ขอไปไหนไกลเกิน 2 ลี้ เดี๋ยวลุกจากเก้าอี้แถวหน้าเวทีมหกรรมแห่งการแฉ "แวดวงสีกากี" แล้วจะเสียม้า เสียที่ ไม่ได้ยินเรื่องราวเต็มสองหู ไม่ได้เห็นด้วยตาแบบชัดๆ