ลูกน้องคับข้องใจ

มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ชื่อ "ตำรวจห้องประชุม" ส่ง จ.ม.น้อย มาระบายความอึดอัด ระบายความไม่สบายใจ ระบายข้อคับข้องใจในการทำงาน ให้ช่วยเป็นกระจกสะท้อนไปยัง "ผู้บังคับบัญชา" ได้รับรู้ ได้รับทราบบ้าง

เพราะหากเดินโทงๆ เข้าไประบายให้ "นาย" ฟังเองตรงๆ ก็กลัวจะโดนยันไปนอกห้อง กลัวโดนย้ายไปไกลปืนเที่ยง

เอ้า...เมื่ออยากให้สะท้อน อยากให้เป็นกระจก ก็จะทำตามคำขอ

จ.ม.น้อย "ตำรวจห้องประชุม" รายนี้ระบายมาแบบนี้ครับ...

"ทุกวันนี้การทำงานของตำรวจแทบจะเรียกได้ว่า ทำงานด้วยปาก เพราะต้องมีการประชุมสารพัดการประชุม ที่ทุกหน่วยต้องรายงานผลการปฏิบัติให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบ ทั้งๆ ที่ได้มีการรายงานเป็นเอกสารไปทั้งหมดแล้ว แต่ก็ต้องมานั่งอ่านเอกสารที่ส่งไปให้ฟัง

เอาแค่การประชุมติดตามงานเฉพาะเรื่องที่ต้องมอบนโยบายหรือสั่งการปัจจุบันทันด่วน ก็มีมากมายหลายหน้างานอยู่แล้ว ยังจะมาเจอการประชุมแบบนั่งอ่านเอกสารที่ส่งไปแล้วนี่ยิ่งปวดใจ ที่สำคัญการประชุมแต่ละครั้งดำเนินไปอย่างอืดอาดเชื่องช้า กินเวลา 2-3 ชั่วโมง มีการเรียกหน่วยให้เข้าร่วมทั่วประเทศลงไปลึกจนถึงระดับสถานีตำรวจ สิ้นเปลืองทั้งกำลังคนและเวลา สู้เอาเวลาที่ต้องเสียไปกับเรื่องไร้สาระ เอาไปทำงานที่สำคัญให้กับหน่วยงานและประชาชนดีกว่า

โดยเฉพาะการประชุมศูนย์ปฏิบัติการต่างๆ ทั้ง ศปก.ตร., ศปก.บช., ศปก.จว., ศปก.สถานี ที่น่าจะไปก๊อปปี้เอาอย่างตามแบบของทหาร ทั้งๆ ที่งานของตำรวจมีมากมายมหาศาล ทั้งการปฏิบัติตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาทุกระดับ การบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชน การดูแลป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และการเป็นหน่วยสนับสนุนให้กับหน่วยงานอื่น

ตำรวจไม่ใช่หน่วยงานที่มีเวลาว่าง มีหน้างานไม่กี่อย่าง เหมือนบางหน่วยงานที่มีเวลาไปตีกอล์ฟ ยิ่งตำรวจที่ต้องสัมผัสกับประชาชน ออกจากบ้านตั้งแต่ไก่โห่กว่าจะกลับบ้านได้ก็พลบค่ำ

การตั้ง ศปก.ตร.ขึ้นมาแล้วขยำรวมเอาทุกหน้างานต้องมารายงานในทุกเรื่องให้ ศปก.ตร.รู้เป็นประจำทุกวัน ไม่เว้นแม้วันหยุด เรียกประชุมกองบัญชาการเกือบทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะมีการสั่งการมาว่าบางครั้งให้เข้าประชุมเฉพาะระดับกองบัญชาการ แต่เอาเข้าจริงทุกกองบัญชาการก็จะสั่งการให้ทุกกองบังคับการและทุกสถานีตำรวจในสังกัด เฝ้าฟังการประชุมทุกวัน

การที่ต้องเฝ้าฟังตลอด 2-3 ชั่วโมง มันเสียทั้งเวลาและกำลังคน!!!

อีกทั้งในการแบ่งมอบหน้าที่ความรับผิดชอบในทุกหน้างาน ก็จะมี รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบในหน้างานนั้นๆ อยู่แล้ว จะถือว่าเป็นการก้าวก่ายงานคนอื่นหรือไม่ เพราะรองหรือผู้ช่วย ผบ.ตร.แต่ละหน้างานก็ประชุมในหน้างานของตนเองอยู่แล้ว การที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องมาเรียกประชุมเพื่อสั่งการลงไปถึงระดับสถานีตำรวจ มันดูไม่เป็นการกระจายอำนาจการบริหาร

จนทำให้ทั้งสัปดาห์แทบไม่ต้องทำอะไร นอกจากการเตรียมข้อมูลเพื่อรายงานและเข้าร่วมประชุม

บางวันหน่วยทั่วประเทศต้องมาเข้าร่วมประชุม 4-5 ครั้ง รายงานในเรื่องเดิมๆ ตัวเลขเดิมๆ ทุกครั้ง ทั้งวันแทบไม่ต้องทำอะไรนอกจากนั่งเฝ้าห้องประชุม"

ครับ...ฟังเสียงสะท้อนจาก "ลูกน้อง" แล้ว ไม่รู้บรรดา "นายๆ" จะรู้สึกอย่างไร

บอกกันมาได้นะครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แบ่งงานเจ็บจี๊ด!

เห็นคำสั่ง ตร.ที่ 176/2567 เรื่องกำหนดลักษณะงานและการมอบอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบให้รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จเรตำรวจแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และรองจเรตำรวจแห่งชาติ (เพิ่มเติม)

'รอง ผบ.ตร.' ขาดแคลน

นี่ซิ...วงการ "สีกากี" ไม่ทันที่ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. จะเก็บของออกจากห้องทำงานหมด หลัง บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาราชการแทน ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน

ปิดฉาก'ผบ.ต่อศักดิ์'

ชัดเจนแบบไม่ต้องเดา ไม่ต้องคาดการณ์ การแต่งตั้ง "นายพล" วาระประจำปี 2567 ปลายปีนี้ ผู้ที่มีอำนาจจัดทำบัญชีแต่งตั้งครั้งนี้ ไม่ใช่ บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. อย่างแน่นอน!!!

ทิศทางสีกากีเปลี่ยน!

พอทุกอย่างลงตัว คลื่นลมสงบ สถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หมายเรียกหมายจับ เริ่มขับเคลื่อนไปตามกระบวนการยุติธรรม ทิศทาง "สีกากี" ก็เลยชัดเจน แจ่มแจ้ง

บ่อนกับตำรวจ

เห็นท่าทีขึงขัง เอาจริงเอาจัง ในการปราบปรามการพนันทั้งแบบ "ออนไลน์" และแบบ "บ่อนพนัน" ของ บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รักษาการแทน ผบ.ตร. ถึงขนาดมีนโยบายชัดเจน

เก้าอี้ 'ผบ.ตร.' เปลี่ยน!

มีสัญญาณที่น่าสนใจ ที่น่าจับตา ภายในรั้ว "กรมปทุมวัน" หลังจากนายกรัฐมนตรี มีคำสั่งเด้งแพ็กคู่ 2 นายพล ทั้ง บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และบิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี