บันทึกหน้า4

1 มิถุนายน 2566 ถือว่าครบรอบการทำงาน 1 ปีของ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร “ชัชชาติ สิทธ์พันธุ์” ที่ได้คะแนนเสียงเลือกตั้งกว่า 1 ล้าน 3 แสนเสียง ซึ่งก็มี โพลสำรวจความคิดเห็นของคณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ออกมา โดย “รศ.ดร.กุลทิพย์ ศาสตระรุจิ” คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ฯ ได้เผยแพร่ต่อสื่อมวลชน ...๐

งานนี้ก็ไม่รู้ว่าผลโพลดังกล่าวน่าเชื่อถือได้มากแค่ไหน เพราะ สำรวจกลุ่มตัวอย่างแค่ 200 คน ทั้งที่สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ออกประกาศจำนวนราษฎรทั่วราชอาณาจักร ณ วันที่ 31 ธ.ค.2565 โดยพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้นมีประชากรถึง 5,494,932 คน เรียกว่าการสอบถามยังไม่ถึงเสี้ยวของ 0.1% ของคนกรุงเทพฯ ด้วยซ้ำ แต่ผลโพลกลับบอกว่า “ชัชชาติ” มีคะแนนทุ่มเทในการทำงานและมีความเป็นมืออาชีพในการเป็นผู้ว่าฯ กทม.มากที่สุด 4.27 จากคะแนนเต็ม ซึ่งก็ไม่รู้อีกต่างหากว่าคะแนนเต็มนั้นคือเท่าไหร่ 5 คะแนนหรือ 10 คะแนน หรือ 100 คะแนนกันแน่ ...๐

หันมาดูเรื่องตั้งไข่รัฐบาลกันบ้างดีกว่า เพราะดูเหมือนยังคงอยู่ในช่วงการเจรจาต้าอ่วยว่าด้วยเก้าอี้ “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” กันอยู่ เลยทำให้การประชุม 8 พรรคร่วมรัฐบาล เมื่อวันจันทร์ที่ 30 พ.ค. ก็ทำได้แค่เพียงการตั้งคณะทำงานประสานงาน 7 คณะ จากทั้งหมด 23 ข้อในเอ็มโอยู และจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 6 มิ.ย.นี้ ที่บอกว่าเป็นการประชุมซื้อเวลาแก้เกี้ยวนั้น ไม่ใช่เรื่องลมๆ แล้งๆ เพราะหากบอกว่าคณะทำงานจะเข้ามาดูแลช่วงเปลี่ยนผ่านและดูแลปัญหาประชาชนจริง ทำไมไม่ตั้งให้ครบทั้ง 23 คณะตาม 23 ข้อ จะตั้งแค่ 7 คณะไปเพื่ออะไร ...๐

เลยไม่แปลกที่กูรูกฎหมายอย่าง “วิษณุ เครืองาม” ต้องออกมาเตือนสติบ้างว่าให้ทำเงียบๆ อย่าอึกทึกครึกโครม หรือภาษาชาวบ้านเขาก็บอกว่าออฟไซด์นั่นแล เพราะอย่าลืมว่าจนป่านนี้นั้น “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” ยังไม่ได้มีการรับรองใครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแม้แต่คนเดียว ที่สำคัญบรรดาพวกคณะทำงานจะไปจิก จะไปเรียกให้ “ข้าราชการ” ไปให้ข้อมูลหรืออะไรนั้น ก็ไม่รู้ว่ามีกฎหมายอะไรให้อำนาจไว้ แล้ว หากทำหรือไม่ทำขึ้นมาจริง เกิด “ศรีสุวรรณ จรรยา” หรือแม้ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” ไปยื่นร้องขึ้นมา ใครจะซวยถ้าไม่ใช่ข้าราชการ ...๐ อาจารย์วิษณุนอกจากจะบอกเล่าเก้าสิบในการทำเรื่องนี้แบบเงียบๆ แล้วยังแถมวิเคราะห์ปม “พิธา ลิมเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคก้าวไกลให้หนาวสะท้านเล่นด้วย เพราะบอกถึงกรณีการร้องเรื่องถือหุ้นไอทีวี ซึ่ง “เนติบริกร” ก็ไม่รู้ว่ามีการร้องวินิจฉัยในประเด็นใดบ้าง แต่หากเป็นประเด็นเรื่อง ขาดความเป็นสมาชิกพรรคเพราะถือหุ้นสื่อ ก็อาจได้เลือกตั้งใหม่กันทั้งประเทศ แล้วที่สำคัญ “พรรคก้าวไกล” ต้องเป็นผู้ชดใช้ค่าใช้จ่ายที่ต้องจัดเลือกตั้งใหม่ด้วย ...๐

ที่สำคัญตัวละครเอกที่มักถูกหยิบยกมาเทียบเคียงในเคส “แดดดี้ทิม” อย่าง “ชาญชัย อิสระเสนารักษ์” อดีต ส.ส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ ที่ถือหุ้นเอไอเอส 200 หุ้น ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้คืนสิทธิ์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์แบบเป็นล่ำเป็นสันครั้งแรกว่าเทียบไม่ได้ แต่กรณีของ “พิธา” นั้นต้องไปเทียบกับกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในการถือหุ้นบริษัท  วี-ลัค มีเดีย มากกว่า โดย “ชาญชัย” ยังคาดว่ากรณี “พิธา” นั้นยัง 50/50 เรียกว่าลูกผีลูกคน แต่หากยึดบรรทัดฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยไว้แล้ว ก็บอกได้เลยเผาจริงแน่ เพราะหากแค่ “เผาหลอก” ก็ต้องถูกสังคมสอบถามถึงเรื่องมาตรฐานในคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่บอกว่าผูกพันทุกองค์กรให้สั่นคลอนไปด้วย ...๐

พูดถึง “พ่อฟ้า” แล้วไม่เอ่ยถึงการมาเสนอหน้าเชียร์ “ศิริกัญญา” ไม่ได้ เรียกว่าแก๊ง 3 คนนั้นไม่เคยทิ้งกันเลย หลังจาก “ปิยบุตร แสงกนกกุล” เลขาธิการคณะก้าวหน้าทิ้งบอมบ์ว่าด้วย “เก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ต้องเป็นของพรรคก้าวไกลแล้วเงียบหายเข้ากลีบเมฆไป ให้บรรดาลูกหาบและด้อมส้มออกมาทำหน้าที่ต่อ ก็มาถึงคิว “ธนาธร” ทำหน้าที่เชียร์ “ศิริกัญญา ตันสกุล” หรือคุณไหม ว่าเหมาะสมในการนั่งขุนคลังหญิงคนแรกกันบ้าง แล้วละครก็มาในบทเดิมอีกต่างหาก เมื่อ “ธนาธร” เชียร์แล้วบรรดาลูกหาบก้าวไกลก็ออกมาขานรับทันควัน แล้วอย่างนี้จะไม่ถูกร้องถูกฟ้องเรื่องครอบงำได้อย่างไร เพราะดูเหมือนคนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเวลาพูดอะไร บรรดา “ด้อมพ่อฟ้า” “ด้อมส้ม” พาเหรดกันปฏิบัติยิ่งกว่าไฮ ฮิตเลอร์ เสียอีก ...๐

 

ท.ศักดิ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด" กรรมไล่ล่ายังไม่หยุด หลังสังคมตีกลับ "ก้าวไกลการละคร" หลังพรรคก้าวไกล "ทำนิติกรรมอำพราง" ไล่ "หมออ๋อง"-ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกล

บันทึกหน้า 4

ขอเริ่มต้นบันทึกด้วยสุภาษิต "ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง" สอดรับกับมติที่ประชุมพรรคก้าวไกล "ขับหมออ๋อง" ปดิพัทธ์ สันติภาดา ออกจากพรรคด้วยเหตุผลฟังหรู

บันทึกหน้า 4

นายกฯ เศรษฐี ที่ชื่อ "เศรษฐา" ประกาศไม่รับเงินเดือนและค่าตอบแทนอื่นๆ ของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แม้ไม่ติดรายชื่อ 50 มหาเศรษฐีชาวไทย ประจำปี 2023 ตามที่ฟอร์บส์จัดอันดับไว้

บันทึกหน้า 4

ต้องบอกว่าผิดคาดอย่างยิ่ง เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ซึ่งมี “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม ได้ลงมติ 10 ต่อ 1 เลือก

บันทึกหน้า 4

วงการสีกากีสะเทือนอีก เมื่อตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ PCT สนธิกำลัง เปิดยุทธการ Big Cleaning Day กวาดบ้านตำรวจ เข้าตรวจค้น 50 จุดในพื้นที่ 6 จังหวัด

บันทึกหน้า 4

ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก” กรณี "หมออ๋อง" ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ยืนยันกรณีเดินทางไปดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21-24 กันยายน